xs
xsm
sm
md
lg

โพลชี้คนใต้ไม่เชื่อน้ำยารัฐบาลแก้ปัญหา ศก.หลังปรับ ครม.ใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ สำรวจ ความคิดเห็นของประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้เกี่ยวกับความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการเมืองหลังปรับ ครม.โดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน 1,186 ตัวอย่าง และใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 7-9 สิงหาคม 2551

โดยกลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 58.1) อายุ 26-35 ปี (ร้อยละ 37.7) รองลงมามีอายุระหว่าง 18-25 ปี (ร้อยละ 33.6) และอายุ 36-45 ปี (ร้อยละ 23.5) ตามลำดับ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 44.3 มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี รองลงมา มีวุฒิการศึกษาระดับอนุปริญญา/ปวส. (ร้อยละ 31.4) และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ร้อยละ 9.9) และเมื่อพิจารณาสถานภาพด้านอาชีพ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอาชีพพนักงานบริษัท/รับจ้าง (ร้อยละ 38.6) รองลงมา ประกอบกิจการส่วนตัว/ค้าขาย(ร้อยละ 27.1) และร้อยละ 24.2 เป็นนักเรียนและนักศึกษา

ผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 89.6 เห็นว่า รัฐบาลสมัคร ไม่มีผลงานในการบริหารประเทศ โดยประชาชนร้อยละ 51.8 ให้เหตุผลว่าการแก้ปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณเขาพระวิหารที่เสียเปรียบประเทศกัมพูชา รองลงมา รัฐบาลเสียเวลากับการโต้เถียงกับสื่อและพันธมิตรฯและความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคณะรัฐมนตรี คิดเป็นร้อยละ 39.8 และ 32.2 ตามลำดับ มีเพียงร้อยละ 10.4 ที่เห็นว่า รัฐบาลบริหารประเทศประสบความสำเร็จ โดยเห็นว่ามีความสำเร็จด้านการแก้ปัญหาพลังงานทดแทน (ร้อยละ 56.3) รองลงมาเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ (ร้อยละ 39.5)

ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมในการแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ซึ่งมี ดร.วีรพงษ์ รามางกูร เป็นหัวหน้าทีมที่ปรึกษา พบว่า ประชาชนร้อยละ 57.0 เห็นว่า ดร.วีรพงษ์ รามางกูร มีความเหมาะสมที่จะเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลสมัคร โดยให้เหตุผลว่า ดร.วีรพงษ์ รามางกูร เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจ (ร้อยละ 46.9) และ ร้อยละ37.6 เห็นว่าเป็นผู้มีประสบการณ์จากการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาก่อน และประชาชนร้อยละ 43.0 เห็นว่า ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ไม่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลสมัคร โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ดร.วีรพงษ์ รามางกูร เป็นที่ปรึกษาของบริษัทเอกชน และมีผลประโยชน์ทับซ้อนขาดหลักธรรมภิบาล คิดเป็นร้อยละ 43.0 และ 42.0 ตามลำดับ

ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลหลังมีการปรับ ครม.พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ คิดเป็นร้อยละ 75.3 โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า รัฐบาลขาดการวางระบบการแก้ไขปัญหาให้ชัดเจน (ร้อยละ 48.0) รองลงมา ขาดความเป็นเอกภาพในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล (ร้อยละ 32.4) และรัฐมนตรีมีความรู้ไม่ตรงกับงานที่รับผิดชอบ คิดเป็นร้อยละ 19.6 มีเพียงร้อยละ 24.7 เห็นว่ารัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้

โดยประชาชนให้เหตุผลว่า เนื่องจากมีการแต่งตั้งทีม ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาล คิดเป็นร้อยละ 44.7 รองลงมา แก้ปัญหาได้เนื่องจากผลกระทบจากราคาน้ำมันลดลง คิดเป็นร้อยละ 40.4 ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาราคาสินค้าที่สูงขึ้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาราคาสินค้าที่สูงขึ้นได้ (ร้อยละ 59.4) มีเพียงร้อยละ 14.9 เห็นว่ารัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และร้อยละ 25.7 ไม่แสดงความคิดเห็น

ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำเงินสำรองระหว่างประเทศ (330,000 ล้านบาท) ไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ พบว่า ประชาชนร้อยละ 58.7 ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว มีเพียงร้อยละ 21.9 ที่เห็นด้วยกับนโยบายการนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ และร้อยละ 19.3 ไม่แสดงความคิดเห็น นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 54.6 เห็นด้วยกับการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 (เท่าเดิม) และร้อยละ 45.4 เห็นว่าควรลดภาษีมูลค่าเพิ่มให้เหลือร้อยละ 3 เท่านั้น นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 41.4 ไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะมีการปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ (นางธาริษา วัฒนเกส) มีประชาชนเพียงร้อยละ 29.8 ที่เชื่อว่าจะมีการปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ (นางธาริษา วัฒนเกส) และร้อยละ 31.2 ไม่แสดงความคิดเห็น

ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของนายไชยา สะสมทรัพย์ ที่กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งคณะรัฐมนตรี พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 70.2 เห็นว่าไม่มีความเหมาะสมที่จะแต่งตั้ง นายไชยา สะสมทรัพย์ เข้ามาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง มีเพียงร้อยละ 29.8 ที่เห็นว่ามีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น