ตรัง – จากการขึ้นราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวประมง อ.กันตัง จ.ตรัง ต้องหยุดการทำประมงอย่างถาวรไปแล้วกว่า 70 % เนื่องจากไม่สามารถแบกราคาน้ำมันได้ ส่วนเรือเล็กนั้นได้หยุดไปแล้ว 100 %
นายสมพล จิโรจน์มนตรี นายกสมาคมประมงกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เปิดเผยถึงสถานการณ์เรือประมงในพื้นที่อำเภอกันตัง ในช่วงที่ราคาน้ำมันมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภคทุกด้าน โดยเฉพาะชาวเรือประมงจะได้รับความเดือดร้อนอย่างมากที่สุด เนื่องจากต้นทุนของการทำประมงร้อยละ 80 มาจากน้ำมัน ซึ่งการออกทะเลหาปลาในแต่ละครั้ง จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวน 4-5 แสนบาท และเมื่อน้ำมันมีราคาเพิ่มสูงขึ้น เท่ากับต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมันไปด้วย
จึงทำให้ทั้งเรือประมงพาณิชย์ที่มีอยู่กว่า 500 ลำ ได้หยุดออกทะเลหาปลาอย่างถาวรแล้วกว่าร้อยละ 70 เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นได้ และมีแนวโน้มราคาน้ำมันยังคงมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาอาหารทะเลไม่มีการปรับขึ้นราคาให้สูงเท่าเทียมกัน จึงทำให้ชาวประมงได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
ส่วนเรือประมงที่ทำการแบบชั่วคราว มีประมาณร้อยละ 30 ซึ่งส่วนใหญ่จะหยุดออกเรือมากกว่า จึงถือว่าภาพรวมเรือประมงในจังหวัดตรังได้หยุดทำการแล้ว 100 %
ดังนั้น จึงอยากให้ทางรัฐบาลให้ความช่วยเหลือชาวประมงอย่างจริงจัง ซึ่งมาตรการต่างๆ ด้านราคาน้ำมันที่กำลังออกมานั้น ไม่เพียงพอต่อการอยู่รอด จนทำให้ชาวประมงหลายคนต้องหันไปประกอบอาชีพอื่นแล้ว เช่น รับจ้างทั่วไป ค้าขาย หรือทำสวน
นอกจากนี้ เจ้าของเรือประมงบางส่วนก็ได้บอกประกาศขายเรือ ในราคาต่ำกว่าทุนถึง 50 % หรือเหลือแค่ลำละ 3 แสนถึง 3 ล้านบาท เพื่อต้องการนำเงินไปชดใช้หนี้สิน และนำไปทำธุรกิจอย่างอื่น แต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะขายได้ เนื่องจากไม่มีใครต้องการซื้อ เพราะเกรงจะเกิดภาวะขาดทุนเช่นเดียวกัน
