ศูนย์ข่าวศรีราชา - ศร.ชล.3 เสริมความรู้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือขจัดคราบน้ำมัน-มลพิษทางทะเล ป้องกันผลกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเล
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่ห้องประชุมโรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ร.ท.สุพจน์ พฤกษา ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฎิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 3 (ศรชล.เขต 3) กล่าวในการเป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อง บทบาท ศรชล.เขต 3 กับความร่วมมือในการขจัดคราบน้ำมันในทะเลฝั่อันดามัน ซึ่งทาง ศรชล.เขต 3 จัดขึ้น
โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล และ ระนอง เข้าร่วมว่า มลพิษทางทะเลโดยเฉพาะกรณีการเกิดน้ำมันรั่วไหลในทะเล ถือเป็นภัยร้ายแรงที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลเป็นอย่างมาก และการขจัดคราบน้ำมันในทะเลก็จะต้องกระทำอย่างรวดเร็ว เพราะหากล่าช้าจะส่งผลกระทบกับสภาพแวดล้อมทางทะเลได้
นอกจากนี้ ในการขจัดคราบน้ำมันในทะเลจะกระทำเพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งลำพังไม่ได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือและศักยภาพจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงจะทำให้การปฎิบัติงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยบทบาทของ ศรชล.3 ที่ผ่านมา จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานการปฎิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางทะเลในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้จะเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ในการประสานงาน และประสานการปฏิบัติต่อไป
พล.ร.ท.สุพจน์ กล่าวด้วยว่า ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันจะมีปัญหาในเรื่องของคราบน้ำมันค่อนข้างน้อย และไม่มีเหตุการณ์ขนาดใหญ่ แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้น โดยเรื่องของการเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นเราก็จะสามารถจัดการ ซึ่งขณะนี้เราก็มีความพร้อมอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ขณะที่ นาวาเอกรณภพ กาญจนพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน ศรชล.3 กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ และหน่วยปฎิบัติการหลักใน ศรชล.3 มีความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับมลพิษทางน้ำเนื่องจากคราบน้ำมัน การขจัดคราบน้ำมันในทะเล การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมัน แผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ
ตลอดจนการชี้แจงแนวทางการประสานความร่วมมือในการขจัดคราบน้ำมันในทะเลของ ศรชล.3 อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเตรียมการและประสานการปฎิบัติระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ ศรชล.เขต 3
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่ห้องประชุมโรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ร.ท.สุพจน์ พฤกษา ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฎิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 3 (ศรชล.เขต 3) กล่าวในการเป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อง บทบาท ศรชล.เขต 3 กับความร่วมมือในการขจัดคราบน้ำมันในทะเลฝั่อันดามัน ซึ่งทาง ศรชล.เขต 3 จัดขึ้น
โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล และ ระนอง เข้าร่วมว่า มลพิษทางทะเลโดยเฉพาะกรณีการเกิดน้ำมันรั่วไหลในทะเล ถือเป็นภัยร้ายแรงที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลเป็นอย่างมาก และการขจัดคราบน้ำมันในทะเลก็จะต้องกระทำอย่างรวดเร็ว เพราะหากล่าช้าจะส่งผลกระทบกับสภาพแวดล้อมทางทะเลได้
นอกจากนี้ ในการขจัดคราบน้ำมันในทะเลจะกระทำเพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งลำพังไม่ได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือและศักยภาพจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงจะทำให้การปฎิบัติงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยบทบาทของ ศรชล.3 ที่ผ่านมา จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานการปฎิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางทะเลในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้จะเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ในการประสานงาน และประสานการปฏิบัติต่อไป
พล.ร.ท.สุพจน์ กล่าวด้วยว่า ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันจะมีปัญหาในเรื่องของคราบน้ำมันค่อนข้างน้อย และไม่มีเหตุการณ์ขนาดใหญ่ แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้น โดยเรื่องของการเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นเราก็จะสามารถจัดการ ซึ่งขณะนี้เราก็มีความพร้อมอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ขณะที่ นาวาเอกรณภพ กาญจนพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน ศรชล.3 กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ และหน่วยปฎิบัติการหลักใน ศรชล.3 มีความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับมลพิษทางน้ำเนื่องจากคราบน้ำมัน การขจัดคราบน้ำมันในทะเล การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมัน แผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ
ตลอดจนการชี้แจงแนวทางการประสานความร่วมมือในการขจัดคราบน้ำมันในทะเลของ ศรชล.3 อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเตรียมการและประสานการปฎิบัติระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ ศรชล.เขต 3