ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตเตรียมความพร้อมรับมือนักท่องเที่ยวตลาดมุสลิมที่เดินทางเข้าไทยปีละกว่า 2 แสนคน เสริมความรู้เรื่องอาหารฮาลาล
วันนี้ (9 ก.ค.) ที่โรงแรมเดอะรอยัลพาราไดส์ ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฎิบัติการผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกี่ยวกับมาตรฐานฮาลาล ซึ่งทางศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยจัดขึ้น โดยมีผู้ประกอบการด้านโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตอาหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมจำนวนประมาณ 200 คน
รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน คณบดีคณะสหเวชศาสตร์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการสัมมนาในครั้งนี้ว่า เกิดจากความร่วมมือระหว่างศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ตามมติของอนุกรรมการส่งเสริมมาตรฐานฮาลาล ในการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิมที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสถิติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศ ซึ่งระบุว่าตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวมีอัตราการเติบโตระหว่างปี 2542-2548 ประมาณ 9.43% เพิ่มเป็น 34% ในปี 2549
“นักท่องเที่ยวมุสลิมโดยเฉพาะจากภูมิภาคเอเชีย ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมมาตรฐานการบริการฮาลาลจึงถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้”
รศ.ดร.วินัย กล่าวด้วยว่า ทางอนุกรรมการส่งเสริมมาตรฐานฮาลาล ได้พิจารณาเห็นศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ในการที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวฮาลาลในนามไข่มุกอันดามัน รวมถึงความตื่นตัวของผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มขีดความสามารถและพัฒนาบริการฮาลาลให้มีมาตรฐานสากลจึงได้จัดสัมมนาในครั้งนี้ขึ้น โดยมุ่งประโยชน์สูงสุดในการเพิ่มศักยภาพและบริการของผู้ประกอบการท่องเที่ยวฮาลาล และเพิ่มศักยภาพของประเทศไทยในการรองรับนักท่องเที่ยว
รศ.ดร.วินัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องฮาลาลว่าจะมีเฉพาะตลาดมุสลิมเท่านั้น แต่จริงแล้วยังสามารถรองรับตลาดอื่นๆ ได้อีก ดังนั้นจะต้องเร่งทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการทุกกลุ่ม เพราะการที่มีมาตรฐานฮาลาลนั้นจะทกให้เกิดความเชื่อมมั่นของนักท่องเที่ยวซึ่งไม่เฉพาะในกลุ่มมุสลิมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มอื่นๆด้วย การสัมมนาในครั้งนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะได้สร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการและขยายฐานในการทำตลาดด้านการท่องเที่ยวได้มากขึ้น
วันนี้ (9 ก.ค.) ที่โรงแรมเดอะรอยัลพาราไดส์ ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฎิบัติการผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกี่ยวกับมาตรฐานฮาลาล ซึ่งทางศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยจัดขึ้น โดยมีผู้ประกอบการด้านโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตอาหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมจำนวนประมาณ 200 คน
รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน คณบดีคณะสหเวชศาสตร์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการสัมมนาในครั้งนี้ว่า เกิดจากความร่วมมือระหว่างศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ตามมติของอนุกรรมการส่งเสริมมาตรฐานฮาลาล ในการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิมที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสถิติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศ ซึ่งระบุว่าตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวมีอัตราการเติบโตระหว่างปี 2542-2548 ประมาณ 9.43% เพิ่มเป็น 34% ในปี 2549
“นักท่องเที่ยวมุสลิมโดยเฉพาะจากภูมิภาคเอเชีย ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมมาตรฐานการบริการฮาลาลจึงถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้”
รศ.ดร.วินัย กล่าวด้วยว่า ทางอนุกรรมการส่งเสริมมาตรฐานฮาลาล ได้พิจารณาเห็นศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ในการที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวฮาลาลในนามไข่มุกอันดามัน รวมถึงความตื่นตัวของผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มขีดความสามารถและพัฒนาบริการฮาลาลให้มีมาตรฐานสากลจึงได้จัดสัมมนาในครั้งนี้ขึ้น โดยมุ่งประโยชน์สูงสุดในการเพิ่มศักยภาพและบริการของผู้ประกอบการท่องเที่ยวฮาลาล และเพิ่มศักยภาพของประเทศไทยในการรองรับนักท่องเที่ยว
รศ.ดร.วินัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องฮาลาลว่าจะมีเฉพาะตลาดมุสลิมเท่านั้น แต่จริงแล้วยังสามารถรองรับตลาดอื่นๆ ได้อีก ดังนั้นจะต้องเร่งทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการทุกกลุ่ม เพราะการที่มีมาตรฐานฮาลาลนั้นจะทกให้เกิดความเชื่อมมั่นของนักท่องเที่ยวซึ่งไม่เฉพาะในกลุ่มมุสลิมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มอื่นๆด้วย การสัมมนาในครั้งนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะได้สร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการและขยายฐานในการทำตลาดด้านการท่องเที่ยวได้มากขึ้น
