เชียงใหม่ – สวนสัตว์เชียงใหม่โกยรายได้ปี 50 กว่า 50 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวเข้าชม 1 ล้านกว่าคน เตรียมนำแพนด้าแดง-เสือขาว มาไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวปี 51 หวังกระตุ้นรายได้เป็น 2 เท่า ทั้ง เร่งรีดน้ำหนัก “ช่วงช่วง” เพื่อ เตรียมผสมพันธุ์ปลายเดือนนี้ ย้ำพร้อมบริหาร “เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี” หลัง ครม.ไฟเขียวโอนกิจการให้องค์การสวนสัตว์ฯ
นายธนภัทร พงษ์ภมร ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2550 ว่า สวนสัตว์เชียงใหม่ มีรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท ใกล้กับที่ตั้งเป้าไว้ที่ 60 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมประมาณ 1 ล้าน 3 แสนคน เพิ่มขึ้น 50% จากปี 2549 ส่วนปี 2551 ได้ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจะต้องเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1 ล้าน 5 แสนคน
ในปีนี้ สวนสัตว์เชียงใหม่เตรียมจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำสัตว์ชนิดใหม่เข้ามาแสดงเพิ่มขึ้น อาทิเช่น แพนด้าแดง เสือขาว และสัตว์น้ำอีกหลายชนิด รวมทั้งจัดสร้างเมืองหิมะจำลองในพื้นที่แพนด้า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกด้วย
“ปัจจัยหลักที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น คือ สัตว์ชนิดใหม่ที่จะนำเข้ามาแสดงเพิ่มขึ้น รวมทั้งอควาเรียมแสดงพันธุ์สัตว์น้ำมูลค่า 600 กว่าล้านบาท ที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งหากสร้างเสร็จเชื่อว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” นายธนภัทร กล่าว
นายธนภัทร กล่าวต่ออีกว่า สำหรับความคืบหน้ากรณี ครม.มีมติโอนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ให้องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดูแล ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินงานของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา ในเร็วๆ นี้ น่าจะได้ข้อสรุป ซึ่งสวนสัตว์เชียงใหม่พร้อมที่จะเข้าไปบริหารจัดการโดยผ่านคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา
ทั้งนี้ เบื้องต้นได้มีการวางแผนคร่าวๆ ไว้แล้ว สำหรับการบริหารเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยจะเน้นให้ชุมชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมก่อน เช่น การจำหน่ายอาหารสัตว์ การจำหน่ายของที่ระลึก โดยวิสาหกิจชุมชน นอกจากนี้ จะปรับปรุงให้มีพื้นที่สาธารณประโยชน์ในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มมากขึ้นด้วย
ด้านนายสัตวแพทย์ประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย กล่าวเสริมถึงความคืบหน้าของการเตรียมตัวผสมพันธุ์ของช่วงช่วง และ หลินฮุ่ย ว่า ขณะนี้กำลังควบคุมการกินอาหารของช่วงช่วง หมีแพนด้าเพศผู้ เพื่อเตรียมผสมพันธุ์ในช่วงเดือนมีนาคมนี้ เนื่องจากมีน้ำหนักตัวมากเกินไป โดยปัจจุบันมีน้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม ซึ่งหมีแพนด้าเพศผู้ควรจะมีน้ำหนักตัวไม่เกินกว่า 140 กิโลกรัม เพื่อไม่ให้หมีแพนด้าเพศเมียต้องแบกรับน้ำหนักมากเกินไปในระหว่างการผสมพันธุ์ โดยจะเน้นเพิ่มกิจกรรมการออกกำลังกายมากขึ้น รวมทั้งให้กินใบไผ่น้อยลง ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาเมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์
ส่วนหลินฮุ่ยหมีแพนด้าเพศเมีย ตอนนี้มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยในปี 2549 หลินฮุ่ยเป็นสัดเร็วกว่าช่วงเวลาปกติ เนื่องจากเป็นการผสมพันธุ์ครั้งแรก ที่ระดับฮอร์โมนของหมีแพนด้าทั้งคู่อาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก แต่การผสมพันธุ์ในปีนี้ คาดว่าน่าจะมีขึ้นช้ากว่าปีที่แล้ว แต่จะใกล้เคียงช่วงเวลาปกติตามธรรมชาติมากขึ้น โดยจะเริ่มขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป
“การผสมพันธุ์ในปีนี้หวังว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีประสบการณ์จากปีที่ผ่านมา แต่ไม่แน่ใจว่าจะประสบความสำเร็จ 100% เพราะมีปัจจัยอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีกหลายอย่าง แต่ทีมงานก็จะทำให้สุดความสามารถ ทั้งการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติและผสมเทียม”นายสัตวแพทย์ประเสริฐศักดิ์ กล่าว