ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ตำรวจสงขลา เชื่อ กรณีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิ่งถล่ม 3 ศพ เกี่ยวโยงกับคดี ปล้นตู้ ATM ธ.กรุงไทย ศาลจังหวัดสงขลาจึงอายัดตัว 5 ผู้ต้องหาปล้นตู้ ATM ทันที
พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดี 4 คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ยิงถล่ม 3 ศพ ที่จังหวัดสงขลา ประกอบด้วย นายสุวิทย์ ไชยหนู อายุ 42 ปี นายทวี ไชยหนู อายุ 36 ปี น้องชาย และ นางสุพิศ พุทธรัตนะ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นญาติเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ว่า แนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่มั่นใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกับคดีคนร้ายบุกปล้นตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย หน้าสำนักงานประกันสังคม จ.สงขลา สาขาหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2550
ซึ่งผู้ต้องหาในคดีนี้มีทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย นายเจริญ เพ็งสุวรรณ นายอาทิตย์ เพ็งสุวรรณ นายประหยัด เพ็งสุวรรณ นายทวีป ไชยหนู นายสุวิทย์ ไชยหนู นายภักดี ฉับหลี และนายเล๊าะ เกษมสุริยะ โดยในส่วนของ นายทวีป ไชยหนู และ นายสุวิทย์ ไชยหนู สองพี่น้องนั้นอัยการได้กันไว้เป็นพยาน
ทั้งนี้ ในส่วนของ นายสุวิทย์ ไชยหนู แม้จะไม่ได้ร่วมก่อเหตุขโมยตู้เอทีเอ็ม แต่มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะที่เป็นเจ้าของรถกระบะที่ใช้บรรทุกตู้เอทีเอ็ม โดยในวันนี้ศาล จ.สงขลา ได้นัดให้ทั้ง 7 คนไปรายงานตัว พร้อมกับสอบสวน นายสุวิทย์ และนายประทีป เพิ่มเติมแต่ทั้งคู่ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปศาล
พล.ต.ต.วิรุฬ กล่าวว่า หลังจากมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกับคดีขโมยตู้เอทีเอ็ม ทางตำรวจจึงได้ยื่นเรื่องประสานไปยังศาล จ.สงขลา เพื่อให้ศาลถอนประกันผู้ต้องหา อีก 5 คน คือ นายเจริญ เพ็งสุวรรณ นายอาทิตย์ เพ็งสุวรรณ นายประหยัด เพ็งสุวรรณ นายภักดี ฉับหลี และ นายเล๊าะ เกษมสุริยะ ซึ่งศาลอนุญาตและถอนประกันทันทีในระหว่างที่ทั้ง 5 คนเข้ารายงานตัว พร้อมกับอายัดตัวเอาไว้โดยส่งไปควบคุมที่เรือนจำกลาง จ.สงขลา เพื่อทำการสอบสวน เพราะเชื่อว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวพันหรือรู้เห็นกับกลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุ
และจากเบาะแสสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าการตายของนายทวีป และ นายสุวิทย์ เชื่อมโยงกับคดีปล้นตู้เอทีเอ็ม เนื่องจากก่อนหน้านี้มีบุคคลกลุ่มหนึ่งได้พยายามติดต่อ นายทวีป และนายสุวิทย์ ให้กลับคำให้การในชั้นศาล พร้อมกับเสนอเงินก้อนโตให้แต่ทั้งสองคนกลับไม่เล่นด้วย จนกระทั่งมาพบจุดจบดังกล่าว นอกจากนี้ ในส่วนของรถกระบะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในครั้งนี้พบว่าเป็นรถที่ถูกแจ้งหายในพื้นที่ ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ทำให้ตำรวจมีความมั่นใจยิ่งขึ้นว่ามีส่วนเชื่อมโยงมาจากคดีปล้นตู้เอทีเอ็มอย่างแน่นอน ส่วนกลุ่มคนร้ายทั้ง 4 คน ที่ก่อเหตุนั้นยังไม่ทราบเบาะแสแต่เชื่อว่าหลังก่อเหตุได้หลบหนีออกไปพื้นที่ไปแล้ว
พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดี 4 คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ยิงถล่ม 3 ศพ ที่จังหวัดสงขลา ประกอบด้วย นายสุวิทย์ ไชยหนู อายุ 42 ปี นายทวี ไชยหนู อายุ 36 ปี น้องชาย และ นางสุพิศ พุทธรัตนะ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นญาติเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ว่า แนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่มั่นใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกับคดีคนร้ายบุกปล้นตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย หน้าสำนักงานประกันสังคม จ.สงขลา สาขาหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2550
ซึ่งผู้ต้องหาในคดีนี้มีทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย นายเจริญ เพ็งสุวรรณ นายอาทิตย์ เพ็งสุวรรณ นายประหยัด เพ็งสุวรรณ นายทวีป ไชยหนู นายสุวิทย์ ไชยหนู นายภักดี ฉับหลี และนายเล๊าะ เกษมสุริยะ โดยในส่วนของ นายทวีป ไชยหนู และ นายสุวิทย์ ไชยหนู สองพี่น้องนั้นอัยการได้กันไว้เป็นพยาน
ทั้งนี้ ในส่วนของ นายสุวิทย์ ไชยหนู แม้จะไม่ได้ร่วมก่อเหตุขโมยตู้เอทีเอ็ม แต่มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะที่เป็นเจ้าของรถกระบะที่ใช้บรรทุกตู้เอทีเอ็ม โดยในวันนี้ศาล จ.สงขลา ได้นัดให้ทั้ง 7 คนไปรายงานตัว พร้อมกับสอบสวน นายสุวิทย์ และนายประทีป เพิ่มเติมแต่ทั้งคู่ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปศาล
พล.ต.ต.วิรุฬ กล่าวว่า หลังจากมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกับคดีขโมยตู้เอทีเอ็ม ทางตำรวจจึงได้ยื่นเรื่องประสานไปยังศาล จ.สงขลา เพื่อให้ศาลถอนประกันผู้ต้องหา อีก 5 คน คือ นายเจริญ เพ็งสุวรรณ นายอาทิตย์ เพ็งสุวรรณ นายประหยัด เพ็งสุวรรณ นายภักดี ฉับหลี และ นายเล๊าะ เกษมสุริยะ ซึ่งศาลอนุญาตและถอนประกันทันทีในระหว่างที่ทั้ง 5 คนเข้ารายงานตัว พร้อมกับอายัดตัวเอาไว้โดยส่งไปควบคุมที่เรือนจำกลาง จ.สงขลา เพื่อทำการสอบสวน เพราะเชื่อว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวพันหรือรู้เห็นกับกลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุ
และจากเบาะแสสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าการตายของนายทวีป และ นายสุวิทย์ เชื่อมโยงกับคดีปล้นตู้เอทีเอ็ม เนื่องจากก่อนหน้านี้มีบุคคลกลุ่มหนึ่งได้พยายามติดต่อ นายทวีป และนายสุวิทย์ ให้กลับคำให้การในชั้นศาล พร้อมกับเสนอเงินก้อนโตให้แต่ทั้งสองคนกลับไม่เล่นด้วย จนกระทั่งมาพบจุดจบดังกล่าว นอกจากนี้ ในส่วนของรถกระบะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในครั้งนี้พบว่าเป็นรถที่ถูกแจ้งหายในพื้นที่ ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ทำให้ตำรวจมีความมั่นใจยิ่งขึ้นว่ามีส่วนเชื่อมโยงมาจากคดีปล้นตู้เอทีเอ็มอย่างแน่นอน ส่วนกลุ่มคนร้ายทั้ง 4 คน ที่ก่อเหตุนั้นยังไม่ทราบเบาะแสแต่เชื่อว่าหลังก่อเหตุได้หลบหนีออกไปพื้นที่ไปแล้ว