ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองผู้ว่าฯภูเก็ตแนะทุกภาคส่วนนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง-หลักการสหกรณ์มาปรับใช้เพื่อนำพาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตประชาชนให้รอดพ้นจากวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้น
นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในการบรรยายเรื่องทิศทางการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ในการจัดสัมมนาการเป็นเจ้าของบ้านที่ดีและการต้อนรับที่ประทับใจ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมดวงจิตต์รีสอร์ทแอนด์สปา หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่คนไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมากโดยปี 2550 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 5 ล้านคน ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 9 หมื่นล้านบาท
จากการศึกษาพบว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์สึนามิถล่ม ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้นและมีการขยายตัวของโรงแรมที่พัก แหล่งบันเทิง และอื่นๆ ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา เช่น การจราจร ปัญหาขยะ น้ำเสีย การบริการขั้นพื้นฐานไม่เพียงพอและเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวทางจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวทั้งระยะสั้นและระยะยาว มีการนำเสนอโครงการต่างๆเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการศึกษาความเป็นไปได้การจัดสร้างรถไฟฟ้ารางเบา การตัดถนนใหม่จากสนามบินมาเชิงทะเล การพัฒนาอ่าวภูเก็ต การสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ การปรับปรุงถนน ท่าเทียบเรือ และการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว
นายวรพจน์ กล่าวต่อว่า นอกจากจะเสนอโครงการต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาในเมืองท่องเที่ยวแล้ว ในส่วนของการส่งเสริมการตลาดก็ได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่าง โดยมีการผลักดันให้จังหวัดภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ Premium อย่างยั่งยืน และเป็นศูนย์กลางการกระจายการท่องเที่ยวไปสู่พื้นที่รอง โดยมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าชายหาด ชายทะเล ท่าเรือมารีน่า กีฬาทางน้ำ และกีฬานานาชาติ โดยมีกิจกรรมการท่องเที่ยวตามเทศกาลเป็นหลัก
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวไปหลายเรื่องแต่ก็ยังไม่เพียงพอไม่ทั่วถึงกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในภาวะของการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเรื่องของราคาน้ำมัน ภัยธรรมชาติและอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นแต่เข้ามาส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
โดยการนำปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียงและหลักสหกรณ์มาปรับใช้ในการส่งเสริมการประหยัดอดออม การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการใช้จ่ายด้วยความระมัดระวังเพื่อนำพาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนให้รอดพ้นจากวิกฤตต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยเพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถปรับตัวและมีทิศพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างมั่นคงในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในการบรรยายเรื่องทิศทางการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ในการจัดสัมมนาการเป็นเจ้าของบ้านที่ดีและการต้อนรับที่ประทับใจ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมดวงจิตต์รีสอร์ทแอนด์สปา หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่คนไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมากโดยปี 2550 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 5 ล้านคน ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 9 หมื่นล้านบาท
จากการศึกษาพบว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์สึนามิถล่ม ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้นและมีการขยายตัวของโรงแรมที่พัก แหล่งบันเทิง และอื่นๆ ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา เช่น การจราจร ปัญหาขยะ น้ำเสีย การบริการขั้นพื้นฐานไม่เพียงพอและเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวทางจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวทั้งระยะสั้นและระยะยาว มีการนำเสนอโครงการต่างๆเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการศึกษาความเป็นไปได้การจัดสร้างรถไฟฟ้ารางเบา การตัดถนนใหม่จากสนามบินมาเชิงทะเล การพัฒนาอ่าวภูเก็ต การสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ การปรับปรุงถนน ท่าเทียบเรือ และการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว
นายวรพจน์ กล่าวต่อว่า นอกจากจะเสนอโครงการต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาในเมืองท่องเที่ยวแล้ว ในส่วนของการส่งเสริมการตลาดก็ได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่าง โดยมีการผลักดันให้จังหวัดภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ Premium อย่างยั่งยืน และเป็นศูนย์กลางการกระจายการท่องเที่ยวไปสู่พื้นที่รอง โดยมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าชายหาด ชายทะเล ท่าเรือมารีน่า กีฬาทางน้ำ และกีฬานานาชาติ โดยมีกิจกรรมการท่องเที่ยวตามเทศกาลเป็นหลัก
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวไปหลายเรื่องแต่ก็ยังไม่เพียงพอไม่ทั่วถึงกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในภาวะของการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเรื่องของราคาน้ำมัน ภัยธรรมชาติและอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นแต่เข้ามาส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
โดยการนำปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียงและหลักสหกรณ์มาปรับใช้ในการส่งเสริมการประหยัดอดออม การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการใช้จ่ายด้วยความระมัดระวังเพื่อนำพาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนให้รอดพ้นจากวิกฤตต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยเพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถปรับตัวและมีทิศพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างมั่นคงในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง