xs
xsm
sm
md
lg

จี้รัฐตั้งบริษัทจัดการทรัพยากรตัวแทนคนไทย-‘ประพันธ์’ แฉปตท.ขายน้ำมันแพงกว่าความเป็นจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – เวทีเสวนา “วิกฤตพลังงาน...ใครได้ใครเสีย” เข้มข้น วิทยากรร่วมเปิดโปงหายนะประเทศที่ระบอบทักษิณดูด รีด กิน ทรัพยากรของประเทศชาติมหาศาล โดยเฉพาะแหล่งน้ำมันดิบ-ก๊าซธรรมชาติซึ่งมีค้นพบในภาคอีสานและอ่าวไทยในภาคใต้ที่รัฐบาลเร่งประเคนต่อสัมปทานให้บริษัทต่างชาติ “ประพันธ์ คูณมี” จี้เลิกระบอบสัมปทานหันมาทบทวนผลประโยชน์ชาติ และตั้งบริษัทจัดการทรัพยากรเป็นตัวแทนคนไทยดีกว่า จวกรัฐบาลร่างทรงลอยชายปล่อย ปตท.รีดเลือดปูขายน้ำมันแพงกว่าความเป็นจริง

วันนี้ (3 ก.ค.) กลุ่มสงขลานครินทร์รักชาติ ซึ่งเป็นองค์กรที่นำโดยคณาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) และเป็นองค์กรแนวร่วมกับพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับวิทยาลัยวันศุกร์ และ สว.รส ภาคใต้ ได้กำหนดจัดกิจกรรมเสวนาเรื่อง “วิกฤตพลังงาน ใครได้ ใครเสีย” ที่คณะวิทยาการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักด้วยประชาชนที่ทราบข่าวได้เดินทางมาร่วมฟังจนแน่นห้องบรรยาศ

นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยถึงเบื้องหลังปัญหาราคาน้ำมันที่มีการเมืองอยู่เบื้องหลังว่า แม้ว่าแต่ละเดือนจะมีการขึ้นราคาน้ำมันร่วม 20 ครั้ง หรือบางวันปรับขึ้น 2 ครั้ง แต่การซื้อขายน้ำมันดิบนั้นมีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า การขึ้นราคาทุกสัปดาห์เป็นการบิดเบือนกลไกราคาเพื่อเอาเปรียบผู้บริโภค ด้วยธุรกิจพลังงานสามารถทำกำไรและมีเงินหมุนเวียนมหาศาลเป็นแรงดึงดูดให้นักการเมืองแสวงหาช่องทางผลประโยชน์ส่วนตน และรัฐบาลปัจจุบันที่รู้กันดีว่าเข้ามาเพื่อปฎิบัติงานแทนระบอบทักษิณก็มีแต่ความเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของคนทั้งประเทศ แต่มุ่งหาทางช่วยเหลือให้กับระบอบทักษิณเป็นหลัก

นายประพันธ์ ยังกล่าวต่อถึงที่มาของหายนะของประเทศซึ่งมีการโกงกิน คอร์รัปชั่น ครั้งใหญ่ของประวัติศาสตร์การเมืองไทยว่า ตั้งแต่ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจเจรจาและเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของตน สร้างราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สูงแล้วเทขายทิ้งเมื่อได้ราคาสูงสุด เพื่อจะนำเงินมาลงทุนต่อในธุรกิจพลังงานที่กำลังพยายามใช้ร่างทรงสานต่อภารกิจให้ ในภาคใต้และอีสานเป็นแหล่งพลังงานมหาศาลที่เป็นเป้าหมายต่อไป

“คนๆ นี้ขายได้ทุกอย่างเพราะคิดแต่ประโยชน์กระเป๋าตัวเอง เฉพาะผลประโยชน์ที่หาเข้าตัวเองก็มหาศาล มีเงินซื้อทีมฟุตบอลได้ ยังไม่นับรวมที่เอื้อให้กับพวกพ้องอีก ทั้งธุรกิจ การฉ้อฉล และผลประโยชน์ที่มีคนอื่นหยิบยื่นให้เพื่อแลกกับการเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ประเทศสูญเสียมหาศาล เพราะมีนักการเมืองและนายทุนร่วมกันกอบโกย ถ้าหากยังปล่อยไว้ต่อไปประเทศไทยจะไม่หลงเหลืออะไรอีกเลย ณ วันนี้ประชาชนต้องเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ปิดบังซ่อนเร้นไว้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีราคาน้ำมันแพงเกินจริง หรือเขาพระวิหาร ซึ่งไม่มีใครยอมเปิดเผยความจริงถึงเบื้องหลังซึ่งเกี่ยวโยงกับทรัพยากรธรรมชาติของประเทศทั้งสิ้น” นายประพันธ์กล่าวและว่า

อย่างไรก็ตาม ทิศทางหลักในการแก้ไขปัญหาพลังงานของไทยซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์นั้น นอกจากจะแก้ที่การเมืองซึ่งมีปัญหาคือคนมีความรู้ คุณธรรมไม่ได้ปกครองบ้านเมือง แต่คณะผู้บริหารประเทศเต็มไปด้วยผู้ที่ไร้คุณธรรม ประชาชนไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากต้องต่อสู้กับระบอบทักษิณเพื่อให้หลุดจากวงจรนี้ ซึ่งฝ่ายตรงข้ามกำลังดิ้นรนหาทางกลับเข้ามาสืบทอดอำนาจต่อ คนในระบอบทักษิณล้มลงและถูกดำเนินคดีทีละคนแล้ว พลังประชาชนก็ยังต้องมีความเข้มแข็งอีกไม่นานก็จะถึงตัวคนใกล้ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณมากยิ่งขึ้น ทั้งนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี โดยมีการเมืองภาคประชาชนที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้า แม้ว่าจะช้า ไม่ทันการ แต่ชัยชนะที่สั่งสมทีละเล็กทีละน้อยจะเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในอนาคต

นอกจากนี้แล้ว จะต้องหยุดให้สัมปทานกับบริษัทต่างชาติจนกว่าจะมีการทบทวนผลได้ผลเสียของชาติที่ปล่อยให้ต่างชาติเข้ามากอบโกย และจัดตั้งบริษัทที่จัดตั้งโดยรัฐบาลที่เป็นของประชาชนเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรซึ่งเป็นของคนในประเทศ เพื่อให้สามารถตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูลรอบด้าน

ด้าน พ.ต.รัฐเขต แจ้งจำรัส เปิดเผยว่า เริ่มสนใจศึกษาเรื่องธุรกิจน้ำมันจากกรณีของเพื่อนที่มาทำธุรกิจปั๊มน้ำมัน ปตท.เป็นแห่งแรกใน จ.ขอนแก่น ซึ่งมี 3 แห่ง มูลค่าหลักทรัพย์ร่วม 50 ล้านบาทและมีผลกำไรลิตรละ 2 บาท หรือ 30% จากการลงทุน แต่มีวิกฤตของน้ำมันมากระทบธุรกิจในช่วงหลังที่พบว่าราคาน้ำมันในประเทศไทยสูงกว่าความเป็นจริงที่ควรจะเป็น จึงส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงสินค้าที่ถือโอกาสปรับราคาซ้ำเติม

“ก๊าซธรรมชาติจึงมีการปรับลดราคาครึ่งหนึ่งเหลือ 5 บาทให้กับประชาชน แต่ในกรณีประเทศไทยแม้ว่าจะมีทรัพยากรทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติก็ไม่ได้ทำให้ประชาชนซื้อหาในราคาถูกได้ เพราะผลประโยชน์ส่วนใหญ่อยู่ในมือต่างชาติและนายทุนทั้งสิ้น แม้แต่ ปตท.ที่อ้างว่าถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลไทย แต่จากการสืบหาข้อเท็จจริงที่รัฐบาลไม่เคยเปิดเผยข้อมูล ทำให้ทราบว่ามีการขายน้ำมันในราคาเกินจริง แล้วอ้างว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงโดยที่ชี้แจงส่วนต่างที่ขายแพงกว่ามากไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร ระบอบทักษิณทำให้ประเทศไทยต้องใช้น้ำมันแพงเกินจริงมีการฉ้อฉลราคาน้ำมันลิตรละกว่า 10 บาท มีการกล่าวอ้างว่าจ่ายภาษีให้กับรัฐลิตรละกว่า 10 บาท แต่มีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีการส่งให้กับรัฐเพียงลิตรละ 1.30 บาทเท่านั้น” พ.ต.รัฐเขต กล่าว และว่า

สำหรับใน จ.สงขลานั้นถือเป็นศูนย์กลางพลังงานภูมิภาคในอ่าวไทย เพราะเต็มไปด้วยก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ มีการค้นพบภูเขาไฟ 3 หลุมใต้ทะเลอ่าวไทยซึ่งมีน้ำมันมหาศาล แต่สัมปทานตกอยู่กับบริษัทขุดเจาะน้ำมันเชฟร่อนแล้ว เช่นเดียวกับแหล่งอื่นๆ ในประเทศไทยที่มีการแบ่งชิ้นเค้กแล้ว รวมถึงกรณีแขกดูไบเข้ามาดูการปลูกข้าวในท้องนา แต่เบื้องหลังเพราะมีหลุมน้ำมันอยู่ที่นั่น นั่นหมายถึงการปิดบังความจริงให้กับประชาชน เพื่อที่จะแสวงหาผลประโยชน์ของกลุ่มนักการเมืองกับนายทุนนั่นเอง

นายบรรจง นะแส ประธาน กป.อพช.ใต้ เปิดเผยว่า สิ่งที่สังคมไทยกำลังเผชิญคือปัญหาวิกฤตทรัพยากรของประเทศที่ตกอยู่ในมือของต่างชาติ ขณะที่ผู้บริหารประเทศก็ไม่ได้พิทักษ์ผลประโชย์ชาติไปมากกว่าการหาเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง เกษตรกรต้องเช่าที่ดินทำกิน เพราะกลุ่มนายทุนส่วนใหญ่กว้านซื้อที่ดิน ทางแก้ไขเพื่อลดช่องว่างการถือครองที่ดินต้องเก็บภาษีแบบก้าวหน้า และมีการกำหนดภาษีมรดกเพื่อไม่ให้ถือครองที่ดินมากเกินไป

และถ้ามีการยึดทรัพยาการให้เป็นของประเทศไทยจริงๆ ผลประโยชน์ทั้งหมดสามารถนำมาจัดรัฐสวัสดิการให้กับคนไทยได้ทั่วถึงอย่างแน่นอน การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอนาคตซึ่งจะเป็นการเมืองใหม่ ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของประชาชนว่าทุกวันนี้พอใจกับความเป็นอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ และจะต้องร่วมกันคิดและเสนอว่าอยากให้การเมืองใหม่เป็นอย่างไร โดยไม่ต้องคอยโมเดลที่จะมีใครคนใดคนหนึ่งมานำเสนอแต่เพียงผู้เดียว

ทุกวันนี้ประเทศไทยสูญเสียผลประโยชน์เพราะนักการเมืองที่เห็นแก่ตัว ทำให้เกิดบทเรียนครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่เคยมีการแก้ไข ประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ทางบนบกและทะเลจึงต้องมีความยากจน ดังเช่น ปัญหาที่ภาคใต้กำลังเผชิญซึ่งมีกลุ่มทุนต่างชาติในนามบริษัทนิวคอสตรอนฯ เข้ามารับสัปทานขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยบริเวณ อ.สิงหนคร ซึ่งกำลังจะดำเนินตามรอยโรงแยกก๊าซจะนะที่รัฐบาลไม่เคยฟังเสียงความต้องการของประชาชน แต่ใช้อำนาจรัฐกดขี่ประชาชน

“กรณีของบริษัทขุดเจาะน้ำมันที่กำลังจะเริ่มงานในเดือนหน้านั้น รัศมีแท่นเจาะ 5 กิโลเมตรห้ามทำการประมง รัศมีห่างจากฝั่ง 15 กิโลเมตรจากฝั่ง พี่น้องชาวประมงที่เคยอยู่มาก่อนก็จะไม่มีที่ทำกิน และต่อไปจะมีการประท้วงเรียกร้องเหมือนกับกรณีที่เคยเกิดกับโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ซึ่งคนที่ไม่เข้าใจก็จะกล่าวหาชาวประมงว่ามาประท้วงเพื่อขัดขวางการพัฒนาประเทศ เหมือนกับข้อกล่าวหาที่เคยเกิดกับกลุ่มพี่น้องชาวจะนะ และปล่อยให้ผู้ได้รับผลกระทบต้องเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง” นายบรรจงกล่าว

ขณะที่ อ.ประสาท มีแต้ม ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ประเทศที่มีพลังงานอุดมสมบูรณ์แต่ประชากรก็มีความยากจนมากหากมีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น ซึ่งเคยมีการกล่าวกันว่าหากไม่มีการโกงกินนอกจากสามารถจัดรัฐสวัสดิการได้แล้ว ยังสามารถนำทองคำมาปูเป็นถนนก็ยังได้

วิกฤตของพลังงานเพราะน้ำมันก่อให้เกิดมลพิษโลกร้อนถึง 80% และปัญหาวิกฤตพลังงานของโลกอยู่ที่การผูกขาด เช่นเดียวกับที่เกิดในประเทศไทยอยู่ที่การผูกขาดของ ปตท. ทำให้คนไทยต้องซื้อน้ำมันและไฟฟ้าในราคาแพง ผลกำไรตกอยู่เพียงกลุ่มคนเพียงหยิบมือ

“คนไทยต้องจ่ายค่าพลังงานสูง 18% โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าส่วนกลาง และคนไทยก็มีแนวโน้มใช้พลังงานมากกว่าประเทศอื่นด้วยภาระที่ไม่จำเป็น เพราะฉะนั้นจึงต้องจัดการบางอย่าง เพื่อประหยัดพลังงานและลดรายจ่ายให้มากที่สุด ที่สำคัญคือการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นที่ติดอันดับ 63 ของโลก” อ.ประสาท กล่าวและว่า

ด้วยปัญหาทางการเมืองที่เป็นบทเรียน ทำให้ประเทศไทยต้องเสียค่าโง่ทางด้วยกว่า 6,000 ล้านบาท และปัจจุบันซื้อก๊าซจากพม่าแพงกว่าในอ่าวไทยคิดเป็นมูลค่าเฉพาะส่วนต่างสูงถึง 400,000 ล้านบาทอีกครั้ง ยังไม่รวามถึงการเจรจาวางท่อก๊าซกับพม่าก็เสียเปรียบด้วยระบบการเมืองที่ไม่โปร่งใส อำนาจตกอยู่กับคนเพียงกลุ่มเดียว หรือไม่ว่าจะเป็นกรณีสัมปทานขุดเจาะน้ำมัน เจ้าของทรัพยากรคือคนไทยได้ผลประโยชน์จากค่าภาคหลวงเพียง12.5% เท่านั้น

อ.ประสาท กล่าวต่อด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นถ้ามีการผูกติดพลังงานฟอสซิลจะไม่พบทางออกของปัญหา ต้องพึ่งทางออกจากพลังงานดวงอาทิตย์ซึ่งอย่าคิดว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้ ใช้พลังความเป็นเจ้าของประเทศ จิตใจ ค้นหาความจริงว่าต่างประเทศเป็นอย่างไรและมาร่วมกันช่วยเหลือคนไทย และต้องใช้กฎหมาย Feed In Law ใช้กฎหมายบังคับให้สามารถผลิตพลังงานเองและขายได้ โดยไม่ยึดติดกับพลังงานฟอสซิล

“ตอนนี้ทั่วโลก 74 ประเทศมีกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าได้แล้วทั่วโลก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย ซึ่งการเกิดขึ้นของกังหันลมนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่ทำไม่ได้ แต่อยู่ที่นโยบายของรัฐ และน่าเป็นห่วงที่ประเทศไทยมีความคิดผูกขาดหันเข้าไปหาโรงไฟฟ้รานิวเคลียร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยมีแผนจะก่อสร้างถึง 4 แห่ง และเตรียมทุ่มงบประมาณ 1.6 พันล้านบาทเพื่อโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนคล้อยตาม” อ.ประสาทกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น