สุราษฎร์ธานี - สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวสุราษฏร์ฯ เตรียมผลักดันน้ำพุร้อน “ถ้ำสิงขร” ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ชูจุดขายเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 700 ปี ด้านนายก อบต.คาดใช้งบกว่า 20 ล้านบาทพัฒนา หวังอนาคตสร้างรายได้ สร้างงาน ให้กับชุมชนแน่นอน
นายฐานันดร์ เจริญภักดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ถ้ำสิงขร อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ อบต.ถ้ำสิงขร ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน บ้านคลองน้อย ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดถ้ำสิงขร หมู่ที่ 5 ตำบลถ้ำสิงขร อำเภอคีรีรัฐนิคม บนเนื้อที่ 11 ไร่ ให้เป็นแหล่งการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาให้เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ทางธรรมชาติด้านธรณีวิทยา การจัดทางเดินเท้าเข้าถึงแหล่งน้ำพุร้อน การจัดส่วนที่นั่งพักผ่อน การจัดสื่อวัสดุให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับบ่อน้ำร้อนแก่ผู้เข้ามาเยี่ยมชม การจัดตกแต่งปรับปรุงภูมิทัศน์
การสร้างบ่อแช่น้ำร้อน สร้างบ่อแช่เท้า ห้องน้ำส่วนตัว ห้องน้ำสาธารณะ ศาลาประดิษฐานพระพุทธรูป ลานศาลเจ้าแม่ระย้า และทางเดินศึกษาธรรมชาติเลียบคลอง รวมทั้งระเบียบการวางระบบงานบำบัดน้ำเสียจากการใช้สอย เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณจำนวน 22.12 ล้านบาท ซึ่งจะใช้งบประมาณของ อบต.บางส่วน และของบสนับสนุนจาก อบจ.สุราษฎร์ธานี รวมทั้ง สนง.ททท ภาคใต้เขต 5 อีกด้วย
สำหรับบ่อน้ำพุร้อนบ้านคลองน้อยมีจำนวน 9 บ่อ ปัจจุบันพื้นที่ยังคงความอุดสมบูรณ์ของป่าไม้และธรรมชาติ ดังนั้น แนวทางในการพัฒนาแหล่งน้ำพุร้อน จึงเป็นแบบของการพัฒนาและปรับปรุงโดย คำนึงถึงสภาพธรรมชาติของบ่อน้ำร้อนเดิม และผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมธรรมชาติในพื้นที่ ซึ่งมีสภาพเป็นป่าไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ตลอดจนมีลำคลองไหลผ่าน
นายชัยฤทธิ์ ศักดา อุปนายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.สุราษฎร์ธานี เผยว่า ได้ดำเนินการผลักดันแหล่งท่องเที่ยวบริเวณวัดถ้ำสิงขร ให้อยู่ในแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท.เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับจังหวัดและระดับประเทศ
ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่อำเภอคีรีรัฐนิคม เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก่อนอาณาจักรศรีวิชัย โดยเฉพาะบริเวณแหล่งโบราณคดีถ้ำสิงขรแห่งนี้ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาตั้งแต่ องค์สมเด็จเจ้าฟ้ายุวราช สมัยสุโขทัย ได้เสด็จประพาสเมืองไชยา นานนับ 700 ปี
นอกจากนี้ ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้พืชพันธุ์ธรรมชาติ รวมทั้งบ่อน้ำพุร้อนจำนวนถึง 9 บ่อ อีกทั้งยังมีลำคลองไหลผ่าน หากโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบริเวณวัดถ้ำสิงขรแล้วเสร็จจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัด และสร้างรายได้ สร้างงาน ให้กับชุมชน อย่างแน่นอน
นายฐานันดร์ เจริญภักดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ถ้ำสิงขร อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ อบต.ถ้ำสิงขร ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน บ้านคลองน้อย ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดถ้ำสิงขร หมู่ที่ 5 ตำบลถ้ำสิงขร อำเภอคีรีรัฐนิคม บนเนื้อที่ 11 ไร่ ให้เป็นแหล่งการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาให้เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ทางธรรมชาติด้านธรณีวิทยา การจัดทางเดินเท้าเข้าถึงแหล่งน้ำพุร้อน การจัดส่วนที่นั่งพักผ่อน การจัดสื่อวัสดุให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับบ่อน้ำร้อนแก่ผู้เข้ามาเยี่ยมชม การจัดตกแต่งปรับปรุงภูมิทัศน์
การสร้างบ่อแช่น้ำร้อน สร้างบ่อแช่เท้า ห้องน้ำส่วนตัว ห้องน้ำสาธารณะ ศาลาประดิษฐานพระพุทธรูป ลานศาลเจ้าแม่ระย้า และทางเดินศึกษาธรรมชาติเลียบคลอง รวมทั้งระเบียบการวางระบบงานบำบัดน้ำเสียจากการใช้สอย เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณจำนวน 22.12 ล้านบาท ซึ่งจะใช้งบประมาณของ อบต.บางส่วน และของบสนับสนุนจาก อบจ.สุราษฎร์ธานี รวมทั้ง สนง.ททท ภาคใต้เขต 5 อีกด้วย
สำหรับบ่อน้ำพุร้อนบ้านคลองน้อยมีจำนวน 9 บ่อ ปัจจุบันพื้นที่ยังคงความอุดสมบูรณ์ของป่าไม้และธรรมชาติ ดังนั้น แนวทางในการพัฒนาแหล่งน้ำพุร้อน จึงเป็นแบบของการพัฒนาและปรับปรุงโดย คำนึงถึงสภาพธรรมชาติของบ่อน้ำร้อนเดิม และผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมธรรมชาติในพื้นที่ ซึ่งมีสภาพเป็นป่าไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ตลอดจนมีลำคลองไหลผ่าน
นายชัยฤทธิ์ ศักดา อุปนายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.สุราษฎร์ธานี เผยว่า ได้ดำเนินการผลักดันแหล่งท่องเที่ยวบริเวณวัดถ้ำสิงขร ให้อยู่ในแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท.เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับจังหวัดและระดับประเทศ
ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่อำเภอคีรีรัฐนิคม เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก่อนอาณาจักรศรีวิชัย โดยเฉพาะบริเวณแหล่งโบราณคดีถ้ำสิงขรแห่งนี้ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาตั้งแต่ องค์สมเด็จเจ้าฟ้ายุวราช สมัยสุโขทัย ได้เสด็จประพาสเมืองไชยา นานนับ 700 ปี
นอกจากนี้ ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้พืชพันธุ์ธรรมชาติ รวมทั้งบ่อน้ำพุร้อนจำนวนถึง 9 บ่อ อีกทั้งยังมีลำคลองไหลผ่าน หากโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบริเวณวัดถ้ำสิงขรแล้วเสร็จจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัด และสร้างรายได้ สร้างงาน ให้กับชุมชน อย่างแน่นอน