ยะลา - ผอ.กองปฏิบัติการข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุ แนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามอบตัวกับทางการมากขึ้นเป็นผลมาจาก 3 ปัจจัยหลัก โดยเฉพาะการถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการข่าวสาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ได้เข้ามาอบตัวกับทางการจำนวน 80 คน เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมา ถือเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ทุกคนอยากให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดความสงบสุขในเร็ววัน และปัจจัยที่ทำให้สมาชิกแนวร่วมกลุ่มดังกล่าวเข้ามอบตัวน่าจะเกิดจาก 3 ปัจจัย คือ
1.จากมาตรการบีบคั้นทางทหาร หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลังเข้าปิดล้อม ตรวจค้นและเข้ากดดันพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากมากขึ้น
2.แนวร่วมกลุ่มดังกล่าวอาจจะไม่ได้รับความช่วยเหลือและไม่มีทางออกหรือคิดว่าคงต้องเผชิญกับแนวทางการปฏิบัติที่เข้มแข็งจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลังหลังมีการซัดทอดถึง
และ 3.จากนโยบายรัฐบาล และทางกองทัพที่ได้เปิดโอกาส และทำความเข้าใจ ตามแนวทาง สันติวิธี ทั้งหมดจึงเป็นปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้คนกลุ่มนี้ยอมเข้ามอบตัวกับทางการ เนื่องจากพวกเขาได้มองเห็น และรับรู้แล้วว่าผู้ที่เข้ามอบตัวกับภาครัฐก่อนหน้านี้ทุกคนได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุข และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อีกทั้งไม่ได้ถูกจับตามองจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐเหมือนในอดีตที่ผ่านมาแต่อย่างใด
ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังกล่าวอีกว่า ในขั้นต้นทางการจำเป็นต้องนำตัวคนกลุ่มดังกล่าวไปปรับเปลี่ยนความคิดและความเชื่อตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความมั่นคงก่อน เนื่องจาก พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวได้ประกาศไว้อย่างชัดเจนว่ากลุ่มแนวร่วมที่เข้ามอบตัวเป็นกลุ่มบุคคลที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และถูกปลุกระดมชักจูงไปในทางที่ผิด จึงจำเป็นต้องนำตัวมาปรับเปลี่ยนความคิดและความเชื่อแทนการลงโทษ จากนั้นทางการก็จะเข้าไปส่งเสริมด้านอาชีพ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่างมีความสุขในพื้นที่ได้ต่อไป