ศูนย์ข่าวภูเก็ต - โครงการ เดอะ เฮริเทจ ผุดคอนโดมิเนียมหรู “The Heritafe Suites” มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท รับลูกค้าคนไทยรุ่นใหม่และชาวต่างชาติที่สามารถซื้อได้ 49% พร้อมรับการเติบโตของธุรกิจคอนโดฯในภูเก็ตที่ผุดขึ้นเป็นแถวกว่า 10 แห่งในปีนี้ เผยในอนาคตนักลงทุนหันมาทำคอนโดฯในภูเก็ตมากขึ้น จากข้อจำกัดเรื่องที่ดินและขายให้ชาวต่างชาติได้
นายธนันฑ์ ตัณฑ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ โครงการ เดอะ เฮริเทจ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่โครงการเดอะเฮริเทจ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 55 ไร่ ซึ่งเป็นบ้านระดับบนประสบความสำเร็จ ทางโครงการจึงได้ขยายการลงทุนในส่วนของคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก ภายในโครงการ “The Heritafe Suites” บนเนื้อที่ 5 ไร่ มีทั้งหมด 2 ตึก จำนวน 67 ห้อง และชั้นบนเป็นเพนต์เฮาส์ ราคาเริ่มต้นที่ 3.2 ล้านบาทถึง 8 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งสถานที่ตั้งก็มีความเหมาะสม ใกล้แหล่งชอปปิ้ง สนามกอล์ฟ โรงพยาบาล
โครงการ “The Heritafe Suites” เป็นการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยกับสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ขณะนี้ในจังหวัดภูเก็ตเริ่มที่ลดน้อยลง จึงพยายามที่จะรักษาความเป็นชิโนโปรตุกีสของภูเก็ต เพราะปกติคอนโดเนียมที่สร้างจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมและมีหลังคา แต่โครงการ The Heritafe Suites เราพยายามนำเส้นสายที่เป็นชิโนโปรตุกีสเข้ามาผสมผสาน ทำเป็นหลังคากาบกล้วย รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยที่ใช้คีย์การ์ดเข้าอาคาร มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด 16 กล้อง พร้อมที่จอดรถที่อยู่ใต้อาคารเนื่องจากภูเก็ตมีฝนตกชุก 6-7 เดือนต่อปี
สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักที่วางไว้ มีทั้งคนต่างชาติและคนไทย นักธุรกิจ นายแพทย์ เป็นต้น โดยเฉพาะกลุ่มคนต่างชาติถือว่าเป็นลูกค้าหลักกลุ่มหนึ่ง เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การถือครองอสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติเป็นไปได้ยาก ชาวต่างชาติไม่สามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์ที่ดินบ้านและที่ดินได้เพียงลำพัง การถือครองจะต้องร่วมหุ้นกับคนไทย หรือถือครองในนามภรรยาคนไทย และการถือครองโดยการเปิดบริษัท ซึ่งปัจจุบันสำนักงานที่ดินมีการตรวจสอบเข้มงวดมาก แต่กฎหมายได้อนุญาตให้คนต่างชาติสามารถถือครองคอนโดมิเนียมได้ ในสัดส่วน 49% ของพื้นที่ขายทั้งหมด ทำให้ชาวต่างชาติ ถือครองได้และมีชื่ออยู่ในเอกสารสิทธิ ทำให้คนต่างชาติมีความรู้สึกที่ต้องการอยากจะมาถือครองคอนโดฯ ซึ่งกลุ่มลูกค้าคนต่างชาติที่จองแล้ว มีทั้ง สวีเดน รัสเซีย เป็นต้น
ในส่วนของคนไทยก็จะเป็นกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ต้องการที่อยู่ที่สะดวกสบายแทนการซื้อบ้านที่จะต้องมีภาระในการดูแล ตกแต่งสวน เป็นต้น และคาดว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะสามารถปิดการขายได้
ตอนนี้เราขายได้ประมาณ 30% จากทั้งหมด 67 ยูนิต อีกประมาณ 2-3 เดือนคาดว่าจะเปิดโครงการได้ และขณะนี้ได้เริ่มการก่อสร้างแล้วจะเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ใช้เวลาการก่อสร้างประมาณ 15 เดือน ซึ่งลูกค้าสามารถที่จะเข้ามาพักได้เลย เนื่องจากเป็นคอนโดมีเนียมที่มีเฟอร์นิเจอร์แพกเกจสำหรับลูกค้า โดยโครงการจะขายเป็นเฟอร์นิเจอร์แพกเกจด้วย
นายธนันฑ์ ยังกล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตประเภทคอนโดมิเนียม ว่า การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต มีการเจริญเติบโตค่อนข้างน่าเป็นห่วง คือ เจริญเติบโตมากจนเกิดอาการโอเวอร์ซัพพลายในอนาคตอันใกล้นี้ และคิดว่าในอนาคตนักลงทุนจะหันไปทำคอนโดมิเนียมมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันจะเป็นว่าบริษัทต่างๆ ได้หันมาทำคอนโดมิเนียมมีมาก โดยที่มองว่าคอนโดมิเนียมเป็นเทรนด์และเป็นสิ่งที่น่าสนใจ แม้แต่ในชมรมอสังหาริมทรัพย์ จะมีการจัดสัมมนา ร่วมกับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ เกี่ยวกับการลงทุนคอนโดมีเนียมในภูเก็ตโดยเฉพาะ ว่ามีการเกิดขึ้นได้อย่างไร การตลาด กฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อรองรับการขยายตัวการลงทุนด้านคอนโดฯในภูเก็ต
ประกอบกับภูเก็ตมีข้อจำกัดในเรื่องของที่ดินมีน้อยลง พื้นที่ส่วนใหญ่จำกัดความสูง 80 เมตร ที่ดินในเชิงราบน้อยลง ดังนั้นอาคารสูงที่เป็นคอนโดฯเป็นการตอบโจทย์ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภูเก็ตในอนาคต ซึ่งขณะนี้จากการสำรวจพบว่ามีคอนโดมิเนียมที่กำลังจะเกิดขึ้นในภูเก็ตกว่า 10 โครงการ จากการสำรวจเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว จึงคาดว่าในอนาคตโครงการคอนโดฯจะมาเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต
ส่วนภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต นายธนันฑ์ กล่าวว่า จะต้องแบ่งเป็น 2-3 ประเภท คือ บ้านและที่ดินขนาดเล็กๆ 30-50 ตารางวา บ้านเล็ก บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ราคาตั้งแต่ 700,000-1,500,000 บาท เป็นบ้านที่ได้รับความนิยมตลอด จากที่คนต่างจังหวัดย้ายเข้ามาภูเก็ตและต้องการบ้านเพื่อที่อยู่อาศัย และบ้านตั้งแต่ราคา 3-4 ล้านขึ้นไป ค่อนข้างเหนื่อย เพราะกำลังการซื้อของคนไทย คนต่างชาติ น้อยลง จากเศรษฐกิจไม่ดี การเมืองไม่เอื้อ แต่หากจุดขายดีก็สามารถทำตลาดต่อไปได้
ส่วนบ้านราคา 1-2 ล้านเหรียญ ตลาดกำลังจะลดลง ไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าที่ควร ยกเว้นกลุ่มลูกค้าที่มีตลาดของตัวเอง สร้างบ้านราคา 20-30 ล้านบาท ซื้อขายในต่างประเทศ ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งปัจจุบันทางกรมที่ดิน สรรพากร กำลังมีการเพ็งเล็งว่ากลุ่มที่มาสร้างบ้านอยู่ โดยนักลงทุนชาวต่างชาติมีการเสียภาษีกันอย่างไร ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ทางชมรมอสังหาริมทรัพย์ กำลังตรวจสอบร่วมกับสำนักงานที่ดิน ปรากฏว่า กลุ่มนี้ขายบ้านไม่เคยเสียภาษีในประเทศไทย ซื้อขายกันในต่างประเทศ ซึ่งบางส่วนอาจจะยังไม่เคยเสียภาษีให้กับท้องถิ่นเลย เหมือนกับการทำธุรกิจดำน้ำในจังหวัด โดยกลุ่มทุนจากยุโรป สแกนดิเนเวียน มาลงทุนในภูเก็ตค่อนข้างมาก