สุราษฎร์ธานี-โอละพ่อ! เหตุเรือประมงอับปางกลางทะเลอ่าวไทย ที่แท้ถูกลูกเรือชาวพม่า ปล้นทรัพย์แล้วฆ่าไต๋ก๋งเรือ พร้อมลูกเรือชาวไทยรวม 4 ศพ ทิ้งทะเล เกาะพงัน สุราษฎร์ธานี ก่อนนำเรือเข้าฝั่งขายปลา แต่กรรมตามทัน เรือน้ำมันหมดวางแผนจมเรือ อ้างถูกพายุถล่ม
จากกรณีศูนย์ข้อมูลข่าวสาร เพื่อความมั่นคงทางทะเล อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งเหตุเรือประมงอวนลาก ชื่อ “ศิลาแก้ว 3” ซึ่งมีลูกเรือพร้อมไต๋ จำนวน 15 คน เป็นแรงงานชาวพม่า 11 คน และชาวไทย 4 คน ขาดการติดต่อขณะทำการลากอวนอยู่บริเวณอ่าวไทยแถบ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช และต่อมาได้มีเรือประมงให้การช่วยเหลือลูกเรือชาวพม่า 2 ราย จากบริเวณทิศเหนือของเกาะสมุย ไปประมาณ 50 ไมล์ทะเล
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา น.อ.(รน.) กฤษฎา รัตนสุภา รองผู้อำนวยการ กองกิจการพลเรือน กองเรือภาคที่ 2 กองเรือยุทธการ กล่าวว่า ภายหลังได้รับแจ้งเหตุได้ประสานไปยังศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล เขต 2) เพื่อช่วยออกค้นหาปรากฏว่า
เมื่อเวลา 10.00 น.ได้รับแจ้งจากเรือประมง ก.โชคเจริญ ว่า ได้ให้การช่วยเหลือลูกเรือชาวพม่า 2 ราย ขณะกำลังลอยคอรอความช่วยเหลืออยู่กลางทะเล จึงได้ประสานไปยังไต๋เรือศิลาแก้ว 7 ซึ่งกำลังออกค้นหาเรือศิลาแก้ว 3 อยู่ในบริเวณอ่าวไทย เดินทางพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ประจำเรือ ต.219 เข้าตรวจสอบ และสอบปากคำ
จากการตรวจสอบไต๋เรือศิลาแก้ว 7 ทราบว่า ลูกเรือชาวพม่าทั้ง 2 คน เป็นลูกเรือของเรือศิลาแก้ว 3 และจากการสอบสวนเบื้องต้น ทั้งคู่ให้การรับสารภาพว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 23 ก.ค. ขณะที่เรือศิลาแก้ว 3 กำลังลากอวนอยู่บริเวณอ่าวไทย ไปทางทิศเหนือของแหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 92 ไมล์ทะเล และมีปลาเต็มท้องเรือ
ลูกเรือชาวพม่าทั้ง 11 คน ได้ร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์ และฆ่าไต๋เรือ พร้อมคนงานชาวไทยรวม 4 ราย แล้วทิ้งศพลงทะเล หลังจากนั้น ได้พากันนำเรือเข้าฝั่งเพื่อขายสินค้า แต่ระหว่างเดินเรือกลับฝั่งปรากฏว่า น้ำมันหมด ประกอบกับมีคลื่นลมแรง ทำให้ทั้งหมดตัดสินใจจมเรือ ก่อนจะพากันลอยคออยู่ในทะเล เพื่อรอความช่วยเหลือจากเรือประมงลำอื่น
รอง ผอ.กองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาค 2 กล่าวต่อไปว่า ตอนแรกแรงงานชาวพม่าทั้ง 2 ราย ไม่ยอมให้การตามความเป็นจริง โดยอ้างว่า เรือศิลาแก้ว 3 ได้ประสบคลื่นลมแรงจนเรือล่ม จนกระทั่งได้มีการสอบสวนลูกเรือชาวพม่า 2 รายแรก ที่เจอก่อนหน้านี้ ทั้งหมดจึงให้การรับสารภาพ จึงได้ประสานไปยังตำรวจน้ำเกาะสมุย เพื่อนำตัวแรงงานต่างด้าวทั้ง 4 คน ไปสอบสวนปากคำ เพื่อขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“ต้องขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการเรือประมงในบริเวณอ่าวไทย ตังแต่ จ.สุราษฎร์ธานีลงไป หากพบเห็นหรือให้การช่วยเหลือลูกเรือชาวพม่า หรือพบศพไต๋พร้อมลูกเรือชาวไทย ก็ให้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ กองเรือภาค 2 ทราบ โดยคาดว่าลูกเรือประมงชาวพม่าอีก 7 คน ได้รับการช่วยเหลือไปจากเรือประมงก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนการค้นหาซากเรือนั้น ต้องรอการประสานจากเจ้าของเรืออีกครั้ง ว่าจะดำเนินการอย่างไร"
ทางด้าน พ.ต.ท. จีระ ยาฟอง สว.ตำรวจน้ำเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้ควบคุมตัวลูกเรือประมงชาวพม่าทั้ง 4 รายมาสอบสวนปากคำเพื่อขยายผล ที่ สถานีตำรวจน้ำเกาะสมุยเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากกรณีศูนย์ข้อมูลข่าวสาร เพื่อความมั่นคงทางทะเล อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งเหตุเรือประมงอวนลาก ชื่อ “ศิลาแก้ว 3” ซึ่งมีลูกเรือพร้อมไต๋ จำนวน 15 คน เป็นแรงงานชาวพม่า 11 คน และชาวไทย 4 คน ขาดการติดต่อขณะทำการลากอวนอยู่บริเวณอ่าวไทยแถบ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช และต่อมาได้มีเรือประมงให้การช่วยเหลือลูกเรือชาวพม่า 2 ราย จากบริเวณทิศเหนือของเกาะสมุย ไปประมาณ 50 ไมล์ทะเล
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา น.อ.(รน.) กฤษฎา รัตนสุภา รองผู้อำนวยการ กองกิจการพลเรือน กองเรือภาคที่ 2 กองเรือยุทธการ กล่าวว่า ภายหลังได้รับแจ้งเหตุได้ประสานไปยังศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล เขต 2) เพื่อช่วยออกค้นหาปรากฏว่า
เมื่อเวลา 10.00 น.ได้รับแจ้งจากเรือประมง ก.โชคเจริญ ว่า ได้ให้การช่วยเหลือลูกเรือชาวพม่า 2 ราย ขณะกำลังลอยคอรอความช่วยเหลืออยู่กลางทะเล จึงได้ประสานไปยังไต๋เรือศิลาแก้ว 7 ซึ่งกำลังออกค้นหาเรือศิลาแก้ว 3 อยู่ในบริเวณอ่าวไทย เดินทางพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ประจำเรือ ต.219 เข้าตรวจสอบ และสอบปากคำ
จากการตรวจสอบไต๋เรือศิลาแก้ว 7 ทราบว่า ลูกเรือชาวพม่าทั้ง 2 คน เป็นลูกเรือของเรือศิลาแก้ว 3 และจากการสอบสวนเบื้องต้น ทั้งคู่ให้การรับสารภาพว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 23 ก.ค. ขณะที่เรือศิลาแก้ว 3 กำลังลากอวนอยู่บริเวณอ่าวไทย ไปทางทิศเหนือของแหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 92 ไมล์ทะเล และมีปลาเต็มท้องเรือ
ลูกเรือชาวพม่าทั้ง 11 คน ได้ร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์ และฆ่าไต๋เรือ พร้อมคนงานชาวไทยรวม 4 ราย แล้วทิ้งศพลงทะเล หลังจากนั้น ได้พากันนำเรือเข้าฝั่งเพื่อขายสินค้า แต่ระหว่างเดินเรือกลับฝั่งปรากฏว่า น้ำมันหมด ประกอบกับมีคลื่นลมแรง ทำให้ทั้งหมดตัดสินใจจมเรือ ก่อนจะพากันลอยคออยู่ในทะเล เพื่อรอความช่วยเหลือจากเรือประมงลำอื่น
รอง ผอ.กองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาค 2 กล่าวต่อไปว่า ตอนแรกแรงงานชาวพม่าทั้ง 2 ราย ไม่ยอมให้การตามความเป็นจริง โดยอ้างว่า เรือศิลาแก้ว 3 ได้ประสบคลื่นลมแรงจนเรือล่ม จนกระทั่งได้มีการสอบสวนลูกเรือชาวพม่า 2 รายแรก ที่เจอก่อนหน้านี้ ทั้งหมดจึงให้การรับสารภาพ จึงได้ประสานไปยังตำรวจน้ำเกาะสมุย เพื่อนำตัวแรงงานต่างด้าวทั้ง 4 คน ไปสอบสวนปากคำ เพื่อขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“ต้องขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการเรือประมงในบริเวณอ่าวไทย ตังแต่ จ.สุราษฎร์ธานีลงไป หากพบเห็นหรือให้การช่วยเหลือลูกเรือชาวพม่า หรือพบศพไต๋พร้อมลูกเรือชาวไทย ก็ให้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ กองเรือภาค 2 ทราบ โดยคาดว่าลูกเรือประมงชาวพม่าอีก 7 คน ได้รับการช่วยเหลือไปจากเรือประมงก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนการค้นหาซากเรือนั้น ต้องรอการประสานจากเจ้าของเรืออีกครั้ง ว่าจะดำเนินการอย่างไร"
ทางด้าน พ.ต.ท. จีระ ยาฟอง สว.ตำรวจน้ำเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้ควบคุมตัวลูกเรือประมงชาวพม่าทั้ง 4 รายมาสอบสวนปากคำเพื่อขยายผล ที่ สถานีตำรวจน้ำเกาะสมุยเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป