นครศรีธรรมราช - จากภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จังหวัดนครศรีธรรมราช ศึกษา ค้นคว้าการใช้พลังงานกับเรือใบเพื่อการประมง สำหรับเรือประมงขนาดเล็ก หวังลดต้นทุนการผลิตยุคภาวะเศรษฐกิจน้ำมันแพง
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทย ประสบกับภาวะเศรษฐกิจราคาน้ำมันแพงซึ่งกลายเป็นประเด็นใหญ่ทางเศรษฐกิจ ที่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ผลพวงของราคาน้ำมันแพงและมีแนวโน้มทะยานต่ออย่างต่อเนื่อง
จากราคาน้ำมันแพงเป็นเวลานานๆ ก็จะทำให้ภาคธุรกิจภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ภาคครัวเรือนก็ต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูง ราคาน้ำมันแพงจะก่อให้เกิดแรงกดดันให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางด้านพลังงาน ก่อให้เกิดการแสวงหาพลังงานทดแทนที่มีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า ก่อให้เกิดแรงกดดันที่ต้องเพิ่มผลิตภาพ และประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิต
นายวิชม กล่าวอีกว่า ในเรื่องจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ร่วมกับศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAFDEC/TD) จึงได้ทำการศึกษาค้นคว้า การใช้พลังงานกับเรือใบเพื่อการประมงสำหรับเรือประมงขนาดเล็กขึ้น ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องการทดสอบการใช้งานเรือใบสำหรับการทำประมงขนาดเล็ก เพื่อลดต้นทุนการผลิตยุคภาวะเศรษฐกิจน้ำมันแพง
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า ล่าสุด จังหวัดนครศรีธรรมราชได้ทดสอบเป็นวันแรก ที่บริเวณโครงการชลประทานน้ำเค็ม เพื่อการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลบ้านท่าพญา หมู่ 9 ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการเริ่มการฝึกอบรมในเรื่องการใช้งานเรือใบเพื่อการประมง พร้อมมอบเรือใบให้กับชาวประมงขนาดเล็ก จำนวน 30 ลำ ให้กับกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านซึ่งเป็นกลุ่มนำร่องศึกษา ในการใช้งานกับเรือใบเพื่อการประมง สำหรับเรือประมงขนาดเล็ก เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ให้ชาวประมงนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ
“วิธีการนี้ถือเป็นการย้อนสู่อดีต แต่เป็นทางเลือกหนึ่งของชาวประมง ในการนำไปประยุกต์เข้ากับเรือประมงพื้นบ้านที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผลการจากทดสอบสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี เรือสามารถแล่นได้ด้วยความเร็วคงที่และเป็นที่น่าพอใจ อีกทั้งเรือยังแล่นสวนลมออกไปได้โดยใช้เทคนิคการวิ่งสลับฟันปลา เทคนิคการสลับซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย เพื่อให้ใบรับลมกรณีเรือวิ่งสวนลม และเทคนิคการลดขนาดใบลง ในกรณีที่มีกระแสลมแรงมาก โดยมีความเร็วเฉลี่ยประมาณ 10-15 ไมล์/ชั่วโมง ซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิตให้ชาวประมงยุคภาวะเศรษฐกิจน้ำมันแพงได้เป็นอย่างดี ชาวประมงสามารถมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังติดตามต่อไปในเรื่องของการสร้างรายได้” นายวิชม กล่าว
ขณะที่ นายมนูญ ตันติกุล ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า แนวคิดการใช้เรือใบนั้นเริ่มมาจากเรือใบไฟเบอร์ที่ใช้ในฝั่งอันดามันหลังจากสึนามิ ที่มาคือมูลนิธิชัยพัฒนา มีการทดลองใช้ใบเรือกับเรือไฟเบอร์ ซึ่งขณะนั้นทำงานได้ผล มีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจ และเมื่อนำมาปรับใช้กับเรือประมงพื้นบ้านของชาวบ้านนั้นสามารถไปกันได้ด้วยดี
“จนกระทั่งมีการทำลองในฝั่งอ่าวไทย โดยการนำมาติดตั้งกับเรือของชาวบ้าน ซึ่งได้ผลดีมาก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระแสลมในแต่ละวันถ้ากระแสลมดีสามารถประหยัดพลังงานน้ำมันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ การหาสัตว์น้ำได้นั้นคือรายได้ทั้งหมด แต่ถ้าใช้เครื่องยนต์ 50 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือเป็นพลังงานลมจะลดไปตามสัดส่วน ซึ่งสามารถลดค่าน้ำมันได้เป็นอย่างดีและสามารถใช้ได้ดี ก่อนหน้านี้มีการวิจัยมาโดยตลอดจนสามารถใช้ได้จริง” ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวในที่สุด
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทย ประสบกับภาวะเศรษฐกิจราคาน้ำมันแพงซึ่งกลายเป็นประเด็นใหญ่ทางเศรษฐกิจ ที่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ผลพวงของราคาน้ำมันแพงและมีแนวโน้มทะยานต่ออย่างต่อเนื่อง
จากราคาน้ำมันแพงเป็นเวลานานๆ ก็จะทำให้ภาคธุรกิจภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ภาคครัวเรือนก็ต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูง ราคาน้ำมันแพงจะก่อให้เกิดแรงกดดันให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางด้านพลังงาน ก่อให้เกิดการแสวงหาพลังงานทดแทนที่มีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า ก่อให้เกิดแรงกดดันที่ต้องเพิ่มผลิตภาพ และประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิต
นายวิชม กล่าวอีกว่า ในเรื่องจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ร่วมกับศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAFDEC/TD) จึงได้ทำการศึกษาค้นคว้า การใช้พลังงานกับเรือใบเพื่อการประมงสำหรับเรือประมงขนาดเล็กขึ้น ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องการทดสอบการใช้งานเรือใบสำหรับการทำประมงขนาดเล็ก เพื่อลดต้นทุนการผลิตยุคภาวะเศรษฐกิจน้ำมันแพง
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า ล่าสุด จังหวัดนครศรีธรรมราชได้ทดสอบเป็นวันแรก ที่บริเวณโครงการชลประทานน้ำเค็ม เพื่อการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลบ้านท่าพญา หมู่ 9 ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการเริ่มการฝึกอบรมในเรื่องการใช้งานเรือใบเพื่อการประมง พร้อมมอบเรือใบให้กับชาวประมงขนาดเล็ก จำนวน 30 ลำ ให้กับกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านซึ่งเป็นกลุ่มนำร่องศึกษา ในการใช้งานกับเรือใบเพื่อการประมง สำหรับเรือประมงขนาดเล็ก เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ให้ชาวประมงนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ
“วิธีการนี้ถือเป็นการย้อนสู่อดีต แต่เป็นทางเลือกหนึ่งของชาวประมง ในการนำไปประยุกต์เข้ากับเรือประมงพื้นบ้านที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผลการจากทดสอบสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี เรือสามารถแล่นได้ด้วยความเร็วคงที่และเป็นที่น่าพอใจ อีกทั้งเรือยังแล่นสวนลมออกไปได้โดยใช้เทคนิคการวิ่งสลับฟันปลา เทคนิคการสลับซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย เพื่อให้ใบรับลมกรณีเรือวิ่งสวนลม และเทคนิคการลดขนาดใบลง ในกรณีที่มีกระแสลมแรงมาก โดยมีความเร็วเฉลี่ยประมาณ 10-15 ไมล์/ชั่วโมง ซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิตให้ชาวประมงยุคภาวะเศรษฐกิจน้ำมันแพงได้เป็นอย่างดี ชาวประมงสามารถมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังติดตามต่อไปในเรื่องของการสร้างรายได้” นายวิชม กล่าว
ขณะที่ นายมนูญ ตันติกุล ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า แนวคิดการใช้เรือใบนั้นเริ่มมาจากเรือใบไฟเบอร์ที่ใช้ในฝั่งอันดามันหลังจากสึนามิ ที่มาคือมูลนิธิชัยพัฒนา มีการทดลองใช้ใบเรือกับเรือไฟเบอร์ ซึ่งขณะนั้นทำงานได้ผล มีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจ และเมื่อนำมาปรับใช้กับเรือประมงพื้นบ้านของชาวบ้านนั้นสามารถไปกันได้ด้วยดี
“จนกระทั่งมีการทำลองในฝั่งอ่าวไทย โดยการนำมาติดตั้งกับเรือของชาวบ้าน ซึ่งได้ผลดีมาก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระแสลมในแต่ละวันถ้ากระแสลมดีสามารถประหยัดพลังงานน้ำมันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ การหาสัตว์น้ำได้นั้นคือรายได้ทั้งหมด แต่ถ้าใช้เครื่องยนต์ 50 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือเป็นพลังงานลมจะลดไปตามสัดส่วน ซึ่งสามารถลดค่าน้ำมันได้เป็นอย่างดีและสามารถใช้ได้ดี ก่อนหน้านี้มีการวิจัยมาโดยตลอดจนสามารถใช้ได้จริง” ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวในที่สุด
