ผู้จัดการออนไลน์-- โทรทัศน์ของทางการพม่าได้รายงานตัวเลขเพิ่มเติมในข่าวภาคค่ำวันอังคาร (6 พ.ค.) ว่า มีการพบศพผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติไซโคลนนาร์กิสเพิ่มเป็น 22,000 คน แล้ว ขณะที่จำนวนผู้สูญหายก็เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 41,000 คน
ในวันเดียวกันได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายทางอากาศ แสดงให้เห็นความเสียหายของบ้านเรือนราษฎรในเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดี ซึ่งเป็นเขตที่ถูกพายุพัดทำลายเสียหายหนักหน่วงที่สุด บ้านเรือนราษฎรจำนวนมากถูกพายุพัดหลังคาหายไป อีกจำนวนมากถูกพัดทำลายราบ
เจ้าหน้าที่ของทางการกล่าวก่อนหน้านี้ว่าในเมืองเบ๊าะกาเลย์ (Bokalay) ซึ่งอยู่ในเขตปากแม่น้ำอิรวดีเพียงแห่งเดียว พบผู้เสียชีวิตถึง 10,000 คน
ภาพขององค์การเวิลด์วิชั่น (World Vision) ซึ่งเป็นองค์การสาธารณกุศลและบรรเทาภัยสาธารณะภัยจากออสเตรเลีย แสดงให้เห็นโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในเขตอิรวดีถูกทำลายเสียหายหนัก หลังคาถูกพัดหายไปทั้งแถบ
อีกภาพหนึ่งแสดงให้เห็นบ้านเรือนในหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านถูกทำลายย่อยยับหรือได้รับความเสียหายหนัก ทั้งหมดนี้ไม่ต่างกับภาพถ่ายทางอากาศที่ถ่ายโดยนักบินเครื่องบินบรรทุก C-130 ของกองทัพอากาศไทยที่นำความช่วยเหลือไปยังพม่าในวันเดียวกัน
ภาพถ่ายของนักบินไทยได้แสดงให้เห็นอาณาบริเวณใกล้ๆ สนามบินกรุงย่างกุ้งซึ่งเป็นนาข้าวที่ถูกนำท่วม เช่นเดียวกันกับบ้านเรือนราษฎรในหมู่บ้านเล็กๆ ในอาณาบริเวณเดียวกันที่จมอยู่ใต้น้ำครึ่งหลัง
ภาพถ่ายโดยดาวเทียม TERRA ขององค์การนาซ่าสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในวันเดียวกันได้แสดงให้เห็นศูนย์กลางของพายุนาร์กิสซึ่งเป็นพายุขนาดใหญ่มาก กับเส้นทางที่เคลื่อนตัวผ่านในวันที่ 2-3 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งรวมทั้งเมืองใหญ่น้อยในเขตที่ราบปากแม่น้ำ ก่อนจะเข้าสู่กรุงย่างกุ้ง ทะลุไปยังพะโค รัฐมอญ และรัฐกะเหรี่ยง
เขตที่พายุนาร์กิสเคลื่อนผ่าน เป็นที่อาศัยของประชากรราว 24 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรพม่า 48.7 ล้านคนทั่วประเทศ ทำให้เชื่อว่าจะมีผู้ตกเป็นเหยื่อมากกว่านี้ถึงอีกเท่าตัว.