xs
xsm
sm
md
lg

ตรวจยึดการบุกรุกพื้นที่ป่า อ.สิเกา พร้อมผู้ต้องหาและของกลาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง – เจ้าหน้าที่บุกตรวจยึดการบุกรุกพื้นที่ป่า อ.สิเกา จ.ตรัง สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมของกลาง


เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (26 มี.ค.) ร.ต.ท.แดง ศรีสมบูรณ์ รองสารวัตรสืบสวน สภ.สิเกา จังหวัดตรัง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง เข้าไปตรวจยึดของกลางคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสายควนเกาะอ้ายกลิ้ง ในพื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านไร่ออก ตำบลบ่อหิน หลังจากที่ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 02.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบ หลังได้รับการร้องเรียนของชาวบ้านในพื้นที่ ว่า ได้ยินเสียงเครื่องเลื่อยยนต์มาจากพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เป็นเวลาหลายคืนติดต่อกันมาแล้ว

จากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบชายฉกรรจ์ จำนวน 3 คน กำลังไถปรับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูเอกสารการครอบครองกรรมสิทธิที่ดิน ทั้งหมดไม่สามารถนำมาแสดงได้ จึงควบคุมตัว นายพ่วน ยุ่งยั้ง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/2 หมู่ที่ 6 ตำบลคลองลุ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง นายชัยชาญ โชติกมาศ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ที่ 2 ตำบลโคกยาง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง และ นายมงคล ทองแท่ง อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/4 หมู่ที่ 5 ตำบลโคกยาง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สิเกา

พร้อมทั้งได้ทำการตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ ไทเกอร์ ชนิด 4 ประตู สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บท 7020 ตรัง จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง หมายเลขทะเบียน กลว 156 ตรัง จำนวน 1 คัน และรถแทรกเตอร์ จำนวน 1 คัน ตลอดจนเครื่องเลื่อยยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า จำนวน 1 เครื่อง พร้อมกับอุปกรณ์ปั๊มลม จำนวน 1 ชุด

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างมาจาก นายสุรศักดิ์ ไกรเทพ เจ้าของร้านรักษ์เกษตรภัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับห้างเทสโก้ โลตัส สาขาตรัง ถนนตรัง-ปะเหลียน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง ให้มาไถปรับพื้นที่ดังกล่าวในราคาไร่ละ 5,500 บาท โดยได้รับเงินค่าจ้างล่วงหน้ามาแล้ว จำนวน 100,000 บาท และทำการปรับพื้นที่ป่าไปแล้วจำนวนกว่า 20 ไร่ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกก่อสร้างแผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันทำลายป่า หรือถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือทำลายประการใดๆ อันเป็นการให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนโดยไม่ได้รับอนุญาต

อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้ชายคนหนึ่งเดินทางไปยัง สภ.สิเกา เพื่อขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม โดยมีการเสนอเงินให้จำนวนหนึ่ง เพื่อขอยุติเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับการปฏิเสธจากชุดจับกุมดังกล่าว และเมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม จากนายตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่ง กลับไม่ได้รับความร่วมมือแต่อย่างใดและอ้างว่า ผู้ว่าจ้างได้มีการติดต่อเข้ามาพร้อมกับแจ้งว่า มีเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวถูกต้อง ซึ่งจะมีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพื่อลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวให้แน่ชัดว่า อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ อย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น