ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – “สำราญ รอดเพชร” วิเคราะห์การเมือง อำนาจระบอบทักษิณยังปกคลุม ซ่อนรูปแบบเผด็จการภายใต้ประชาธิปไตย บงการถอดชนวนมาตรา 237 และ 309 ปล่อยผี 111 ศพ เชื่อหากชิงแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ก่อนคดี “แม้ว” ถูกตัดสิน “สมัคร” ชิงยุบสภาเปิดทางเลือกตั้งครั้งใหม่ให้นายใหญ่กลับมา ระหว่างนั้นอาจเกิดการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนและมวลชนจัดตั้ง รวมถึงมีการรัฐประหารตัวเอง จี้ถาม “หมัก” ยังมีเลือดสีน้ำเงิน หรือมีแต่ “เงิน”
วันนี้ (17 พ.ค.) เมื่อเวลา 22.05 น. นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีพันธมิตรสงขลา ในงานเสวนา “จากพฤษภาทมิฬถึงการต่อสู้กับระบอบทักษิณ” ที่ลานรถไฟหาดใหญ่ว่า ในฐานะที่อยู่ส่วนกลางบางครั้งก็อาจจะไม่รู้ข่าวในส่วนภูมิภาค ก็จะถือโอกาสนี้แลกเปลี่ยนข่าวสารซึ่งกันและกัน ตอนปี 2535 ประชาชนต่อสู้กับเผด็จการทางทหาร คัดค้านการสืบทอดอำนาจทางทหาร ซึ่งมี จปร.5 เป็นแกนนำ ด้วยแผนการสืบทอดอำนาจที่แยบยลมาก แต่บังเอิญมีการเสียสัตย์เพื่อเป็นนายกฯ ของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร แต่ก็ดำรงตำแหน่งได้เพียง 45 วัน
“การต่อสู้ ณ ปี 2535 โจทย์ต่อสู้ง่าย เพราะมีชัดเจนว่าสู้กับทหารและอำนาจเผด็จการ เช่นเดียวกับเหตุการณ์เดือนตุลาคมทั้ง 2 ครั้ง แต่การต่อสู้ในปี 2549 เป็นต้นมา เผด็จการซ่อนรูปในประชาธิปไตย และต้องใช้เวลาในการอธิบายความ ต่อสู้ทางความคิด มีปัญหาที่สลับซับซ้อนเพราะเผด็จการเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ และถ้าไม่มีเหตุการณ์ขายหุ้นเทมาเส็ก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อาจจะอยู่เวทีการเมืองต่อได้อีก แต่ฟางเส้นสุดท้ายก็ได้ขาดลงเพราะเงิน 73,000 ล้านบาทที่ไม่เสียภาษีแม้แต่แดงเดียว เพราะความโลภเพียงตัวเดียวที่ฆ่าคนชื่อทักษิณ” นายสำราญกล่าว
นายสำราญ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้ง 2550 ซึ่งคาดกันว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่ผลกลับตาลปัตร เมื่อพรรคร่วมในปัจจุบันพลิกข้างไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน โดยวางข้อสัญญาไว้และไม่ได้รักษาไว้จนกระทั่งบัดนี้ โดยเฉพาะการจะไม่จาบจ้วงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
“ในมุมของผม นายสมัคร สุนทรเวช เป็นทั้งหอกข้างแคร่ พ.ต.ท.ทักษิณ และขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องมือให้อีกด้วย แต่ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเล่นบทบาทไหน ซึ่งต้องวิเคราะห์กันต่อไป แต่ที่แน่ๆ คือ พ.ต.ท.ทักษิณไม่อาจวางมือทางการเมืองได้ แต่ติดตรงที่เรื่องคดี จึงต้องหาทางล้มมาตรา 309 และ 237 คดียุบพรรค และไม่สำคัญเท่ากับคำตัดสินขึ้นโรงขึ้นศาลและเรื่องเงินที่ถูกอายัด และกลายเป็นปัญหาของบ้านเมืองด้วยที่เขาไม่ยอมเดินตามกระบวนการยุติธรรม ทำให้เกิดกระบวนการคัดค้าน พันธมิตรฯ จึงต้องฟื้นขึ้นมาใหม่ คำตอบสิ่งเหล่านี้อยู่ที่ว่าจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ และการรวมพลังคัดค้านของประชาชน” นายสำราญกล่าว
จากการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ชี้ให้เห็นแล้วว่ามีความเคารพต่อประชาชนมากน้อยเพียงใด รัฐมนตรีแต่ละคนที่เข้ามาล้วนมาจากการต่อรองอำนาจในมุ้งการเมือง สามีมาไม่ได้ก็ดันภรรยาขึ้นแทนซึ่งปราศจากความสง่างาม และยังรวมไปถึงขบวนการปล่อยให้มีการว่ากล่าวจาบจ้วงประธานองคมนตรี สถาบันกษัตริย์ โดยปราศจากการจัดการของรัฐบาลด้วยตัวเอง
“นายสมัครมิได้นำพากับเรื่องเหล่านี้ นี่เป็นสิ่งที่เราเรียกร้องอยู่ รวมถึงตัวของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่มีการใช้วาทศิลป์บิดพลิ้วในประเด็นนี้ และยังไปพูดที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้ศัพท์พรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นผู้มีความคิดที่อันตรายต่อสถาบันกษัตริย์ และหนักกว่านั้นได้พูดในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้นำเนื้อหานั้นออกอากาศทาง ASTV เมื่อคืนที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้ยกให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจัดการ แต่เราทนไม่ได้จึงต้องพูดบ้างและเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน” นายสำราญกล่าว
นายสำราญ กล่าวต่อว่า วันนี้ปัญหาในชีวิตประจำวันมีมากอยู่แล้ว ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงลิตรละเกือบ 40 บาทแล้ว ราคาข้าวสาร น้ำตาลก็เพิ่มขึ้น นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ติดกับดักตัวเองเก่งการตลาดแต่แก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูงไม่ได้เลย ปัญหาของช่อง 11 ก็มาก ซึ่งสรุปแล้วนักการเมืองไม่ได้แก้ปัญหาให้ประชาชนได้ และภาพรวมนักการเมืองก็ยังจ้องหาเศษหาเลยจากตำแหน่งทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา สร้างปัญหาให้กับประชาชนทั้งปัญหาแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ตาม ทำให้ประชาชนต้องรวมตัวกันเคลื่อนไหวคัดสร้างกันอีกครั้ง และมีการพูดกันว่าจะใช้เวลาราว 5 เดือนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เสร็จก่อนคดี พ.ต.ท.ทักษิณจะมีการตัดสิน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราว 8-10 เดือน แล้วปลดปล่อย 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยให้ออกมา หลังจากนั้นก็จะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้ง รอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง
นายสำราญ กล่าวต่อว่า มีผู้เสนอว่าถ้าต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อให้สังคมยอมรับ แต่ก็ยังได้รับการเพิกเฉย ดันทุรังใช้เสียงข้างมากในรัฐสภาว่าเป็นเสียงข้างมากของประชาชนอยู่แล้ว เป็นเรื่องยากที่ต้องรณรงค์ให้เห็นถึงวาระซ่อนเร้นของเผด็จการรัฐสภา ซึ่งมีเสียงข้างมากในสภาและไม่เคารพต่อประชาชนด้วย ซึ่งพันธมิตรฯ ประกาศชัดเจนแล้วว่า วันใดที่มีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญสู่รัฐสภาซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นราวเดือนมิถุนายน พันธมิตรและประชาชนที่เห็นด้วยก็จะเคลื่อนไหวทันที ซึ่งลำพังพรรคฝ่านค้านเองไม่สามารถสกัดกั้นได้อยู่แล้ว ต้องรวมเสียงของประชาชนเข้าไปด้วย
เรื่องรัฐธรรมนูญซึ่งได้เตรียมมวลชนเตรียมเคลื่อนไหวรอการเผชิญหน้า ปัญหาเศรษฐกิจย่ำแย่ รัฐมนตรีออกลายโกงกิน และการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ฝ่ายความมั่นคงเองได้จับตามองอยู่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เองกำลังจับตามองและครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี ประชาชนก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้หยุดการแก้ไขรัฐธรรมนูญและคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อไปนายสมัคร สุนทรเวช จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีใครว่า แต่ขอให้หยุดใน 2 ข้อดังกล่าว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อบ้านเมืองที่จะไม่มีการนองเลือด และโดยส่วนตัววิเคราะห์ว่า ถ้ายังไม่หยุดสิ่งเหล่านั้น พลังประชาชนก็ต้องมารวมตัวกันสู้ต่อต้านอีกครั้ง สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นโดยการวิเคราะห์ คืออาจจะมีการรัฐประหารตัวเองก็เป็นได้ ยึดอำนาจที่ไม่ใช่ฝ่ายระบอบทักษิณ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงแล้วคงไม่มีการถอยแต่จะถูกจัดการอย่างราบคาบ และก่อนที่จะถึงจุดนั้นอยากเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันคัดค้านและสกัดกั้นไม่ให้ไปถึงจุดนั้น
“ตั้งแต่เกิดกรณีเรื่องธงชาติไทยใส่ชื่อทักษิณที่ประเทศอังกฤษ แต่ถึงวันนี้แล้วยังไม่เคยมีผู้ใหญ่ของแมนฯซิตี้ออกมากล่าวขอโทษเลยแม้แต่น้อย แล้วยังขนทีมมาเตะกับนักกีฬาไทยอย่างหน้าตาเฉย เพราะเรามีรัฐบาลอย่างนี้นี่เอง จากที่เคยเชื่อว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่มีเลือดสีน้ำเงิน แต่วันนี้มีแต่เงินแล้วหรือ จึงอยากจะเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นตัวของตัวเองสักทีจะได้ไหม” นายสำราญกล่าวทิ้งท้าย