พัทลุง – ส.ส.ประชาธิปัตย์ พัทลุง จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาทะเลสาบสงขลาด้วยการเปิดประตูฝายปากระวะที่กั้นน้ำเค็ม-น้ำจืด พร้อมนำไปศึกษาเป็นกรณีตัวอย่างก่อนคิดจะสร้างโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง
จากกรณีที่ชาวบ้านริมชายฝั่งทะเลสาบสงขลาในพื้นที่อำเภอปากพะยูน อำเภอบางแก้ว อำเภอเขาชัยสน อำเภอเมือง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และอำเภอระโนด อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ที่ประกอบอาชีพทำการประมง หลายร้อยครัวเรือนประสบปัญหาจากภาวะน้ำในทะเลสาบสงขลามีสภาพขุ่น ทำให้หาปลาได้น้อย เนื่องระบบนิเวศในทะเลสาบได้เปลี่ยนไป ทะเลตื้นเขิน และปลาบางชนิดไม่สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและฝีมือมนุษย์ จึงทำให้ลดปริมาณลงอย่างน่าเป็นห่วง จนชาวบ้านที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านดังกล่าวต้องประสพปัญหาความเดือดร้อน
ล่าสุด ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดพัทลุง ได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาวิกฤตของทะเลสาบลงขลา ให้พัฒนาไปอย่างยั่งยืน ก่อนที่มีผลกระทบมากไปกว่านี้
โดยนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ปัญหาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้เนื่องจากระดับน้ำความอุดมสมบูรณ์ของทะเลเปลี่ยนไปจนถึงขั้นวิกฤต และมีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของชาวบ้าน
โดยเฉพาะปัญหาสาเหตุหลักที่มีผลกระทบมากว่า 40 ปี คือการสร้างฝายปิดปากคลองระวะ ในพื้นที่อำเภอกระแสสินธุ์ ที่ทางกรมชลประทานได้สร้างขึ้นมา เพื่อปิดกั้นน้ำเค็มไม่ให้ไหลเขามาสู่ทะเลสาบ เพื่อแก้ปัญหาการทำนาข้าวในพื้นที่อำเภอกระเสสินธุ์ และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา แต่ปัจจุบันพบว่าพื้นที่นาข้าวดังกล่าวได้เปลี่ยนจากนาข้าวเป็นนากุ้ง
จากการปิดปากคลองมานาน ทำให้น้ำในทะเลตื้นเขิน น้ำในทะเลสาบไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามระบบธรรมชาติที่น่าจะเป็น ในช่วงหน้าฝนน้ำจืดไม่สามารถลงไปรวมกับน้ำเค็ม จนเป็นน้ำกร่อย ทำให้ปลาบางชนิดไม่สามารถวางไข่ได้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาของทะเลสาบ อยากเรียกร้องให้รัฐบาลลงมาแก้ปัญหาทะเลสาบอย่างจริง โดยการทดลองเปิดคลองปากระวะ ดังกล่าว ซึ่งตนและชาวบ้านคาดว่า หากเปิดคลองแล้วระบบนิเวศของทะเลสาบ และความอุดมสมบูรณ์จะกลับมา
นายนริศ ยังกล่าวอีกว่า การก่อสร้างโครงการใดในอนาคตอยากเรียกร้องให้ทางรัฐบาลทบทวนถึงผลได้ผลเสีย โดยเอากรณีทะเลสาบสงขลาเป็นตัวอย่าง รวมถึงโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขงที่ทางรัฐบาลมีนโยบายจะผันมาใช้ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน ให้ลองคิดดูว่าจะมีผลกระทบหรือคุ้มทุนหรือไม่
จากกรณีที่ชาวบ้านริมชายฝั่งทะเลสาบสงขลาในพื้นที่อำเภอปากพะยูน อำเภอบางแก้ว อำเภอเขาชัยสน อำเภอเมือง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และอำเภอระโนด อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ที่ประกอบอาชีพทำการประมง หลายร้อยครัวเรือนประสบปัญหาจากภาวะน้ำในทะเลสาบสงขลามีสภาพขุ่น ทำให้หาปลาได้น้อย เนื่องระบบนิเวศในทะเลสาบได้เปลี่ยนไป ทะเลตื้นเขิน และปลาบางชนิดไม่สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและฝีมือมนุษย์ จึงทำให้ลดปริมาณลงอย่างน่าเป็นห่วง จนชาวบ้านที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านดังกล่าวต้องประสพปัญหาความเดือดร้อน
ล่าสุด ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดพัทลุง ได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาวิกฤตของทะเลสาบลงขลา ให้พัฒนาไปอย่างยั่งยืน ก่อนที่มีผลกระทบมากไปกว่านี้
โดยนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ปัญหาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้เนื่องจากระดับน้ำความอุดมสมบูรณ์ของทะเลเปลี่ยนไปจนถึงขั้นวิกฤต และมีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของชาวบ้าน
โดยเฉพาะปัญหาสาเหตุหลักที่มีผลกระทบมากว่า 40 ปี คือการสร้างฝายปิดปากคลองระวะ ในพื้นที่อำเภอกระแสสินธุ์ ที่ทางกรมชลประทานได้สร้างขึ้นมา เพื่อปิดกั้นน้ำเค็มไม่ให้ไหลเขามาสู่ทะเลสาบ เพื่อแก้ปัญหาการทำนาข้าวในพื้นที่อำเภอกระเสสินธุ์ และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา แต่ปัจจุบันพบว่าพื้นที่นาข้าวดังกล่าวได้เปลี่ยนจากนาข้าวเป็นนากุ้ง
จากการปิดปากคลองมานาน ทำให้น้ำในทะเลตื้นเขิน น้ำในทะเลสาบไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามระบบธรรมชาติที่น่าจะเป็น ในช่วงหน้าฝนน้ำจืดไม่สามารถลงไปรวมกับน้ำเค็ม จนเป็นน้ำกร่อย ทำให้ปลาบางชนิดไม่สามารถวางไข่ได้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาของทะเลสาบ อยากเรียกร้องให้รัฐบาลลงมาแก้ปัญหาทะเลสาบอย่างจริง โดยการทดลองเปิดคลองปากระวะ ดังกล่าว ซึ่งตนและชาวบ้านคาดว่า หากเปิดคลองแล้วระบบนิเวศของทะเลสาบ และความอุดมสมบูรณ์จะกลับมา
นายนริศ ยังกล่าวอีกว่า การก่อสร้างโครงการใดในอนาคตอยากเรียกร้องให้ทางรัฐบาลทบทวนถึงผลได้ผลเสีย โดยเอากรณีทะเลสาบสงขลาเป็นตัวอย่าง รวมถึงโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขงที่ทางรัฐบาลมีนโยบายจะผันมาใช้ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน ให้ลองคิดดูว่าจะมีผลกระทบหรือคุ้มทุนหรือไม่
