ศูนย์ข่าวศรีราขา - สำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 1 จัดประชุมครั้งที่ 1 ประจำปี 2552 ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนทะเล หรือผู้แทน 12 แห่ง ตั้งแต่จังหวัดชุมพร ถึง จังหวัดตราด และเมืองพัทยาเขตปกครองพิเศษ รวม 50 คน ร่วมประชุมตามแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงในระดับพื้นที่เขตทัพเรือภาคที่ 1
วันนี้ (10 มี.ค.) พล.ร.ต.ทวีป สุขพินิจ หัวหน้าสำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 1 และเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 ได้รับมอบหมายจาก พล.ร.ท.ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ ประธานกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคง และผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ให้เป็นประธานในการเปิดประชุม ประกอบด้วยผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหมด 12 จังหวัด และผู้แทนนายกเมืองพัทยาซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษ ทั้งหมด 50 คน โดยมีผู้แทนจากจังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และเมืองพัทยา
พร้อมด้วยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กระทรวงมหาไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ทัพเรือภาคที่ 1 กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ฐานทัพเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการติดตามผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดนในปีที่ผ่านมา และร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหา และแผนงานโครงการด้านความมั่นคงที่จะบูรณาการร่วมกันในปีงบประมาณ 2553
พล.ร.ต.ทวีป สุขพินิจ หัวหน้าสำนักงานเลขานุการ เปิดเผยว่า การที่ประเทศไทยมีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบก ทางน้ำ และทางทะเล เป็นทั้งปัจจัยสำคัญที่สามารถเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่ ในทางตรงกันข้ามก็สามารถเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ชายฝั่งทะเล และเกาะแก่งต่างๆ โดยปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ชายแดน พื้นที่ชายฝั่งทะเล และเกาะแก่งต่างๆ ยังคงมีปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงชายแดนหลายประการ โดยเฉพาะปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่สามารถส่งผลกระทบเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ หากไม่สามารถบริหารจัดการงานแนวเขตชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พื้นที่ทางทะเล และเกาะแก่งต่างๆ นอกจากจะเป็นทั้งแหล่งทรัพยากรสำคัญของประเทศ รวมไปถึงเป็นเส้นทางหลักที่นำสินค้าเข้า-ออกนอกประเทศมากกว่าร้อยละ 90 ทะเลยังเป็นเขตแดนทางยุทธศาสตร์สำคัญระหว่างประเทศ และถือเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะประมาทเสียมิได้เพราะอาจเป็นช่องทางนำมาซึ่งปัญหาต่างๆ จนเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงทางทะเล เช่น ปัญหาการลักลอบนำเข้ายาเสพติดทางทะเล การกระทำอันเป็นโจรสลัด การค้าอาวุธสงคราม การลำเลียงสินค้าโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ปัญหาเขตแดนทางทะเลที่ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหาประมงไทย ปัญหาการลักลอบนำเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวทางทะเลโดยผิดกฎหมาย ปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติในทะเล และการก่อการร้ายในทะเลอีกด้วย
ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาด้วยการเสริมสร้างศักยภาพของคน ชุมชน และพื้นที่เป้าหมายในการบริเวนแนวชายแดนให้มีความเข้มแข็ง มีจิตสำนึกรับผิดชอบเรื่องของความมั่นคง และสิ่งที่ต้องปฏิบัติควบคู่กันไปก็คือ การสร้างความไว้วางใจกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมียุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดนรองรับนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติ บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในชาติอีกด้วย
