นครศรีธรรมราช – แฉเอเยนต์ค้าข้าวรายใหญ่ และผู้ค้ารายย่อย ร่วมกันกักตุนข้าวสารเพื่อหวังผลกำไรตากราคาข้าว ขณะที่สำนักงานการค้าภายในกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ที่ จ.นครศรีธรรมราช หลังสถานการณ์ราคาข้าวสารมีแนมโน้มปรับตัวสูงขึ้น วันนี้ (31 มี.ค.) แหล่งข่าวซึ่งเป็นพนักงานเอเยนต์ค้าข้าวสารรายใหญ่รายหนึ่งของนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าแนวโน้มของราคาข้าวสารในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างน้อยกระสอบละ 200-300 บาท ทำให้ระยะนี้มีการกว้านซื้อจากผู้ค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อยจำนวนมากนำไปกักตุนไว้บางรายนับ 100 กระสอบ
ส่วนรายย่อยนั้นประมาณ 40-50 กระสอบ บางรายถึงขั้นไปเช่าห้องเช่าเพื่อเก็บตุนข้าวสารไว้โดยเฉพาะ ปัจจุบันนั้นราคาจะอยู่ที่ 1,100-1,200 บาท ขณะเดียวกันในเครือญาติของผู้ค้าจากส่วนกลางบางรายได้ลงทุนสั่งซื้อข้าวสารบรรจุกระสอบกักตุนไว้ในปริมาณมากเพื่อทำกำไรในส่วนนี้เช่นกัน
“การกว้านซื้อลักษณะนี้จะทำให้สัดส่วนของข้าวสารในตลาดมีปริมาณลดลง จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาข้าวสารในตลาดเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าปกติเกินกว่ากลไกตลาดที่แท้จริง ราคาที่ปรับเปลี่ยนในราวอีก 1-3 เดือนข้างหน้าอาจจะสูงถึง 1,500-1,700 บาทแล้ว แต่ชนิดของข้าวสาร ขณะที่ผู้บริโภคนั้นมีความตื่นกลัวมากขึ้นต่อแนวโน้มราคาข้าวสาร พฤติกรรมในการซื้อเพื่อบริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมที่ซื้อแบบเป็นถัง (16 กก.) จะซื้อแบบยกกระสอบ (48 กก.) มากขึ้น” ผู้ค้ารายเดิมกล่าว
นายบริรักษ์ ชูสิทธิ์ หัวหน้าการค้าภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ติดตามประเด็นการกักตุนอย่างเข้มงวดทั้งข้าวเปลือกและข้าวสารยอมรับว่าแนวโน้มของราคาข้าวสารเพิ่มขึ้นตามลำดับแน่นอน มาตรการในขณะนี้จะต้องนำเข้าหารือกับจังหวัดในเรื่องของการควบคุมเพราะข้าวสารถือเป็นสินค้าควบคุมเช่นกัน เบื้องต้นนั้นอาจจะพิจารณามาตรการเดียวกับปุ๋ยคือการแจ้งการครอบครองเกิน 100 ตันต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่
“บริษัทขนาดใหญ่ไม่กี่รายในนครศรีธรรมราช เรากำลังติดตามบริษัทเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และต้องตามพฤติกรรมให้เท่าทันบางรายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เข้าประมูลข้าวจากรัฐได้มาก ทั้งยังมีเครือข่ายเป็นบริษัทลูกที่เข้าสำรวจได้ในทุกลักษณะ ทางการเองต้องปรับกระบวนการให้เท่าทันเพื่อไม่ให้ปัญหาการกักตุนเก็งกำไรเกิดขึ้น” การค้าภายในนครศรีธรรมราช กล่าว
ที่ จ.นครศรีธรรมราช หลังสถานการณ์ราคาข้าวสารมีแนมโน้มปรับตัวสูงขึ้น วันนี้ (31 มี.ค.) แหล่งข่าวซึ่งเป็นพนักงานเอเยนต์ค้าข้าวสารรายใหญ่รายหนึ่งของนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าแนวโน้มของราคาข้าวสารในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างน้อยกระสอบละ 200-300 บาท ทำให้ระยะนี้มีการกว้านซื้อจากผู้ค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อยจำนวนมากนำไปกักตุนไว้บางรายนับ 100 กระสอบ
ส่วนรายย่อยนั้นประมาณ 40-50 กระสอบ บางรายถึงขั้นไปเช่าห้องเช่าเพื่อเก็บตุนข้าวสารไว้โดยเฉพาะ ปัจจุบันนั้นราคาจะอยู่ที่ 1,100-1,200 บาท ขณะเดียวกันในเครือญาติของผู้ค้าจากส่วนกลางบางรายได้ลงทุนสั่งซื้อข้าวสารบรรจุกระสอบกักตุนไว้ในปริมาณมากเพื่อทำกำไรในส่วนนี้เช่นกัน
“การกว้านซื้อลักษณะนี้จะทำให้สัดส่วนของข้าวสารในตลาดมีปริมาณลดลง จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาข้าวสารในตลาดเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าปกติเกินกว่ากลไกตลาดที่แท้จริง ราคาที่ปรับเปลี่ยนในราวอีก 1-3 เดือนข้างหน้าอาจจะสูงถึง 1,500-1,700 บาทแล้ว แต่ชนิดของข้าวสาร ขณะที่ผู้บริโภคนั้นมีความตื่นกลัวมากขึ้นต่อแนวโน้มราคาข้าวสาร พฤติกรรมในการซื้อเพื่อบริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมที่ซื้อแบบเป็นถัง (16 กก.) จะซื้อแบบยกกระสอบ (48 กก.) มากขึ้น” ผู้ค้ารายเดิมกล่าว
นายบริรักษ์ ชูสิทธิ์ หัวหน้าการค้าภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ติดตามประเด็นการกักตุนอย่างเข้มงวดทั้งข้าวเปลือกและข้าวสารยอมรับว่าแนวโน้มของราคาข้าวสารเพิ่มขึ้นตามลำดับแน่นอน มาตรการในขณะนี้จะต้องนำเข้าหารือกับจังหวัดในเรื่องของการควบคุมเพราะข้าวสารถือเป็นสินค้าควบคุมเช่นกัน เบื้องต้นนั้นอาจจะพิจารณามาตรการเดียวกับปุ๋ยคือการแจ้งการครอบครองเกิน 100 ตันต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่
“บริษัทขนาดใหญ่ไม่กี่รายในนครศรีธรรมราช เรากำลังติดตามบริษัทเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และต้องตามพฤติกรรมให้เท่าทันบางรายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เข้าประมูลข้าวจากรัฐได้มาก ทั้งยังมีเครือข่ายเป็นบริษัทลูกที่เข้าสำรวจได้ในทุกลักษณะ ทางการเองต้องปรับกระบวนการให้เท่าทันเพื่อไม่ให้ปัญหาการกักตุนเก็งกำไรเกิดขึ้น” การค้าภายในนครศรีธรรมราช กล่าว