สุราษฎร์ธานี-สถานการณ์น้ำมันที่ปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ชาวประมงพื้นบ้าน ที่สุราษฎร์ธานี ทิ้งเรือไปประกอบอาชีพอื่นแล้วกว่า 1,000 ลำ ที่เหลือต้องปรับตัวจากขายส่ง นำลูกเมียมานั่งขายแทน พอจะเลี้ยงตัวไปได้วันต่อวัน
นายศิลา วันดี ประธานชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำมันดีเซล ที่ปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบให้ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ ต้องประสบปัญหาต้นทุนสูงในการออกไปจับสัตว์น้ำกลางทะเลประกอบกับราคาสัตว์น้ำตกต่ำ จึงทำให้ชาวประมงพื้นบ้านขาดทุน
ขณะนี้กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีจำนวนกว่า 1,500 ลำ ต้องหยุดการออกเรือไปจับสัตว์น้ำกลางทะเลไปแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 1,000 ลำเศษ ทำให้บรรยากาศการจำหน่ายสัตว์น้ำตามจุดต่าง ๆ เงียบเหงาไป
ขณะที่บรรยากาศในคลองท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ บรรดากลุ่มเรือประมงขนาดเล็ก ได้นำสมาชิกในครอบครัว ที่อายุไม่กี่ขวบกลับจากทะเล เพื่อเข้าเทียบฝั่งทำการปลดปลาออกจากอวน บางรายได้ปลามาไม่กี่กิโลกรัม ซึ่งไม่คุ้มกับค่าน้ำมันที่ออกทะเล
ด้านนายวินัย หล่ำโต๊ะและ อายุ 41 ปี อยู่บ้านบ้านเลขที่ 121/7 ม.4 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ทุกวันนี้ต้องปรับตัวเองจากเคยมีลูกน้อง ต้องนำเมีย และลูกออกทะเล มานั่งขายปลาเอง พอที่จะหักค่ายใช้จ่ายแล้ว ยังพอมีรายได้วันละประมาณ 300 บาท หากขายส่งพ่อค้าคนกลางเหมือนอดีตก็ต้องหยุดหาปลา