สตูล - ชาวบ้านเกาะปูยู เกาะยาว จ.สตูลเฮ ต้นปี 52 ได้ใช้ไฟฟ้าตลอด 24 ชม.ขณะที่จังหวัด หวังยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนริมชายแดน ลดการเปรียบเทียบประเทศเพื่อนบ้าน ว่า ล้าหลัง
วันนี้ (2 ก.ค.) ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลบนเกาะปูยู และเกาะยาว ต.ปูยู อ.เมือง จ.สตูล กว่า 2,917 คน 601 ครัวเรือน ยังต้องการกระแสไฟฟ้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เนื่องจากปัจจุบันกระแสไฟฟ้า จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล ที่ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ดำเนินการจ่ายไฟให้ด้วยระบบเครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดไฟฟ้า เพียงวันละ 12 ชม.มีกำลังผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนที่นี่ อีกทั้งยังไม่สามารถดำเนินการประกอบอาชีพธุรกิจอุตสาหกรรม (SME) ได้
ประกอบกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสตูล ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อตำบลปูยู ที่เป็นเกาะสุดท้ายฝั่งทะเลอันดามัน ที่มีแนวเขตติดต่อกับประเทศมาเลเซีย และมีศักยภาพด้านทรัพยากรธรรมชาติและการท่องเที่ยว
นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายก อบต.ปูยู กล่าวว่า ทางตำบลปูยู เองมีการผลักดัน และเห็นความสำคัญเชิงคุณภาพชีวิตของชาวบ้านบนเกาะแห่งนี้ โดยข้อมูลพื้นฐานแล้วชาวบ้านส่วนใหญ่จะเป็นชาวมุสลิมถึง 99% และพื้นที่เกาะอยู่ห่างจากประเทศมาเลเซีย เพียง 7 กิโลเมตรอยู่ห่างฝั่งแผ่นดินใหญ่ไทยเพียง 4 กิโลเมตร
แต่ด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างไฟฟ้า จึงมีความจำเป็นต่อคุณภาพชีวิต รวมทั้งคุณภาพทางด้านการศึกษา แม้พื้นที่ตรงนี้จะไม่ใช้พื้นที่เสี่ยงต่อความมั่นคง แต่ก็เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง ฉะนั้นการศึกษาและคุณภาพชีวิตควรจะได้รับการยกระดับตามมาด้วย
พร้อมทั้งชาวปูยูส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง การจะนำอาหารทะเลมาถนอมอาหารโดยแห่เย็น หรือแปรรูปไม่สามารถทำได้ หากมีไฟฟ้าจะทำให้สามารถนำมาเสริมอาชีพให้กับชาวบ้านที่ประกอบอาชีพนอกเหนือจากประมง คือ การท่องเที่ยวระบบนิเวศได้ หรือการแปรรูปอาหารและอื่นๆ ได้ อีกอย่างพื้นที่เราที่ติดมาเลเซียมักเดินทางมาท่องเที่ยวบ่อยครั้ง และมักจะถูกเปรียบเทียบว่าบ้านเราถูกพัฒนาได้ช้ากว่าบ้านเขา ทำให้ชาวบ้านรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ทำให้ต้องมีการช่วยกันผลักดันให้เกิดไฟฟ้าตลอด 24 ชม.
จากการช่วยกันผลักดันของชาวบ้านในตำบลปูยู ผ่าน ศอ.บต.ถึงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้อนุมัติงบ 243 ล้านบาท ในการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำระบบ 33 เควี เชื่อมโยงระบบจำหน่ายไปยังเกาะปูยู และเกาะยาวระยะทาง 9 วงจร-กิโลเมตร พร้อมก่อสร้างระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงสูง เพื่อเชื่อมโยงกับสายเคเบิลใต้น้ำ ระยะทางประมาณ 4 วงจร-กิโลเมตร พร้อมทั้งดำเนินการจ้างที่ปรึกษา ทำรายงานการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ส่งสายเคเบิลใต้น้ำจำนวน 4 จุด ตามโครงการเร่งรัดขยายบริการไฟฟ้าโดยระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (solar Home System) จากเกาะยาวไปใช้งานแทนก่อนการเชื่อมโยงด้วยสายเคเบิลใต้น้ำ
นายอดิศร เกียรติโชควิวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อมคณะเดินทางลงตรวจเยี่ยมจุดลงสายเคเบิลและโรงจักรไฟฟ้าบนเกาะปูยู พร้อมกล่าวว่า กฟภ.หลังจากพบว่าการจ่ายไฟฟ้ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน จึงได้มีการขยายโครงการเป็นเคเบิลใต้น้ำสู่เกาะปูยูและเกาะยาว โดยชาวบ้านทั้ง 2 เกาะจะได้ใช้ภายในเมษายน 2552 ซึ่งตรงกับวันที่สมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จฯลงมาเปิดโรงเรียนมูลนิธิชัยพัฒนาที่บนเกาะนี้ด้วย
พร้อมกันนี้ กฟภ.ยังเล็งเห็นว่า การขยายเวลาใช้ไฟฟ้าให้ครบ 24 ชม.จะช่วยในการขยายอาชีพของชาวบ้านบนเกาะแห่งนี้ รวมทั้งสนับสนุนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และส่งเสริมในด้านการศึกษาที่ทางกฟภ.จะเดินสายสื่อสารให้นักเรียนสามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อสื่อสารและเรียนรู้ได้ตลอดรองรับให้ชาวบ้านบนเกาะเช่นกัน
นายเจ๊ะหยัน หนูยูสุ อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 46 หมู่ 3 ต.ปูยู บอกว่า ลำบากทุกครั้งเมื่อต้องการใช้ไฟฟ้าต้มน้ำร้อน หรือติดตามข่าวสารบ้านเมือง เพราะทุกวันนี้จะใช้ไฟได้ก็ตามเวลาที่กำหนดเท่านั้น
ด้าน นางเจ๊ะหวา เต๊ะปูยู แม่บ้านในพื้นที่ อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 148 หมู่ 3 บอกว่า ลูก ๆ จะอ่านหนังสือก็ไม่สะดวกต้องรอให้ไฟฟ้าติด จะหุงข้าว ซักผ้า หรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ต้องรอ บางวันพายุเข้าเทียนก็เอาไม่อยู่จะลำบากมาก หากได้ไฟฟ้าใช้ตลอด 24 ชม.ชาวบ้านจะดีใจมาก
หลายฝ่ายยังเล็งเห็นว่า หากสาธารณูปโภคอย่างไฟฟ้าเข้าถึงชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนห่างไกลอย่างชาวบ้านบนเกาะปูยูและเกาะยาว ซึ่งเป็นพื้นที่เฝ้าระวังในด้านความมั่นคงจะช่วยลดยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านบนเกาะแห่งนี้ รวมทั้งคุณภาพด้านจิตใจไปพรอ้มกับการส่งเสริมอาชีพต่อเนื่องและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่จะสร้างรากฐานที่มั่นคงให้ชาวบ้านมีชีวิตที่ดีขึ้น
