ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – โรงพยาบาล มอ.หาดใหญ่ จัดพิธีส่ง พล.ต.ต.นพดล เผือกโสมณ รองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธร ภาค 9 เพื่อกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านหลังจากที่อาการโดยรวมดีขึ้นและหายเกือบเป็นปกติ 80% หลังรักษาตัวนาน 11 เดือน จากการถูกคนร้ายลอบวางระเบิดอาการปางตาย แต่ด้วยพระบารมีของในหลวงและราชินีที่ทรงเมตตา ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ ซึ่งหลังจากนี้จะกลับไปทำงานตามหน้าที่ต่อไป
วันนี้ (5 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ลานกิจกรรมเวทีสุขภาพ อาคารโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ม.อ. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทางโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ได้จัดพิธีส่ง พล.ต.ต.นพดล เผือกโสมณ รองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธร ภาค 9 เพื่อกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านหลังจากที่อาการโดยรวมดีขึ้นและหายเกือบเป็นปกติ โดยมี รศ.นพ.สุเมธ พีรวุฒิ ผอ.โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรส่วนหน้า พล.ต.ท.ปัญญา เทียนศาสตร์ ผบช.ภาค 9 คณะแพทย์พยาบาลและตำรวจร่วมแสดงความยินดี โดย พล.ต.ต.นพดล อยู่ในชุดซาฟารีสีดำ และมีสีหน้าสดชื่นและยังมี นางถนอมจิต และน้องพลอย ด.ญ.กฤตวรรณ เผือกโสมณ ภรรยาและลูกสาวคนเดียวคอยเป็นกำลังใจ
ทั้งนี้ รศ.นพ.สุเมธ พีรวุฒิ ผอ.โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ได้นำคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมกันรักษา พล.ต.ต.นพดล มาบรรยายสรุปถึงขั้นตอนการรักษาตั้งแต่วันแรกที่ถูกส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ รวมระยะเวลา 11 เดือน 2 สัปดาห์ พร้อมฉายภาพประกอบอย่างละเอียดจากวินาทีเฉียดตาย กระบวนการรักษาของแพทย์ จนกระทั่งสามารถเดินออกจากโรงพยาบาลได้ โดยที่ไม่ต้องใช้รถเข็น ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้กับผู้รับชมและปรบมือพร้อม ๆ กันโดยไม่ได้นัดหมายทันทีแพทย์ได้อธิบายจบ ในขณะที่ พล.ต.นพดล ถึงกับตาแดงก่ำที่ได้เห็นภาพตัวเองในช่วงที่ชีวิตอยู่ในภาวะวิกฤต
รศ.นพ.สุเมธ กล่าวสรุปถึงอาการของ พล.ต.ต.นพดล ว่า ในวันแรกที่เข้ารักษาอาการน่าเป็นห่วงมากเพราะร่างกายถูกสะเก็ดระเบิดหลายแห่ง โดยเฉพาะขาซ้ายที่ขาด มือซ้ายที่แหลกละเอียด บริเวณเข่าขวาซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดทำลายจนกระดูกหายไป รวมทั้งที่ตาซ้ายซึ่งมีสะเก็ดระเบิดฝังอยู่และมีรอยฉีกขาด โดยทางโรงพยาบาลได้ระดมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 4 สาขามาทำการรักษา
โดยเฉพาะมือซ้ายซึ่งใช้วิธีปลูกถ่ายเนื้อเยื่อจนกระทั่งสามารถกระดิกนิ้วซึ่งเป็นความภูมิใจของแพทย์ เพราะอาการในลักษณะนี้โดยทั่ว ๆ ไปจะต้องตัดทิ้งเพียงอย่างเดียว แต่แพทย์ลงความเห็นว่าจะต้องรักษาเอาไว้และทำได้ในที่สุด ซึ่งมือซ้ายขณะนี้กระดิกและยกมือไหว้ได้ แม้จะสั้นกว่ามือขวากว่า 6 นิ้ว ซึ่งหลังจากนี้แพทย์เตรียมกำลังเตรียมแผนการรักษาโดยใช้เอ็นเทียมเพื่อให้สามารถใช้งานได้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุด
ส่วนตาซ้ายที่ช่วงแรกแพทย์มีความกังวลขณะนี้หายเป็นปกติ เหลือเพียงขาข้างขวาซึ่งแม้ว่ากระดูกจะเชื่อมต่อกันแล้ว และเดินได้ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ลงน้ำหนักมากเกินไป โดยเฉพาะเรื่องของการวิ่งแพทย์ยังห้ามเด็ดขาด
รศ.นพ.สุเมธ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ พล.ต.ต.นพดล มีวันนี้ได้คือ ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์มอบให้ทางโรงพยาบาลเพื่อใช้ในการรักษา และพระราชทานกำลังใจมาให้ พล.ต.ต.นพดล โดยรับไว้เป็นคนไข้ในพระราชินูปถัมภ์ ทำให้แพทย์และ พล.ต.ต.นพดล มีกำลังใจในการรักษา ทั้งนี้สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงรับสั่งให้คณะแพทย์ถวายรายงานอาการและผลการรักษา ผ่านทางราชเลขานุการในพระองค์ให้ทรงทราบ ๆ ทุก ๆ วันตลอดระยะเวลา 11 เดือน 2 สัปดาห์ที่ พล.ต.ต.นพดล รักษาอยู่ในโรงพยาบาล
“พล.ต.ต.นพดล เป็นนักสู้ผู้ไม่เคยยอมแพ้ ให้ความร่วมมือในการรักษาทุกอย่างแม้จะต้องพบกับความเจ็บปวดและทรมานแทบทุกวันในการรักษา แต่ก็ไม่ท้อ นอกจากนี้ยังคอยเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่บาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้และถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ทำให้ทุกคนมีกำลังใจที่จะรักษาตัว ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ยกย่องให้ พล.ต.ต.นพดล เป็นคนไข้ตัวอย่าง”
ทางด้าน พล.ต.ต.นพดล ซึ่งมีโอกาสเปิดเผยความในใจเป็นครั้งแรกกล่าวว่า ที่ตนมีวันนี้ได้ก็เพราะ ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงพระราชทานความห่วงใยมาให้ ซึ่งทุกพระองค์ทรงห่วงใยเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังจากนี้ตนจะทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างสุดความสามารถ และยืนยันว่าจะเอาชีวิตเข้าแลกต่อไป
ขณะนี้สภาพร่างกายมีความพร้อมเกือบ 80% รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะกลับไปแต่งเครื่องแบบอีกครั้ง จากที่ต้องใส่ชุดโรงพยาบาลมา 11 เดือน 2 สัปดาห์ การไปทำงานครั้งแรกจะไปปรับสภาพการทำงานที่ตำรวจภูธรภาค 9 ก่อน เพื่อให้เข้ากับภารกิจประจำวันที่ไม่เคยทำมาตลอด 11 เดือนเศษ เมื่อปรับสภาพร่างกายและภาวการณ์ทำงานได้ดีแล้ว อาจจะไปช่วยงานที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้าที่ จ.ยะลา ต่อไป
“ผมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของทุกกระองค์ที่มีพระเมตตาของตนและครอบครัว และขอบคุณประชาชนทั่วประเทศที่ส่งกำลังใจมาให้ตลอดเวลาที่รักษาตัว เนื่องจากสภาพเบื้องต้นเมื่อวันที่18 เม.ย.จนถึงวันนี้พัฒนาการขึ้นมาดีอย่างมาก นอกจากการรักษาของแพทย์แล้วยังมีกำลังใจจากประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชน “ปาฎิหารย์อาจจะมีจริง แต่ผมต้องยอมรับว่าเป็นเพราะฝีมือหมอมากกว่า ที่ทำให้ผมอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้” พล.ต.ต.นพดล กล่าว.
ทางด้าน พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร./ผอ.ศปก.ตร.ส่วนหน้า กล่าวว่า พล.ต.ต.นพดล เป็นความหวังของตำรวจภูธรภาค 9 ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยมาตลอด ซึ่งได้รับการวางตัวให้เป็นรองผู้การ ผู้การ และผู้บังคับบัญชาในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และยังเป็นบุคคลที่เป็นความหวังของวงการตำรวจไทยและของชาติ และยังเป็นหนึ่งในวีรบุรุษของตำรวจไทย
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล พล.ต.ต.นพดล ได้ทักทายและมอบเงินช่วยเหลือให้กับเจ้าหน้าที่อีก 4 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุความไม่สงบและมาร่วมส่ง พล.ต.ต.นพดล กลับไปพักฟื้นที่บ้าน