นราธิวาส – เจ้าหน้าที่ตำรวจจ สภ.นราธิวาส ตั้งด่านตรวจ จับพ่อค้ายาเสพติรายใหญ่ 2 ราย พร้อมของกลางยาบ้าและเงินสด หมูค่าเกือบล้าน
ที่ห้องประชุมปฎิบัติการ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส พ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ประสทธิ์ศักดิ์ ศรีสุข ผกก.งานสืบสวน และพ.ต.อ.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผกก.สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้นำตัว 2 ผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด พร้อมของกลาง เพื่อร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ประกอบด้วย นายรุสลัน หนิสาเระ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131/1 ม.8 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จับกุมพร้อมของกลาง คือ ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า จำนวน 11 ถุง 2,200 เม็ด ธนบัตรรัฐบาลไทย ใบละ 100-500- และใบ 1,000 รวม 642,700 บาท รถยนต์กระบะรุ่นไฮลักซ์ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน บพ-5590 นครปฐม จำนวน 1 คัน
ส่วนผู้ต้องหาคนที่สอง คือนายสะรี เจะมะ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/1 ม.5 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวและยึดของกลาง ประเภทกัญชาแห้งห่อด้วยพลาสติกจำนวน 10 ห่อ
พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผกก.สภ.รือเสาะ เปิดเผยว่า การจับกุมผู้ต้องยาเสพติดดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่ว่า นายรุสลัน ผู้ต้องหาคนที่ 1 มีการติดต่อเพื่อจะนำส่งยาบ้าให้กับลูกค้าในพื้นที่ ต.เรียง อ.รือเสาะ จึงจัดกำลังเจ้าหน้าตำรวจและทหารประมาณ 60 นาย เดินทางเพื่อตั้งด่านตรวจลอย บนถนนในหมู่บ้านดือโล๊ะ ม.7 ต.เรียง อ.รือเสาะ
ต่อมา นายรุสลัน ผู้ต้องหาซึ่งเป็นเป้าหมายได้ขับขี่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้โบกมือเพื่อให้สัญญาณจอดรถ และขอตรวจค้นภายใน รถยนต์กระบะโตโยต้าคันดังกล่าว พบเงินใบละพันกว่าแสนบาท จึงสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าเงินค้ายาเสพติดหรือไม่ ผู้ต้องหาบอกว่า นำเงินมาเพื่อจะดาวน์ซื้อรถยนต์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อจึงตรวจค้นใต้เบาะ ในคอนโซนรถยนต์ จึงตรวจ พบยาบ้าและเงินสดอีกจำนวนมาก จึงยึดไว้และจึงและแจ้งข้อหา ค้ายาเสพติด ส่วนผู้ต้องหาคือนายสะรี จับกุมในบ้านพักวันเดียวกัน
ทางด้าน พ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส กล่าวถึงการสอบสวนเบื้องต้นว่า ผู้ต้องหานายรุสลัน เป็นผู้ค้ารายใหญ่รายหนึ่งในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนภาคใต้ และมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดทางภาคเหนือ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ในส่วนผู้ต้องหาจะนำเงินมาสนับสนุนให้กับกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนขยายผลต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่มีรายชื่อผู้เกี่ยงข้องแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
ที่ห้องประชุมปฎิบัติการ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส พ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ประสทธิ์ศักดิ์ ศรีสุข ผกก.งานสืบสวน และพ.ต.อ.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผกก.สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้นำตัว 2 ผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด พร้อมของกลาง เพื่อร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ประกอบด้วย นายรุสลัน หนิสาเระ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131/1 ม.8 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จับกุมพร้อมของกลาง คือ ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า จำนวน 11 ถุง 2,200 เม็ด ธนบัตรรัฐบาลไทย ใบละ 100-500- และใบ 1,000 รวม 642,700 บาท รถยนต์กระบะรุ่นไฮลักซ์ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน บพ-5590 นครปฐม จำนวน 1 คัน
ส่วนผู้ต้องหาคนที่สอง คือนายสะรี เจะมะ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/1 ม.5 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวและยึดของกลาง ประเภทกัญชาแห้งห่อด้วยพลาสติกจำนวน 10 ห่อ
พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผกก.สภ.รือเสาะ เปิดเผยว่า การจับกุมผู้ต้องยาเสพติดดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่ว่า นายรุสลัน ผู้ต้องหาคนที่ 1 มีการติดต่อเพื่อจะนำส่งยาบ้าให้กับลูกค้าในพื้นที่ ต.เรียง อ.รือเสาะ จึงจัดกำลังเจ้าหน้าตำรวจและทหารประมาณ 60 นาย เดินทางเพื่อตั้งด่านตรวจลอย บนถนนในหมู่บ้านดือโล๊ะ ม.7 ต.เรียง อ.รือเสาะ
ต่อมา นายรุสลัน ผู้ต้องหาซึ่งเป็นเป้าหมายได้ขับขี่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้โบกมือเพื่อให้สัญญาณจอดรถ และขอตรวจค้นภายใน รถยนต์กระบะโตโยต้าคันดังกล่าว พบเงินใบละพันกว่าแสนบาท จึงสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าเงินค้ายาเสพติดหรือไม่ ผู้ต้องหาบอกว่า นำเงินมาเพื่อจะดาวน์ซื้อรถยนต์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อจึงตรวจค้นใต้เบาะ ในคอนโซนรถยนต์ จึงตรวจ พบยาบ้าและเงินสดอีกจำนวนมาก จึงยึดไว้และจึงและแจ้งข้อหา ค้ายาเสพติด ส่วนผู้ต้องหาคือนายสะรี จับกุมในบ้านพักวันเดียวกัน
ทางด้าน พ.ต.อ.โชติ ชวาลวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส กล่าวถึงการสอบสวนเบื้องต้นว่า ผู้ต้องหานายรุสลัน เป็นผู้ค้ารายใหญ่รายหนึ่งในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนภาคใต้ และมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดทางภาคเหนือ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ในส่วนผู้ต้องหาจะนำเงินมาสนับสนุนให้กับกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนขยายผลต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่มีรายชื่อผู้เกี่ยงข้องแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้