กระบี่ -ผวจ.กระบี่ รับนโยบายรัฐบาลปราบปรามยาเสพติด ย้ำไม่ใช้ภาษาดอกไม้กับผู้ค้ายา แต่กำชับเจ้าหน้าที่ปราบปราม ให้ทำตามกฎหมายห้ามแหกกฎ เผยที่ผ่านมาก็ได้มีการปราบปรามจับกุมอย่างต่อเนื่อง
นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ทางรัฐบาลได้มอบนโยบายเร่งด่วนให้ทุกจังหวัดกวดขันปราบปราบ ผู้ค้า ผู้เสพ ยาเสพติด ให้หมดภายใน 3 เดือนนั้น ซึ่งในส่วนของจังหวัดกระบี่ก็ได้มีการปราบปรามและทำการจับกุมผู้ค้า ผู้เสพ ยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง
จากสถิติของการจับกุมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 – มกราคม 2551 สามารถจับกุมผู้ค้ามาดำเนินคดีได้ จำนวน 175 คดี ผู้ต้องหา 213 คน โดยอำเภอเมืองเป็นอันดับ1 จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ได้ จำนวน 69 คดี ผู้ต้องหา 91 คน รองลงมา ได้แก่ อำเภอเกาะลันตา จับกุมผู้กระทำความผิด ได้จำนวน 31 คดี ผู้ต้องหา 31 คน
นายศิวะ กล่าวอีกว่า ในเมื่อทางรัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนมา ก็ถือว่าเป็นโอกาสดี ที่ได้ปลุกกระแสการกวดล้างผู้ค้าผู้เสพ ยาเสพติดอีกครั้ง ซึ่งก็ได้เน้นย้ำให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำงานไปด้วยกัน และระลึกอยู่เสมอว่าการทำงานไม่ใช่เพราะรัฐบาล หรือคนหนึ่งคนใดจี้ให้ทำ แต่ให้ทำด้วยใจ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วการทำงานก็จะไม่สัมฤทธิ์ผลสูงสุด และที่สำคัญ ให้ทำไปตามกฎหมาย ห้ามนอกเหนือเป็นอันขาด และหากว่าเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นมา ตนพร้อมที่จะรับผิดชอบร่วมด้วย
สำหรับผู้ค้ายาเสพติดจากนี้ไปก็จะไม่มีการพูดหรือตักเตือนด้วยภาษาดอกไม้อีกต่อไป จะต้องนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมาก็ได้ให้โอกาสมามากพอแล้ว
“ในส่วนของกลุ่มเสี่ยงตามสถานศึกษา ต้องยอมรับว่า มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยาเสพติดประเภท 4 คูณ 100 ซึ่งมีสารขั้นที่เป็นส่วนผสมของยาแก้ไอ ใบกระท่อม และยากันยุง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหามาตรการควบคุม โดยจะให้เชิญร้านจำหน่ายยา ที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ มาทำข้อตกลงร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อป้องกันกลุ่มเยาวชนเข้าไปหาซื้อได้ตามสะดวก และให้มีการเอกซเรย์ภายในสถานศึกษา เพื่อนำตัวกลุ่มนักศึกษาที่ติดยาเสพติด มาทำการบำบัดด้วย โดยคาดว่า ก่อน 3 เดือน ก็จะทราบว่ามีใครบ้างที่อยู่ในเครือข่ายยาเสพติด เพราะก่อนนี้ได้มีข้อมูลอยู่แล้วเท่าแต่นำมาตรวจสอบใหม่อีกครั้งเพื่อความถูกต้องชัดเจน”
นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ทางรัฐบาลได้มอบนโยบายเร่งด่วนให้ทุกจังหวัดกวดขันปราบปราบ ผู้ค้า ผู้เสพ ยาเสพติด ให้หมดภายใน 3 เดือนนั้น ซึ่งในส่วนของจังหวัดกระบี่ก็ได้มีการปราบปรามและทำการจับกุมผู้ค้า ผู้เสพ ยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง
จากสถิติของการจับกุมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 – มกราคม 2551 สามารถจับกุมผู้ค้ามาดำเนินคดีได้ จำนวน 175 คดี ผู้ต้องหา 213 คน โดยอำเภอเมืองเป็นอันดับ1 จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ได้ จำนวน 69 คดี ผู้ต้องหา 91 คน รองลงมา ได้แก่ อำเภอเกาะลันตา จับกุมผู้กระทำความผิด ได้จำนวน 31 คดี ผู้ต้องหา 31 คน
นายศิวะ กล่าวอีกว่า ในเมื่อทางรัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนมา ก็ถือว่าเป็นโอกาสดี ที่ได้ปลุกกระแสการกวดล้างผู้ค้าผู้เสพ ยาเสพติดอีกครั้ง ซึ่งก็ได้เน้นย้ำให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำงานไปด้วยกัน และระลึกอยู่เสมอว่าการทำงานไม่ใช่เพราะรัฐบาล หรือคนหนึ่งคนใดจี้ให้ทำ แต่ให้ทำด้วยใจ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วการทำงานก็จะไม่สัมฤทธิ์ผลสูงสุด และที่สำคัญ ให้ทำไปตามกฎหมาย ห้ามนอกเหนือเป็นอันขาด และหากว่าเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นมา ตนพร้อมที่จะรับผิดชอบร่วมด้วย
สำหรับผู้ค้ายาเสพติดจากนี้ไปก็จะไม่มีการพูดหรือตักเตือนด้วยภาษาดอกไม้อีกต่อไป จะต้องนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมาก็ได้ให้โอกาสมามากพอแล้ว
“ในส่วนของกลุ่มเสี่ยงตามสถานศึกษา ต้องยอมรับว่า มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยาเสพติดประเภท 4 คูณ 100 ซึ่งมีสารขั้นที่เป็นส่วนผสมของยาแก้ไอ ใบกระท่อม และยากันยุง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหามาตรการควบคุม โดยจะให้เชิญร้านจำหน่ายยา ที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ มาทำข้อตกลงร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อป้องกันกลุ่มเยาวชนเข้าไปหาซื้อได้ตามสะดวก และให้มีการเอกซเรย์ภายในสถานศึกษา เพื่อนำตัวกลุ่มนักศึกษาที่ติดยาเสพติด มาทำการบำบัดด้วย โดยคาดว่า ก่อน 3 เดือน ก็จะทราบว่ามีใครบ้างที่อยู่ในเครือข่ายยาเสพติด เพราะก่อนนี้ได้มีข้อมูลอยู่แล้วเท่าแต่นำมาตรวจสอบใหม่อีกครั้งเพื่อความถูกต้องชัดเจน”