ระนอง - แรงงานต่างด้าวชาวพม่าหลบหนีเข้าเมืองอัดแน่นในรถห้องเย็นบรรทุกปลา 121 คน ขาดอากาศหายใจตายคารถ 54 ศพ รอดหวุดหวิด 67 คน ขณะนายทุนลักลอบเดินทางไปจังหวัดภูเก็ต
เมื่อเวลา 22.30 น.คืนวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์ พร้อมแพทย์และพยาบาลโรงบาลสุขสำราญ และโรงพยาบาลกะเปอร์ ช่วยกันลำเลียงศพแรงงานต่างด้าวชาวพม่าที่หลบหนีเข้าเมืองลงจากรถสิบล้อห้องเย็นบรรทุกอาหารทะเลสด หมายเลขทะเบียน 70-0619 ระนอง จำนวน 54 ศพ เป็นชาย 17 ศพ หญิง 37 ศพ เพื่อชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลสุขสำราญ
สภาพของแต่ละศพนิ้วมือนิ้วเท้าเกร็งจากการดิ้นทุรนทุราย หลังจากที่คนขับรถคันดังกล่าวจอดไว้ที่ชายป่าละเมาะริมถนนเพชรเกษม หมู่ที่ 3 บ้านบางกล้วยนอก ต.นาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เนื่องจากพบว่าแรงงานต่างด้าวที่อัดแน่นอยู่ในรถบรรทุกปลา จำนวน 121 คน ขาดอากาศหายใจอย่างทุรนทุรายจนเสียชีวิตไปถึง 54 ศพ และรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด 67 คน
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ก่อนเกิดเหตุรถบรรทุกคันดังกล่าวได้บรรทุกแรงงานต่างด้าวชาวพม่าอัดแน่นมาในตู้ห้องเย็นเต็มคันรถพร้อมกระเป๋าสัมภาระแล้วใส่กลอนประตูรถปิดล็อคจากด้านนอก โดยออกเดินทางจากแพปลาแห่งหนึ่งในย่านสะพานปลาระนอง เพื่อลักลอบเดินทางไปยังจังหวัดพังงาและจังหวัดภูเก็ต
เมื่อรถมาถึงที่เกิดเหตุคนขับได้ยินเสียงเคาะฝาผนังตู้ห้องเย็นอย่างสนั่นเพราะคนที่อยู่ข้างในขาดอากาศหายใจ จึงจอดรถในซอยริมป่าละเมาะแล้วลงมาเมื่อเปิดประตูตู้ห้องเย็นรถออกมาพบว่าผู้ที่อยู่ในรถนอนตายอยู่จำนวนมาก ขณะที่บางส่วนกำลังดิ้นทุรนทุรายเพราะขาดอากาศหายใจ
เมื่อเห็นเช่นนั้นคนขับรถจึงได้วิ่งหลบหนีเข้าป่าไปท่ามกลางความมืด แต่เสียบกุญแจรถคาไว้ เมื่อมีคนมาเห็นเหตุการณ์จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ และให้ความช่วยเหลือผู้ที่กำลังจะสิ้นใจนำส่งโรงพยาบาลสุขสำราญ ไว้ได้จำนวน 21 คน ส่วนที่เหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองควบคุมตัวไว้ได้ 46 คน แล้วพาไปควบคุมตัวไว้ที่ สภ.สุขสำราญ
นายแพทย์พรพงศ์ จิตต์ประทุม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุขสำราญ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดมาจากสาเหตุจากการขาดอากาศหายใจ เนื่องจากอัดแน่นอยู่ในพื้นที่แคบเป็นเวลานานประมาณ 1-2 ชั่วโมง
พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุขสำราญ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุคนขับรถบรรทุกคันดังกล่าวได้หลบหนีไปซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวจับกุมเพราะที่ด้านหน้าของรถมีชื่อว่ารุ่งเรืองทรัพย์ มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหา รวมทั้งเจ้าของรถได้อย่างแน่นอน
เมื่อเวลา 22.30 น.คืนวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์ พร้อมแพทย์และพยาบาลโรงบาลสุขสำราญ และโรงพยาบาลกะเปอร์ ช่วยกันลำเลียงศพแรงงานต่างด้าวชาวพม่าที่หลบหนีเข้าเมืองลงจากรถสิบล้อห้องเย็นบรรทุกอาหารทะเลสด หมายเลขทะเบียน 70-0619 ระนอง จำนวน 54 ศพ เป็นชาย 17 ศพ หญิง 37 ศพ เพื่อชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลสุขสำราญ
สภาพของแต่ละศพนิ้วมือนิ้วเท้าเกร็งจากการดิ้นทุรนทุราย หลังจากที่คนขับรถคันดังกล่าวจอดไว้ที่ชายป่าละเมาะริมถนนเพชรเกษม หมู่ที่ 3 บ้านบางกล้วยนอก ต.นาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เนื่องจากพบว่าแรงงานต่างด้าวที่อัดแน่นอยู่ในรถบรรทุกปลา จำนวน 121 คน ขาดอากาศหายใจอย่างทุรนทุรายจนเสียชีวิตไปถึง 54 ศพ และรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด 67 คน
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ก่อนเกิดเหตุรถบรรทุกคันดังกล่าวได้บรรทุกแรงงานต่างด้าวชาวพม่าอัดแน่นมาในตู้ห้องเย็นเต็มคันรถพร้อมกระเป๋าสัมภาระแล้วใส่กลอนประตูรถปิดล็อคจากด้านนอก โดยออกเดินทางจากแพปลาแห่งหนึ่งในย่านสะพานปลาระนอง เพื่อลักลอบเดินทางไปยังจังหวัดพังงาและจังหวัดภูเก็ต
เมื่อรถมาถึงที่เกิดเหตุคนขับได้ยินเสียงเคาะฝาผนังตู้ห้องเย็นอย่างสนั่นเพราะคนที่อยู่ข้างในขาดอากาศหายใจ จึงจอดรถในซอยริมป่าละเมาะแล้วลงมาเมื่อเปิดประตูตู้ห้องเย็นรถออกมาพบว่าผู้ที่อยู่ในรถนอนตายอยู่จำนวนมาก ขณะที่บางส่วนกำลังดิ้นทุรนทุรายเพราะขาดอากาศหายใจ
เมื่อเห็นเช่นนั้นคนขับรถจึงได้วิ่งหลบหนีเข้าป่าไปท่ามกลางความมืด แต่เสียบกุญแจรถคาไว้ เมื่อมีคนมาเห็นเหตุการณ์จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ และให้ความช่วยเหลือผู้ที่กำลังจะสิ้นใจนำส่งโรงพยาบาลสุขสำราญ ไว้ได้จำนวน 21 คน ส่วนที่เหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองควบคุมตัวไว้ได้ 46 คน แล้วพาไปควบคุมตัวไว้ที่ สภ.สุขสำราญ
นายแพทย์พรพงศ์ จิตต์ประทุม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุขสำราญ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดมาจากสาเหตุจากการขาดอากาศหายใจ เนื่องจากอัดแน่นอยู่ในพื้นที่แคบเป็นเวลานานประมาณ 1-2 ชั่วโมง
พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุขสำราญ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุคนขับรถบรรทุกคันดังกล่าวได้หลบหนีไปซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวจับกุมเพราะที่ด้านหน้าของรถมีชื่อว่ารุ่งเรืองทรัพย์ มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหา รวมทั้งเจ้าของรถได้อย่างแน่นอน