นครศรีธรรมราช - ส.ส.ประชาธิปัตย์แนะรัฐชำเลืองดูอุตสาหกรรมประมงวิกฤตหนัก เอือมรัฐมุ่งแก้ความเดือดร้อนพรรคตัวเองเมินแก้ปัญหาชาวบ้าน ชี้อีกหน่อยคงต้องนำเข้าปลาจากต่างประเทศมาบริโภคแทน ขณะนากุ้งร้างจำนวนมาก ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล
วันนี้ (3 พ.ค.) นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงอุตสาหกรรมประมงในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังในปัจจุบันซึ่งอยู่ในภาวะวิกฤต ว่าเป็นเรื่องที่กำลังติดตามดูอยู่เพราะว่าผลผลิตทางการเกษตรมาปีนี้เกือบทุกตัวขึ้นราคาหมด และมีผลผลิตเพียงตัวเดียวที่ต้นทุนขยับสูงมากแต่ไม่ขึ้นราคาเลยคือผลผลิตทางการประมงทั้งจากเรือประมงและการเพาะเลี้ยงชายฝั่งคือการเลี้ยงกุ้งของเกษตรกร 3 ปีมาแล้วที่กุ้ง ปลาราคาไม่ขยับขึ้นเลย ราคาน้ำมันขยับขึ้นไป 2 เท่าตัวแล้ว ราคาอาหารขึ้นขยับขึ้นไปทุกเดือน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เห็นในลุ่มน้ำปากพนังวันนี้ก็คือพื้นที่ที่เป็นนากุ้งกลายเป็นพื้นที่ร้างว่างเปล่าเยอะมาก
"เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ส.ส.ในจังหวัดได้บินสำรวจดูปรากฏว่าพื้นที่นากุ้งนั้นร้างเป็นจำนวนมาก และยังมีโอกาสในทิศทางที่ว่าหลายคนคิดที่จะแปลงนากุ้งเป็นนาข้าวแต่ว่าโอกาสฟื้นกลับยากเพราะน้ำเค็มฝังลึกในดินในระดับ 2 เมตรแล้วโอกาสที่จะฟื้นกลับมานั้นยาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ลำพองอย่างเดียวว่าปีนี้เกษตรกรจะดีมีเกษตรกรส่วนหนึ่งค่อยๆ เลิกราไป จะเห็นเรือประมงจอดชายฝั่ง และเห็นเรือขนาดเล็กปล่อยให้จมอยู่ริมแม่น้ำจำนวนมากและคิดว่าถ้าปล่อยสภาพการณ์อย่างนี้อีกสัก 1 ปีข้างหน้าก็จะต้องมีการนำเข้าปลาผลผลิตอาหารทะเลจากต่างชาติแน่นอนเพราะกลุ่มชาวประมงไม่ไหวแล้วรัฐบาลไม่ควรจะทิ้งร้างขนาดนั้น"
นายวิทยากล่าวต่อว่าสิ่งที่เกิดในลุ่มน้ำปากพนังและเป็นปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วนคือเรื่องปาล์มมีคนเข้าไปปลูกปาล์มกันมากและก็ไม่ใช่ปลูกกันเฉพาะในลุ่มน้ำปากพนัง ตั้ง จ.ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ตใกล้จะถึง จ.ชุมพรแล้ว
3-4 วันที่ผ่านมาปรากฏว่าเกิดวิกฤติในเรื่องปาล์มโรงงานรับผลิตน้ำมันปาล์มยุติการซื้อราคาปาล์มตกต่ำลงภายในอาทิตย์เดียวถึงกิโลกรัมละ 1 บาทจากกิโลกรัมละ 4.50 บาทเหลือกิโลกรัมละ 3 บาทกว่า ข้ออ้างของผู้รับซื้อปาล์มทั้งหมดก็คือมีปาล์มต่างประเทศทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมากผิดปกติ
ต้องยอมรับความจริงว่าปาล์มนั้นมีผลผลิตสูงและทำให้มีรายได้สูงและปาล์มในทวีบเอเซียราคาถูกกว่าปาล์มในประเทศไทยมากเพราะว่าไม่จำเป็นต้องใช้ปาล์มมาทำไบโอดีเซลล์เนื่องจากทวีปเอเซียสามารถผลิตน้ำมันได้เอง มาเลเซียก็ขุดเจาะน้ำมันได้เอง เพราะฉะนั้นน้ำมันปาล์มของมาเลเซียที่ทะลักเข้ามายังประเทศไทยทำให้ราคาปาล์มในประเทศไทยตกต่ำอย่างรุนแรง และคิดว่าอาจจะมีการกะทู้ถามรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้
"ผมได้พยายามรวบรวมปัญหาเสนอขึ้นไปหลายรอบแต่ต้องยอมจำนนว่ารัฐบาลทั้งตัวนายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลทั้งหมดไม่มีสมาธิที่จะรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้านเลย สมาธิทั้งหมดพุ่งไปที่ความเดือดร้อนของพรรคตัวเองของ ส.ส.และเรื่องของตัวเองการเผชิญหน้าที่รุนแรงของการเมืองในปัจจุบันนี้คือการเผชิญหน้าในเรื่องของการเมืองไม่ได้เผชิญหน้าในเรื่องของราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำหรือข้างของมีราคาแพงรัฐบาลไม่ได้เผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านี้เลย รัฐบาลกำลังทะเลาะกับประชาชนในเรื่องที่จะแก้รัฐธรรมนูญท่าเดียว"รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายวิทยา ยังระบุอีกว่ารัฐบาลจะต้องคิดถึงการลดต้นทุนการผลิตแล้วก็ขยับราคาสินค้าทางการเกษตรด้านการประมงขึ้นมา จะต้องไปดูแลราคาสินค้าไม่ว่าจะเป็นราคากุ้งหรือว่าคนกลางมีปัญหาอย่างไรถูกกดขี่จากพ่อค้ารายใหญ่อย่างไรบ้างรัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแลอย่างจริงจังเพราะเป็นไปไม่ได้ว่าราคากุ้งในภาวะราคาน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้นไป 2-3 เท่าตัวแต่ราคากุ้งยังคงเท่าเดิมเป็นผลผลิตเดียวที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตเลย สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรได้มีการพูดถึงน้ำมันบนดินไม่เห็นพูดเรื่องน้ำมันในน้ำบ้างคือไม่ได้พูดถึงปัญหาราคากุ้ง ไปพูดเรื่องปาล์ม ยางและข้าวแต่หลีกเลี่ยงเรื่องกุ้งราคาตกต่ำในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่
วันนี้ (3 พ.ค.) นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงอุตสาหกรรมประมงในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังในปัจจุบันซึ่งอยู่ในภาวะวิกฤต ว่าเป็นเรื่องที่กำลังติดตามดูอยู่เพราะว่าผลผลิตทางการเกษตรมาปีนี้เกือบทุกตัวขึ้นราคาหมด และมีผลผลิตเพียงตัวเดียวที่ต้นทุนขยับสูงมากแต่ไม่ขึ้นราคาเลยคือผลผลิตทางการประมงทั้งจากเรือประมงและการเพาะเลี้ยงชายฝั่งคือการเลี้ยงกุ้งของเกษตรกร 3 ปีมาแล้วที่กุ้ง ปลาราคาไม่ขยับขึ้นเลย ราคาน้ำมันขยับขึ้นไป 2 เท่าตัวแล้ว ราคาอาหารขึ้นขยับขึ้นไปทุกเดือน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เห็นในลุ่มน้ำปากพนังวันนี้ก็คือพื้นที่ที่เป็นนากุ้งกลายเป็นพื้นที่ร้างว่างเปล่าเยอะมาก
"เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ส.ส.ในจังหวัดได้บินสำรวจดูปรากฏว่าพื้นที่นากุ้งนั้นร้างเป็นจำนวนมาก และยังมีโอกาสในทิศทางที่ว่าหลายคนคิดที่จะแปลงนากุ้งเป็นนาข้าวแต่ว่าโอกาสฟื้นกลับยากเพราะน้ำเค็มฝังลึกในดินในระดับ 2 เมตรแล้วโอกาสที่จะฟื้นกลับมานั้นยาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ลำพองอย่างเดียวว่าปีนี้เกษตรกรจะดีมีเกษตรกรส่วนหนึ่งค่อยๆ เลิกราไป จะเห็นเรือประมงจอดชายฝั่ง และเห็นเรือขนาดเล็กปล่อยให้จมอยู่ริมแม่น้ำจำนวนมากและคิดว่าถ้าปล่อยสภาพการณ์อย่างนี้อีกสัก 1 ปีข้างหน้าก็จะต้องมีการนำเข้าปลาผลผลิตอาหารทะเลจากต่างชาติแน่นอนเพราะกลุ่มชาวประมงไม่ไหวแล้วรัฐบาลไม่ควรจะทิ้งร้างขนาดนั้น"
นายวิทยากล่าวต่อว่าสิ่งที่เกิดในลุ่มน้ำปากพนังและเป็นปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วนคือเรื่องปาล์มมีคนเข้าไปปลูกปาล์มกันมากและก็ไม่ใช่ปลูกกันเฉพาะในลุ่มน้ำปากพนัง ตั้ง จ.ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ตใกล้จะถึง จ.ชุมพรแล้ว
3-4 วันที่ผ่านมาปรากฏว่าเกิดวิกฤติในเรื่องปาล์มโรงงานรับผลิตน้ำมันปาล์มยุติการซื้อราคาปาล์มตกต่ำลงภายในอาทิตย์เดียวถึงกิโลกรัมละ 1 บาทจากกิโลกรัมละ 4.50 บาทเหลือกิโลกรัมละ 3 บาทกว่า ข้ออ้างของผู้รับซื้อปาล์มทั้งหมดก็คือมีปาล์มต่างประเทศทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมากผิดปกติ
ต้องยอมรับความจริงว่าปาล์มนั้นมีผลผลิตสูงและทำให้มีรายได้สูงและปาล์มในทวีบเอเซียราคาถูกกว่าปาล์มในประเทศไทยมากเพราะว่าไม่จำเป็นต้องใช้ปาล์มมาทำไบโอดีเซลล์เนื่องจากทวีปเอเซียสามารถผลิตน้ำมันได้เอง มาเลเซียก็ขุดเจาะน้ำมันได้เอง เพราะฉะนั้นน้ำมันปาล์มของมาเลเซียที่ทะลักเข้ามายังประเทศไทยทำให้ราคาปาล์มในประเทศไทยตกต่ำอย่างรุนแรง และคิดว่าอาจจะมีการกะทู้ถามรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้
"ผมได้พยายามรวบรวมปัญหาเสนอขึ้นไปหลายรอบแต่ต้องยอมจำนนว่ารัฐบาลทั้งตัวนายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลทั้งหมดไม่มีสมาธิที่จะรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้านเลย สมาธิทั้งหมดพุ่งไปที่ความเดือดร้อนของพรรคตัวเองของ ส.ส.และเรื่องของตัวเองการเผชิญหน้าที่รุนแรงของการเมืองในปัจจุบันนี้คือการเผชิญหน้าในเรื่องของการเมืองไม่ได้เผชิญหน้าในเรื่องของราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำหรือข้างของมีราคาแพงรัฐบาลไม่ได้เผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านี้เลย รัฐบาลกำลังทะเลาะกับประชาชนในเรื่องที่จะแก้รัฐธรรมนูญท่าเดียว"รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายวิทยา ยังระบุอีกว่ารัฐบาลจะต้องคิดถึงการลดต้นทุนการผลิตแล้วก็ขยับราคาสินค้าทางการเกษตรด้านการประมงขึ้นมา จะต้องไปดูแลราคาสินค้าไม่ว่าจะเป็นราคากุ้งหรือว่าคนกลางมีปัญหาอย่างไรถูกกดขี่จากพ่อค้ารายใหญ่อย่างไรบ้างรัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแลอย่างจริงจังเพราะเป็นไปไม่ได้ว่าราคากุ้งในภาวะราคาน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้นไป 2-3 เท่าตัวแต่ราคากุ้งยังคงเท่าเดิมเป็นผลผลิตเดียวที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตเลย สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรได้มีการพูดถึงน้ำมันบนดินไม่เห็นพูดเรื่องน้ำมันในน้ำบ้างคือไม่ได้พูดถึงปัญหาราคากุ้ง ไปพูดเรื่องปาล์ม ยางและข้าวแต่หลีกเลี่ยงเรื่องกุ้งราคาตกต่ำในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่