ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตัวแทนชาวบ้าน ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา ยื่นฟ้องศาลปกครองสงขลา ฟ้องกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (กรมเจ้าท่าเดิม) ทำชายหาดพังเรียกค่าเสียหายเกือบ 200 ล้าน
วันนี้ (29 ม.ค.) เวลาประมาณ 10.30 น.ณ ศาลปกครองจังหวัดสงขลา มีกลุ่มชาวบ้านจาก ต.สะกอม อ.จะนะ จังหวัดสงขลา ประมาณ 20 คน ยื่นคำร้องฟ้องกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี และอธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี เรียกใช้ชดเชยค่าเสียหาย เป็นจำนวนเงินร่วม 200 ล้านบาท ซึ่งศาลปกครองจังหวัดสงขลาได้รับคำร้องไว้พิจารณาหมายเลขที่ 16/2551
ผู้ที่ยื่นฟ้องประกอบด้วย นายสาลี มะประสิทธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 บ้านโคกสัก ต.สะกอม ผู้ฟ้องคดีที่ 1 นายดลรอหมาน โต๊ะกาหวี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 บ้านบ่อโชน ต.สะกอม ผู้ฟ้องคดีที่ 2 และนายเจะหมัด สังข์แก้ว สมาชิก อบต.หมู่ที่ 7 ต.สะกอม ผู้ฟ้องคดีที่ 3 เป็นตัวแทนชาวบ้าน ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา ยื่นคำร้องฟ้อง กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และอธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เนื่องจากผู้ถูกฟ้องทั้งสองเป็นผู้ทำให้ชายหาด บริเวณตำบลสะกอมพังเสียหาย เนื่องจากการดำเนินการสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นบริเวณปากบางสะกอม
บุคคลทั้ง 3 เป็นตัวแทนที่ได้รับความเดือดร้อน จากการดำเนินการของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี โดยยื่นฟ้องขอให้ศาลปกครองสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้ฟ้องคดีทั้งสาม เนื่องจากทำให้ชายหาดบริเวณบ้านตำบลสะกอม ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติ สมบัติของชุมชนพังเสียหาย ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตการประกอบอาชีพประมงและจับสัตว์น้ำบริเวณชายหาด ทำให้ขาดรายได้และขาดประโยชน์จากการได้ใช้ชายหาดสะกอม นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2541 ถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 9 ปี เป็นเงิน 3,664,149 บาท
พร้อมกับขอให้ศาลปกครองสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐ ตามมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูเยียวยาชายหาดสะกอมให้กลับมามีสภาพดีใกล้เคียงกับสภาพเดิมมากที่สุด ปีละ 21,000,000 บาท รวมระยะเวลา 9 ปี เป็นเงินทั้งสิ้น 189,000,000 บาท รวมเป็นเงินยื่นฟ้องทั้งสิ้น 192,664,149 บาท
นายสาลี มะประสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 บ้านโคกสัก ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา กล่าวว่า การพังของชายหาดส่งผลกระทบต่อจิตใจตนเองและชาวบ้าน ต.สะกอม เพราะผูกพันกับชายหาด ชายหาดดังกล่าวชาวบ้าน ต.สะกอม และชาวบ้านตำบลใกล้เคียงได้อาศัยดำรงชีพมาอย่างช้านานตั้งแต่บรรพบุรุษ และพวกตนต้องการรักษาไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานคนรุ่นหลังและแก่ประชาชนไทยที่จะได้ใช้ประโยชน์จากชายหาดต่อไปโดยไม่สิ้นสุด
พวกตนตระหนักว่า ชายหาดสะกอมมีคุณประโยชน์อันประมาณมิได้ เพราะนอกจากคุณประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ สังคม เชิงระบบนิเวศ เดิมชายหาดสะกอมเป็นชายหาดที่มีหาดทรายละเอียด ทัศนียภาพงดงาม สงบสุข อากาศดีตลอดทั้งปี และที่สำคัญเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในชุมชนและบริเวณชุมชนใกล้เคียง ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ชายหาดพังเนื่องจากการสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นบริเวณปากบางสะกอม วันนี้พวกตนจึงฟ้องร้องต่อกรมเจ้าท่าและอธิบดีให้รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น