ผู้จัดการออนไลน์ - เจ้าหน้าที่ทางการพม่าเปิดเผยตัวเลขน่าสะเทือนใจในเมืองลาบุตตา (Labutta) ที่ปากแม่น้ำอิรวดีเพียงแห่งเดียวอาจจะมีผู้คนถูกคลื่นยักษ์สูง 6 เมตรกวาดไปถึง 80,000 คน ในคืนที่ไซโคลนนาร์กีสพัดขึ้นฝั่ง
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเรื่องนี้โดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทหารพม่าในท้องถิ่น
ผู้รอดชีวิตจากเขตเมืองนี้บอกกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีเมื่อวันพุธ (7 พ.ค.) ระบุว่า รอบๆ เมืองมรณะแห่งนี้เคยเป็นถิ่นอาศัยทำกินของผู้คนราว 90,000 คน ขณะที่ศพของผู้คนจำนวนมากเริ่มลอยขึ้นอืดและเน่าเปื่อยตามท้องทุ่งที่น้ำท่วมขัง
มีหมู่บ้านหลายสิบแห่งรอบๆ เมืองลาบุตตา ถูกพายุและคลื่นสูง “กวาดหายไป” ทหารที่ชื่อ ทินวิน (Tin Win) ผู้นำระดับคุ้มบ้าน (Ward) คนหนึ่งในเขตเมืองลาบุตตากล่าว
“คนเสียชีวิตที่หมู่บ้านต่างๆ เหล่านั้นคงจะราว 80,000” เจ้าหน้าที่คนเดียวกันกล่าว
ยังไม่สามารถขอการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ระดับชาติของพม่าได้ ขณะที่สื่อของทางการยังคงจำนวนผู้เสียชีวิตเอาไว้ที่ 22,000 คนเศษ กับผู้สูญหายอีกกว่า 41,000 คน
"พายุเข้าหมู่บ้านของเรา คลื่นยักษ์โถมเข้ามา กวาดทุกสิ่งทุกอย่างลงทะเล" ชายหนุ่มวัย 20 ปีคนหนึ่งกล่าว หลังอพยพออกจากหมู่บ้านกะนีงกอน (Kanyingkone)
"บ้านเรือนพังทลาย อาคารต่างๆ พังครืนลง ผู้คนถูกพัดหายไป ผมรอดมาได้เพราะเกาะต้นไม้ใหญ่ไว้แน่น" ชายหนุ่มกล่าวกับเอเอฟพี
"มีคนเพียงประมาณ 20% ในหมู่บ้านเท่านั้นที่รอด ผมเป็นคนๆ เดียวในครอบครัวที่รอด เมียผมและลูกอีก 2 ตายในพายุ"
รอบๆ ลาบุตตามีหมู่บ้านใหญ่น้อยราว 63 แห่ง ดำรงชีพด้วยการประมงและทำนาเกลือในเขตที่ราบลุ่มของอิรวดี คลื่นที่ไปกับไซโคลนนาร์กิสได้กวาดสรรพสิ่งลงทะเลไป
"มันเป็นคลื่นที่แรงมาก มันพัดแรงจนทำให้เสื้อผ้าผู้คนหลุด ผู้คนต้องเปลือยล่อนจ้อนเกาะอยู่บนต้นไม้" ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งกล่าว