สุราษฎร์ธานี-ชาวพนมประท้วงหมอ-พยาบาล โรงพยาบาลพนม เหตุคนท้อง 7 เดือน ลื่มล้มในห้องน้ำตกเลือด คลอดก่อนกำหนด แต่ไม่มีหมอ พยาบาลทำคลอดจนต้องคลอดเอง แล้วยังทิ้งเด็กไว้ไม่นำเข้าตู้อบจนเสียชีวิต ด้าน ผอ.อ้าง ขณะเกิดเหตุต้องช่วยชีวิตอดีตนายกเทศมนตรีหัวใจวายเฉียบพลัน เลื่อนไปเจรจาความ 25 เม.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (15 เม.ย.) ที่โรงพยาบาลอำเภอพนม จ.สุราษฎร์ธานี นายบรรเทา และนางอารมณ์ วิชัยดิษฐ์ 2 สามี ภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 5 บ้านหญ้าปล้อง ต.คลองศก อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายกิตพงศ์ วิชัยดิษฐ์ อายุ 17 ปี และ น.ส.เรวดี รัตนชัย อายุ 16 ปี ลูกชาย และลูกสะใภ้ ชาวบ้านอีกประมาณ 50 คนเดินทางมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากผู้บริหารของโรงพยาบาลอำเภอพนม หลังจากที่ น.ส.เรวดี ลูกสะใภ้ตกเลือด และเข้ารับการรักษาตัวจนลูกที่คลอดเสียชีวิต ทั้งนี้นายบรรเทา ได้นำซากทารกเพศชายอายุประมาณ 7 เดือนในครรภ์มาด้วย
นางอารมย์ เล่าว่า นายกิติพงศ์ บุตรชาย และน.ส.เรวดี ลูกสะใภ้ ได้แต่งงานอยู่กินกันถูกต้องตามประเพณี มีผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่าย ยินยอมรู้เป็นพยาน จนกระทั้งตั้งครรภ์ได้ประมาณ 7 เดือน และเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ลูกสะใภ้ลื่นหกล้มในห้องน้ำทำให้ปวดท้อง และมีอาการตกเลือด จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลพนม โดยมีนายกิตติพงษ์ นอนเฝ้าที่โรงพยาบาล
กระทั่งเวลาประมาณ 03.40 น.วันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา น.ส.เรวดี ได้เกิดปวดท้องอย่างรุนแรง จนกระทั่งคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย ซึ่งระหว่างที่ลูกสะใภ้ปวดท้องจนคลอดลูกนั้น ไม่มีแพทย์พยาบาลดูแลแต่อย่างใด จนกระทั่งเด็กคลอดออกมาจึงได้มีพยาบาลเข้าดูพร้อมกับบอกว่า เด็กคลอดก่อนกำหนด อวัยวะและระบบหายใจยังทำงานไม่ครบ ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ และเอาร่างของทารก ใส่ถุงพลาสติก เก็บวางไว้ข้างเตียง
นางอารมย์ เล่าต่อว่า จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.00 น. ตนและนายบรรเทาได้เดินทางไปยังโรงพยาบาล ทราบเรื่องเมื่อเปิดถุงพลาสติกดูก็พบว่า หลานชายยังหายใจอยู่ จึงได้แจ้งให้พยาบาลทราบ และให้นำตัวส่งโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ตอนแรกทางโรงพยาบาลไม่ยอม อ้างว่าเด็กไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ แต่ตนไม่ยอม จนทางโรงพยาบาลต้องนำทารกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ซึ่งเมื่อมาถึงโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ก็ได้นำเข้าตู้อบจนกระทั่งเด็กมาเสียชีวิต เมื่อสายวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา
หลังจากเกิดเหตุตนได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.พนม พร้อมทั้งได้พยายามเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากโรงพยาบาลอำเภอพนมมาโดยตลอด ซึ่งตอนแรกทางโรงพยาบาลรับปากจะรับผิดชอบ แต่เมื่อถึงเวลาก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จนทนไม่ไหวเดินทางมาประท้วงเรียกร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว
ทางด้านโรงพยาบาลอำเภอพนม ได้ส่งตัวแทนมาเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วง โดยแจ้งให้ทราบว่า นพ.จิตติกร ผลแก้ว ผอ.โรงพยาบาลกำลังรักษาผู้ป่วยรายอื่นอยู่ไม่สามารถมาพบเจรจาได้ โดยขอเลื่อนนัดเจรจาในวันที่ 25 เม.ย.นี้ ทำให้ผู้ประท้วงพอใจก่อนจะพากันเดินทางกลับในที่สุด
ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยัง นพ.จิตติกร เบื้องต้นกล่าวว่า น.ส.เรวดี ซึ่งตั้งครรภ์ประมาณ 7 เดือน ประสบเหตุอุบัติเหตุหกล้ม มีการตกเลือด และปวดท้อง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่นายบำรุง ครรชิต อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลพนม เกิดหัวใจวายเฉียบพลัดเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเช่นกัน ทำให้แพทย์เวรซึ่งแต่ละคืนจะมีเพียงคนเดียว และพยาบาลอีก 3 คน ต้องไปช่วยชีวิตนายบำรุง เป็นการเร่งด่วน
สำหรับ น.ส.เรวดี หลังจากรับตัวไว้ ก็ให้นอนรักษาตัวที่เตียงคนไข้รวม จนกระทั่งเกิดปวดท้องคลอด พยาบาลก็ได้ทำคลอดให้ตามปกติ ปรากฏว่า เมื่อเด็กคลอดออกมา มีตัวเล็กมาก หนักประมาณ 800 กรัม อวัยวะ และระบบทำงานของร่างกายบางส่วนยังไม่สมบูรณ์ เด็กหายใจติดขัด เนื่องจากเด็กคลอดก่อนกำหนด หรือเรียกว่าแท้ง แต่ทางพยาบาลได้ดูแลรักษาตามปกติ โดยใช้ผ้าขาวห่อตัวเด็กไว้ เพื่อให้ความอบอุ่น
จนกระทั่งทางญาติๆ ได้ขอให้ทางโรงพยาบาลนำส่งรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และทราบว่าเด็กเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนเรื่องการประท้วงเรียกร้องครั้งนี้ ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเลื่อนการเจรจาออกไปก่อนเนื่องจากติดผ่าตัดคนไข้