ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 ทุ่มงบ 1.5 ล้านบาท วางแนวปะการังเทียมอ่าวกะตะ-กะรนแก้ปัญหาเรืออวนลางทำลายทรัพยากรทางทะเล สร้างแหล่งดำน้ำรองรับนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ เผยเป็นเพียงโครงการนำร่องเทศบาลกะรนตั้งงบอีก 8 ล้านสานต่อโครงการแล้ว
นายไพทูล แพนชัยภูมิ เจ้าหน้าที่บริหารงานประมง 6 ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 จังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังพิธีเปิดการจัดวางปะการังเทียม ณ บริเวณอ่าวกะตะ-กะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 จังหวัดภูเก็ต เทศบาลตำบลกะรน และอาสาสมัครในพื้นที่ รวมกันจัดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (8 ก.พ.) ว่า ทางศูนย์ฯ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดวางแนวปะการังเทียมในพื้นที่บริเวณอ่าวกะตะกะรน เพื่อป้องกันเรืออวนลากที่มีอยู่ในพื้นที่จำนวนมากลักลอบเข้ามาทำการประมงในเขต 3,000 เมตร
รวมทั้งเพื่อสร้างแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อกระจายนักท่องเที่ยวจากแนวปะการังธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นการยืดระยะเวลาของความเสื่อมโทรมลง รวมทั้งเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้กลับมาสมบูรณ์และในอนาคตอันใกล้บริเวณดังกล่าวก็จะเป็นแหล่งดำน้ำที่มีความสมบูรณ์ที่เกิดขึ้นจากกความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนรวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สำหรับการจัดวางแนวปะการังในครั้งนี้ได้จัดวางจำนวน 5 กอง โดยใช้แท่งซีเมนต์ขนาด 1.5 เมตรคูณ 1.5 เมตร กองละ 50 ก้อน วางในรัศมี 3,000 เมตร โดยใช้งบประมาณในการดำเนินการ 1.5 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้จะเป็นโครงการนำร่อง และในระยะต่อไปทางเทศบาลตำบลกะรน ได้ตั้งงบประมาณในการดำเนินการสานต่อโครงการไว้แล้วจำนวน 8 ล้านบาท
เชื่อว่าในระยะ 6-7 ปี บริเวณที่มีการวางปะการังเทียมจะมีปะการังมาเกาะทำให้ให้แนวปะการังที่สมบูรณ์และเป็นแหล่งดำน้ำแห่งใหม่อีก 1 แห่ง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการวางปะการังเทียมไปแล้ว 1 ครั้งที่อ่าวกะตะขณะนี้ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องของการดำน้ำเป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับภาคเอกชนในการนำซากเรือไปวางเพิ่มเพื่อเป็นจุดขายสำหรับนักท่องเที่ยวเชื่อว่าถ้าทำได้จะได้รับการตอบรับจากนักดำน้ำแน่นอนและสามารถสร้างเป็นแหล่งดำน้ำได้ทันทีไม่ต้องรอเหมือนการวางก้อนคอนกรีต
นายไพทูล กล่าวต่อว่า การวางแนวปะการังเทียมนั้นจะสามารถป้องกันเรืออวนลากเข้ามาทำลายเครื่องมือการทำประมงของชาวประมงพื้นบ้านและทรัพยากรทางทะเลได้เป็นอย่างดี และจะช่วยรัฐในการประหยัดงบประมาณไปได้จำนวนมากซึ่งในแต่ละช่วงทางเจ้าหน้าที่จะต้องจัดเรือมาเฝ้าระวังและป้องปรามไม่ให้เรือเหล่านี้เข้ามาในเขตหวงห้ามต้องใช้งบประมาณในแต่ละครั้งเกินกว่า 1 ล้านบาท
แต่การวางแนวปะการังนั้นเป็นการป้องกันที่ถาวร อย่างไรก็ตาม การวางแนวปะการังนั้นจะดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ต่อไปด้วยเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากทะเลร่วมกันได้โดยไม่มีปัญหา
นายไพทูล แพนชัยภูมิ เจ้าหน้าที่บริหารงานประมง 6 ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 จังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังพิธีเปิดการจัดวางปะการังเทียม ณ บริเวณอ่าวกะตะ-กะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 จังหวัดภูเก็ต เทศบาลตำบลกะรน และอาสาสมัครในพื้นที่ รวมกันจัดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (8 ก.พ.) ว่า ทางศูนย์ฯ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดวางแนวปะการังเทียมในพื้นที่บริเวณอ่าวกะตะกะรน เพื่อป้องกันเรืออวนลากที่มีอยู่ในพื้นที่จำนวนมากลักลอบเข้ามาทำการประมงในเขต 3,000 เมตร
รวมทั้งเพื่อสร้างแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อกระจายนักท่องเที่ยวจากแนวปะการังธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นการยืดระยะเวลาของความเสื่อมโทรมลง รวมทั้งเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้กลับมาสมบูรณ์และในอนาคตอันใกล้บริเวณดังกล่าวก็จะเป็นแหล่งดำน้ำที่มีความสมบูรณ์ที่เกิดขึ้นจากกความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนรวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สำหรับการจัดวางแนวปะการังในครั้งนี้ได้จัดวางจำนวน 5 กอง โดยใช้แท่งซีเมนต์ขนาด 1.5 เมตรคูณ 1.5 เมตร กองละ 50 ก้อน วางในรัศมี 3,000 เมตร โดยใช้งบประมาณในการดำเนินการ 1.5 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้จะเป็นโครงการนำร่อง และในระยะต่อไปทางเทศบาลตำบลกะรน ได้ตั้งงบประมาณในการดำเนินการสานต่อโครงการไว้แล้วจำนวน 8 ล้านบาท
เชื่อว่าในระยะ 6-7 ปี บริเวณที่มีการวางปะการังเทียมจะมีปะการังมาเกาะทำให้ให้แนวปะการังที่สมบูรณ์และเป็นแหล่งดำน้ำแห่งใหม่อีก 1 แห่ง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการวางปะการังเทียมไปแล้ว 1 ครั้งที่อ่าวกะตะขณะนี้ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องของการดำน้ำเป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับภาคเอกชนในการนำซากเรือไปวางเพิ่มเพื่อเป็นจุดขายสำหรับนักท่องเที่ยวเชื่อว่าถ้าทำได้จะได้รับการตอบรับจากนักดำน้ำแน่นอนและสามารถสร้างเป็นแหล่งดำน้ำได้ทันทีไม่ต้องรอเหมือนการวางก้อนคอนกรีต
นายไพทูล กล่าวต่อว่า การวางแนวปะการังเทียมนั้นจะสามารถป้องกันเรืออวนลากเข้ามาทำลายเครื่องมือการทำประมงของชาวประมงพื้นบ้านและทรัพยากรทางทะเลได้เป็นอย่างดี และจะช่วยรัฐในการประหยัดงบประมาณไปได้จำนวนมากซึ่งในแต่ละช่วงทางเจ้าหน้าที่จะต้องจัดเรือมาเฝ้าระวังและป้องปรามไม่ให้เรือเหล่านี้เข้ามาในเขตหวงห้ามต้องใช้งบประมาณในแต่ละครั้งเกินกว่า 1 ล้านบาท
แต่การวางแนวปะการังนั้นเป็นการป้องกันที่ถาวร อย่างไรก็ตาม การวางแนวปะการังนั้นจะดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ต่อไปด้วยเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากทะเลร่วมกันได้โดยไม่มีปัญหา
