นครศรีธรรมราช – ครูหนุ่มเมืองนครศรีฯ โดนแก๊งมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งชาติ ช่วยเหลือจากเหยื่อแก๊งบัตรเครดิต แต่โชคดีไหวตัวทัน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (12 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายกฤษดา ชาญรบ อายุ38ปี ครูโรงเรียนวัดโบถส์ อ.เมือง นครศรีธรรมราช ว่า ตนเองได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงโทรเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของตนโดยระบุว่า ตนเองได้ใช้บัตรเครดิตรูดเงินจำนวน 20,000 บาทโดยได้รูดเงินเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ที่บริเวณห้างสายามพารากอน กรุงเทพฯ โดยตนได้ใช้บัตรเครดิตของธนาคารสแตนดาดร์ชาเตอร์
เมื่อได้รับโทรศัทพ์ก็งง เพราะไม่เคยไปกรุงเทพฯเลยในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา แล้วจะไปรูดบัตรเครดิตได้อย่างไร ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงแก่ผู้หญิงที่โทรศัพท์มาหาตนและอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคารแห่งประเทศไทยคนนั้นไป
นายกฤษดา กล่าวอีกว่า ผู้หญิงคนนั้นก็ได้บอกว่า ตนต้องถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกและเอาข้อมูลจากบัตรเครดิตไปรูดเงิน และผู้หญิงคนเดิมก็ได้บอกกับตนว่า อีกสักครู่จะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลลูกค้าเกี่ยวกับเรื่องบัตรเครดิตของธนาคารแห่งประเทศไทย โทรหาเพื่อช่วยดูแล ซึ่งตนก็ค่อนข้างที่ตกใจมากเมื่อรู้ข้อมูลว่าบัตรตนโดนแก๊งมิจฉาชีพทำเช่นนี้
นายกฤษดา กล่าวอีกว่าหลังจากนั้นประมาณ 10 นาทีก็มีผู้ชายโทรศัพท์เข้ามายังมือถือตนซึ่งเบอรที่โชว์เขียนว่าเบอร์ส่วนตัว และผู้ชายคนนั้นบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลลูกค้าเรื่องบัตรเครดิต และตนนั้นถูกแก๊งมิจฉาชีพนำข้อมูลบัตรไปรูดเงินจำนวน 20,000 บาท เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แก๊งมิจฉาชีพรูดเงินของตนได้อีก ก็ให้ไปที่ตู้เอทีเอ็มที่ไหนก็ได้ที่ใกล้ที่สุดแล้วจะบอกวิธีการป้องกันให้
ตอนแรกก็ตกใจมากคิดว่าจริง เหมือนที่แก๊งดังกล่าวระบุ แต่พอได้ยินว่าให้ไปที่ตู้เอทีเอ็มตนก็นึกแปลกใจ เพราะเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ขณะที่ตนกำลังขับรถมาสอนเด็กที่โรงเรียนตนได้เปิดวิทยุ ซึ่งผู้จัดรายการ ได้นำข่าวเรื่องของแก๊งมิจฉาชีพ ที่มีพฤติกรรมเหมือนกับที่ตนโดนมาเล่าให้ฟังในรายการ โดยเหตุการณ์ที่นักจัดรายการผู้นี้เล่าเป็นเรื่องของดีเจคนหนึ่งที่ จ.ชลบุรีโดนหลอกเช่นตน และสูญเงินไปถึง 20,000 บาท
“ผมจึงไหวตัวทันและคิดว่าน่าจะโดนแก๊งมิจฉาชีพแก๊งนี้หลอกเช่นกัน จึงได้ออกอุบายกับผู้ที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางว่า ขอสอนเด็กให้หมดคาบก่อนแล้วจึงค่อยออกไปที่ตู้เอทีเอ็ม และเมื่อวางสายโทรศัพท์ ผมได้หาเบอร์ของธนาคารสแตนดาดร์ชาเตอร์คือ 02-7242000 เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น ธนาคารก็ปฎิเสธว่าไม่ได้มีการรูดเงินจากบัตรของผมแต่อย่างใด ผมจึงมั่นใจว่าโดนแก๊งนี้เล่นงานเข้าแล้ว "นายกฤษดากล่าวและว่า
อีกสักพัก ผู้ชายคนนั้นก็โทรมาหาอีก และเร่งเร้าให้ตนไปที่หน้าตู้เอทีเอ็ม ตนจึงทำทีว่าไปยืนที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งผู้ชายคนดังกล่าวก็ใช้ให้ตนกดตามที่เขาบอก ซึ่งเป็นเมนูภาษาอังกฤษแทบทั้งสิ้น ซึ่งตนนั้นไม่ได้กดตามที่เขาบอก แต่แกล้งเพื่อจะลองดูว่าแก๊งนี้มีพฤติกรรมเหมือนกันหรือไม่ปรากฏว่าเหมือนกัน เพราะเมื่อทำรายการเสร็จแล้วเขาก็ใช้ให้ฉีกสลิปทิ้ง เพราะถือเป็นข้อมูลลับของธนาคาร ซึ่งผมก็ได้ต่อว่าไปว่าตนไม่ได้กดตามที่เขาบอก เพราะทราบว่าเป็นแก๊งที่หลอกลวงซึ่งผมพูดไม่ทันจบก็วางสายไปเลย”
นายกฤษดา กล่าวอีกว่าเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยในช่วงนี้ และมักจะมาในรูปแบบแปลกๆใหม่ๆซึ่งหากเราไม่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง ก็คงจะไม่ทราบและตกเป็นเหยื่อของแก๊งพวกนี้ได้ ซึ่งหลังจากที่เกิดเรื่องตนได้โทรศัพท์ไปขอบคุณนักจัดรายการผู้นั้น ที่นำข่าวมาเล่า เพราะหากตนไม่ได้ฟังข่าวมาก็คงเชื่อแก๊งนี้ และคงจะต้องสูญเงินนับแสนบาทเพราะในบัญชีมีเงินอยู่เกือบแสนบาท
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (12 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายกฤษดา ชาญรบ อายุ38ปี ครูโรงเรียนวัดโบถส์ อ.เมือง นครศรีธรรมราช ว่า ตนเองได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงโทรเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของตนโดยระบุว่า ตนเองได้ใช้บัตรเครดิตรูดเงินจำนวน 20,000 บาทโดยได้รูดเงินเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ที่บริเวณห้างสายามพารากอน กรุงเทพฯ โดยตนได้ใช้บัตรเครดิตของธนาคารสแตนดาดร์ชาเตอร์
เมื่อได้รับโทรศัทพ์ก็งง เพราะไม่เคยไปกรุงเทพฯเลยในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา แล้วจะไปรูดบัตรเครดิตได้อย่างไร ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงแก่ผู้หญิงที่โทรศัพท์มาหาตนและอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคารแห่งประเทศไทยคนนั้นไป
นายกฤษดา กล่าวอีกว่า ผู้หญิงคนนั้นก็ได้บอกว่า ตนต้องถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกและเอาข้อมูลจากบัตรเครดิตไปรูดเงิน และผู้หญิงคนเดิมก็ได้บอกกับตนว่า อีกสักครู่จะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลลูกค้าเกี่ยวกับเรื่องบัตรเครดิตของธนาคารแห่งประเทศไทย โทรหาเพื่อช่วยดูแล ซึ่งตนก็ค่อนข้างที่ตกใจมากเมื่อรู้ข้อมูลว่าบัตรตนโดนแก๊งมิจฉาชีพทำเช่นนี้
นายกฤษดา กล่าวอีกว่าหลังจากนั้นประมาณ 10 นาทีก็มีผู้ชายโทรศัพท์เข้ามายังมือถือตนซึ่งเบอรที่โชว์เขียนว่าเบอร์ส่วนตัว และผู้ชายคนนั้นบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลลูกค้าเรื่องบัตรเครดิต และตนนั้นถูกแก๊งมิจฉาชีพนำข้อมูลบัตรไปรูดเงินจำนวน 20,000 บาท เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แก๊งมิจฉาชีพรูดเงินของตนได้อีก ก็ให้ไปที่ตู้เอทีเอ็มที่ไหนก็ได้ที่ใกล้ที่สุดแล้วจะบอกวิธีการป้องกันให้
ตอนแรกก็ตกใจมากคิดว่าจริง เหมือนที่แก๊งดังกล่าวระบุ แต่พอได้ยินว่าให้ไปที่ตู้เอทีเอ็มตนก็นึกแปลกใจ เพราะเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ขณะที่ตนกำลังขับรถมาสอนเด็กที่โรงเรียนตนได้เปิดวิทยุ ซึ่งผู้จัดรายการ ได้นำข่าวเรื่องของแก๊งมิจฉาชีพ ที่มีพฤติกรรมเหมือนกับที่ตนโดนมาเล่าให้ฟังในรายการ โดยเหตุการณ์ที่นักจัดรายการผู้นี้เล่าเป็นเรื่องของดีเจคนหนึ่งที่ จ.ชลบุรีโดนหลอกเช่นตน และสูญเงินไปถึง 20,000 บาท
“ผมจึงไหวตัวทันและคิดว่าน่าจะโดนแก๊งมิจฉาชีพแก๊งนี้หลอกเช่นกัน จึงได้ออกอุบายกับผู้ที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางว่า ขอสอนเด็กให้หมดคาบก่อนแล้วจึงค่อยออกไปที่ตู้เอทีเอ็ม และเมื่อวางสายโทรศัพท์ ผมได้หาเบอร์ของธนาคารสแตนดาดร์ชาเตอร์คือ 02-7242000 เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น ธนาคารก็ปฎิเสธว่าไม่ได้มีการรูดเงินจากบัตรของผมแต่อย่างใด ผมจึงมั่นใจว่าโดนแก๊งนี้เล่นงานเข้าแล้ว "นายกฤษดากล่าวและว่า
อีกสักพัก ผู้ชายคนนั้นก็โทรมาหาอีก และเร่งเร้าให้ตนไปที่หน้าตู้เอทีเอ็ม ตนจึงทำทีว่าไปยืนที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งผู้ชายคนดังกล่าวก็ใช้ให้ตนกดตามที่เขาบอก ซึ่งเป็นเมนูภาษาอังกฤษแทบทั้งสิ้น ซึ่งตนนั้นไม่ได้กดตามที่เขาบอก แต่แกล้งเพื่อจะลองดูว่าแก๊งนี้มีพฤติกรรมเหมือนกันหรือไม่ปรากฏว่าเหมือนกัน เพราะเมื่อทำรายการเสร็จแล้วเขาก็ใช้ให้ฉีกสลิปทิ้ง เพราะถือเป็นข้อมูลลับของธนาคาร ซึ่งผมก็ได้ต่อว่าไปว่าตนไม่ได้กดตามที่เขาบอก เพราะทราบว่าเป็นแก๊งที่หลอกลวงซึ่งผมพูดไม่ทันจบก็วางสายไปเลย”
นายกฤษดา กล่าวอีกว่าเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยในช่วงนี้ และมักจะมาในรูปแบบแปลกๆใหม่ๆซึ่งหากเราไม่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง ก็คงจะไม่ทราบและตกเป็นเหยื่อของแก๊งพวกนี้ได้ ซึ่งหลังจากที่เกิดเรื่องตนได้โทรศัพท์ไปขอบคุณนักจัดรายการผู้นั้น ที่นำข่าวมาเล่า เพราะหากตนไม่ได้ฟังข่าวมาก็คงเชื่อแก๊งนี้ และคงจะต้องสูญเงินนับแสนบาทเพราะในบัญชีมีเงินอยู่เกือบแสนบาท