กระบี่ - เด็กนักเรียนชั้นประถมในจังหวัดกระบี่ เร่มอ่านเขียนคล่องมากขึ้นหลังจากผู้บริหารโรงเรียนเข้าไปแก้ไขปัญหาเรื่องการเรียนการศึกษา
นายเชียร ศรีเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากระบี่ กล่าวว่า ตามที่ตนได้มารับตำแหน่งใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และได้ออกสำรวจตามสถานศึกษาต่างๆ พบว่า เด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาอ่านหนังสือและเขียนหนังสือไม่คล่องอย่างที่ควรจะเป็น จึงได้ออกนโยบายให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยจะต้องมีปรับปรุงให้เห็นผลความเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่าเดิม ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2551
ต่อมาได้ทำการประเมินโรงเรียนต่างๆ โดยวางมาตรการที่เข้มงวด หรือมีการโยกย้ายตามสมควร ผลปรากฏว่า ทางโรงเรียนโดยผู้บริหารสถานศึกษา ครู ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ไปในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นที่น่าพอใจ ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเมื่อลงลึกในรายละเอียดของความเปลี่ยนแปลงพบว่าผู้อำนวยการโรงเรียนหลายแห่งได้เข้าไปทำการสอนนักเรียนด้วยตนเองเพื่อแก้ปัญหาเรื่องบุคลากรครูไม่พอ
นอกจากนั้น ได้มีการแยกประเภทของปัญหาในตัวเด็กที่มีความซ้ำซ้อนหลายเรื่อง คือ เด็กเรียนอ่อน เด็กมีปัญหาเรื่องสุขภาพ สายตา หู ที่ต้องนำไปพบหมอ หรืออื่นๆ ทำให้การแก้ปัญหาเรื่องเด็กอ่านเขียนไม่คล่องมีความชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนทางด้าน สพท.กระบี่ ให้การสนับสนุนเพื่อลดปัญหาเช่นกัน คือ เรื่องการบริหารอัตรากำลังโรงเรียนที่ยังไม่สมดุลย์กับจำนวนนักเรียน เรื่องสื่อเรียนการสอนที่ยังขาดแคลน และเรื่องงบประมาณของโรงเรียนที่ต้องจัดหาตามความเหมาะสม
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กล่าวอีกว่า ถึงแม้การแก้ปัญหาจะน่าพอใจในระดับหนึ่งแล้วก็ตามก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงให้ดีอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ปรับปรุงช่วงแรกๆ ที่ได้รับนโยบายไป เพราะภารกิจการสร้างเด็กนักเรียนให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศนั้น จะต้องทำอย่างต่อเนื่องไม่มีการหยุดเพราะเพียงคิดว่าดีที่สุดแล้ว เพราะปัญหาเรื่องการเรียนการสอนนั้นจะเกิดขึ้นทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ให้แก้ไขกันทุกวันจนกว่าจะถึงวันเกษียณอายุราชการนั่นแหละ จึงจะใช้คำว่าหยุดได้
นายเชียร ศรีเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากระบี่ กล่าวว่า ตามที่ตนได้มารับตำแหน่งใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และได้ออกสำรวจตามสถานศึกษาต่างๆ พบว่า เด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาอ่านหนังสือและเขียนหนังสือไม่คล่องอย่างที่ควรจะเป็น จึงได้ออกนโยบายให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยจะต้องมีปรับปรุงให้เห็นผลความเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่าเดิม ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2551
ต่อมาได้ทำการประเมินโรงเรียนต่างๆ โดยวางมาตรการที่เข้มงวด หรือมีการโยกย้ายตามสมควร ผลปรากฏว่า ทางโรงเรียนโดยผู้บริหารสถานศึกษา ครู ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ไปในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นที่น่าพอใจ ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเมื่อลงลึกในรายละเอียดของความเปลี่ยนแปลงพบว่าผู้อำนวยการโรงเรียนหลายแห่งได้เข้าไปทำการสอนนักเรียนด้วยตนเองเพื่อแก้ปัญหาเรื่องบุคลากรครูไม่พอ
นอกจากนั้น ได้มีการแยกประเภทของปัญหาในตัวเด็กที่มีความซ้ำซ้อนหลายเรื่อง คือ เด็กเรียนอ่อน เด็กมีปัญหาเรื่องสุขภาพ สายตา หู ที่ต้องนำไปพบหมอ หรืออื่นๆ ทำให้การแก้ปัญหาเรื่องเด็กอ่านเขียนไม่คล่องมีความชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนทางด้าน สพท.กระบี่ ให้การสนับสนุนเพื่อลดปัญหาเช่นกัน คือ เรื่องการบริหารอัตรากำลังโรงเรียนที่ยังไม่สมดุลย์กับจำนวนนักเรียน เรื่องสื่อเรียนการสอนที่ยังขาดแคลน และเรื่องงบประมาณของโรงเรียนที่ต้องจัดหาตามความเหมาะสม
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กล่าวอีกว่า ถึงแม้การแก้ปัญหาจะน่าพอใจในระดับหนึ่งแล้วก็ตามก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงให้ดีอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ปรับปรุงช่วงแรกๆ ที่ได้รับนโยบายไป เพราะภารกิจการสร้างเด็กนักเรียนให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศนั้น จะต้องทำอย่างต่อเนื่องไม่มีการหยุดเพราะเพียงคิดว่าดีที่สุดแล้ว เพราะปัญหาเรื่องการเรียนการสอนนั้นจะเกิดขึ้นทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ให้แก้ไขกันทุกวันจนกว่าจะถึงวันเกษียณอายุราชการนั่นแหละ จึงจะใช้คำว่าหยุดได้