ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รับสมัครรับการเลือกตั้ง ส.ว.ภูเก็ตวันแรกช่วงเช้าเหงา มีผู้สมัครเพียงคนเดียว “ธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย” อดีต ส.ว.ภูเก็ตปี 2549
ก่อนเวลา 08.30 น.วันนี้ (21 ม.ค.) ที่ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ภูเก็ต ได้เดินทางมาถึงเพื่อที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.โดยมีนายบำรุง รุ่งเรือง อาชีพทนายความได้เดินทางมาถึงเป็น และตามมาด้วยนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย อดี ส.ว.ภูเก็ต พร้อมกับกองเชียร์ที่ตามมาให้กำลังใจอีกจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลารับสมัครเลือกตั้ง ปรากฏว่านายบำรุง รุ่งเรือง ไม่สามารถที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ภูเก็ตได้ เนื่องจากขาดใบรับรองแพทย์ และนายบำรุงติดปัญหาไม่สามารถที่จะไปเปิดบัญชีกระแสรายวันในจำนวนเงิน 1 หมื่นบาทภายในวันนี้เพื่อที่จะนำเงิน 1.5 ล้านบาท เข้าบัญชีมายื่นกับทาง กกต.ในการใช้เป็นเงินในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ว.ได้ จึงเหลือผู้สมัคร ส.ว.ภูเก็ตในช่วงเช้าวันนี้เพียงคนเดียว คือ นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย อดีต ส.ว.ภูเก็ตในปี 2549 ได้หมายเลข 1
นายบำรุง กล่าวว่า ตนตั้งใจจะมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว.ภูเก็ตที่เป็นตัวแทนของคนจน แต่ไม่สามารถที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบว่าจะต้องเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันภายในวันนี้ 10,000 บาท เพื่อที่จะนำเงิน 1.5 ล้านบาทที่จะใช้หาเสียงแสดงกับ กกต.ซึ่งตนไม่สามารถที่จะดำเนินการตามระเบียบของ กกต.ได้ หากตนทราบระเบียบดังกล่าวก็จะไม่เดินทางมาลงสมัครในวันนี้อย่างแน่นอน เพราะไม่รู้จะหาเงิน 1.5 ล้านบาทมาจากไหน และคิดว่าจากระเบียบดังกล่าวทำให้คนจนหมดสิทธิ์ที่จะลงสมัครอย่างแน่นอน
ด้าน นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ผู้สมัคร ส.ว.ภูเก็ต หมายเลข 1 กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังสมัครรับเลือกตั้งแล้วเสร็จว่า ตนตั้งใจที่จะเข้าไปทำหน้าที่ ส.ว.ของภูเก็ตตั้งแต่สมัยที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี 2549 และได้รับความไว้วางใจจากชาวภูเก็ต ซึ่งได้รับการรับรองเป็น ส.ว.ในขณะนั้น แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องยกเลิก ทำให้หมดกำลังใจ เพราะคิดว่าตลอดเวลาที่เดินแนะนำตัวเองมา 8 เดือนยังไม่ได้ทำอะไรก็ต้องยกเลิกไป
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดๆ ดูแล้ว จากการที่ได้เดินแนะนำตัวมา 8 เดือนได้เห็นว่าบางพื้นที่ของภูเก็ตยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร จึงได้ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง และการลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนภูเก็ตว่าจะมอบความไว้วางใจให้ตนทำหน้าที่ ส.ว.ภูเก็ตอีกครั้งหนึ่งหรือไม่
ส่วนการหาเสียงในครั้งนี้จะทำอะไรให้กับภูเก็ตบ้างนั้น ตนยังไม่แน่ใจว่าผู้สมัคร ส.ว.สามารถที่จะพูดอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจุดนี้จะต้องไปศึกษาระเบียบให้ชัดเจนอีกครั้งก่อน ซึ่งกฎระเบียบของการหาเสียงก็ค่อนข้างที่จะอึดอัดเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้านมาโดยตลอดและได้ให้การช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอดเช่นกัน และหากตนได้รับการเลือกตั้งเข้าไป นอกจากจะทำหน้าที่ในการกลั่นกรองกฎหมายและตรวจสอบความไม่สุจริตแล้ว ตนคิดว่าจากที่ตนทำอาชีพด้านโรงแรมและการท่องเที่ยวมาโดยตลอดน่าที่จะนำความรู้ด้านนี้มาช่วยจังหวัดภูเก็ตได้บ้าง เพราะขณะนี้ภูเก็ตมีปัญหาในหลายเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาขยะ และปัญหาการจราจร เป็นต้น และตนก็เห็นด้วยหากจะมีการผลักดันให้ภูเก็ตปกครองในรูปแบบพิเศษ ซึ่งจุดนี้นักการเมืองในระดับท้องถิ่นและประเทศจะต้องมีความคิดเห็นในแนวทางเดียวกันและร่วมกันผลักดัน
สำหรับ นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย อายุ 55 ปี เป็นนักธุรกิจด้านโรงแรมและการท่องเที่ยวชั้นนำของจังหวัดภูเก็ต และเป็นอดีต ส.ว.ภูเก็ตในปี 2549 รวมทั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยภูเก็ต นักธุรกิจสตรีตัวอย่างภาคใต้ปี 2548 อดีตผู้พิพากษาสมทบแผนกคดีและเยาวชนและครอบครัว อดีตรองประธานสภาจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ในปัจจุบัน) 3 สมัยปี 2522-2537
ก่อนเวลา 08.30 น.วันนี้ (21 ม.ค.) ที่ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ภูเก็ต ได้เดินทางมาถึงเพื่อที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.โดยมีนายบำรุง รุ่งเรือง อาชีพทนายความได้เดินทางมาถึงเป็น และตามมาด้วยนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย อดี ส.ว.ภูเก็ต พร้อมกับกองเชียร์ที่ตามมาให้กำลังใจอีกจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลารับสมัครเลือกตั้ง ปรากฏว่านายบำรุง รุ่งเรือง ไม่สามารถที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ภูเก็ตได้ เนื่องจากขาดใบรับรองแพทย์ และนายบำรุงติดปัญหาไม่สามารถที่จะไปเปิดบัญชีกระแสรายวันในจำนวนเงิน 1 หมื่นบาทภายในวันนี้เพื่อที่จะนำเงิน 1.5 ล้านบาท เข้าบัญชีมายื่นกับทาง กกต.ในการใช้เป็นเงินในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ว.ได้ จึงเหลือผู้สมัคร ส.ว.ภูเก็ตในช่วงเช้าวันนี้เพียงคนเดียว คือ นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย อดีต ส.ว.ภูเก็ตในปี 2549 ได้หมายเลข 1
นายบำรุง กล่าวว่า ตนตั้งใจจะมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว.ภูเก็ตที่เป็นตัวแทนของคนจน แต่ไม่สามารถที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบว่าจะต้องเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันภายในวันนี้ 10,000 บาท เพื่อที่จะนำเงิน 1.5 ล้านบาทที่จะใช้หาเสียงแสดงกับ กกต.ซึ่งตนไม่สามารถที่จะดำเนินการตามระเบียบของ กกต.ได้ หากตนทราบระเบียบดังกล่าวก็จะไม่เดินทางมาลงสมัครในวันนี้อย่างแน่นอน เพราะไม่รู้จะหาเงิน 1.5 ล้านบาทมาจากไหน และคิดว่าจากระเบียบดังกล่าวทำให้คนจนหมดสิทธิ์ที่จะลงสมัครอย่างแน่นอน
ด้าน นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ผู้สมัคร ส.ว.ภูเก็ต หมายเลข 1 กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังสมัครรับเลือกตั้งแล้วเสร็จว่า ตนตั้งใจที่จะเข้าไปทำหน้าที่ ส.ว.ของภูเก็ตตั้งแต่สมัยที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี 2549 และได้รับความไว้วางใจจากชาวภูเก็ต ซึ่งได้รับการรับรองเป็น ส.ว.ในขณะนั้น แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องยกเลิก ทำให้หมดกำลังใจ เพราะคิดว่าตลอดเวลาที่เดินแนะนำตัวเองมา 8 เดือนยังไม่ได้ทำอะไรก็ต้องยกเลิกไป
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดๆ ดูแล้ว จากการที่ได้เดินแนะนำตัวมา 8 เดือนได้เห็นว่าบางพื้นที่ของภูเก็ตยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร จึงได้ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง และการลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนภูเก็ตว่าจะมอบความไว้วางใจให้ตนทำหน้าที่ ส.ว.ภูเก็ตอีกครั้งหนึ่งหรือไม่
ส่วนการหาเสียงในครั้งนี้จะทำอะไรให้กับภูเก็ตบ้างนั้น ตนยังไม่แน่ใจว่าผู้สมัคร ส.ว.สามารถที่จะพูดอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจุดนี้จะต้องไปศึกษาระเบียบให้ชัดเจนอีกครั้งก่อน ซึ่งกฎระเบียบของการหาเสียงก็ค่อนข้างที่จะอึดอัดเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้านมาโดยตลอดและได้ให้การช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอดเช่นกัน และหากตนได้รับการเลือกตั้งเข้าไป นอกจากจะทำหน้าที่ในการกลั่นกรองกฎหมายและตรวจสอบความไม่สุจริตแล้ว ตนคิดว่าจากที่ตนทำอาชีพด้านโรงแรมและการท่องเที่ยวมาโดยตลอดน่าที่จะนำความรู้ด้านนี้มาช่วยจังหวัดภูเก็ตได้บ้าง เพราะขณะนี้ภูเก็ตมีปัญหาในหลายเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาขยะ และปัญหาการจราจร เป็นต้น และตนก็เห็นด้วยหากจะมีการผลักดันให้ภูเก็ตปกครองในรูปแบบพิเศษ ซึ่งจุดนี้นักการเมืองในระดับท้องถิ่นและประเทศจะต้องมีความคิดเห็นในแนวทางเดียวกันและร่วมกันผลักดัน
สำหรับ นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย อายุ 55 ปี เป็นนักธุรกิจด้านโรงแรมและการท่องเที่ยวชั้นนำของจังหวัดภูเก็ต และเป็นอดีต ส.ว.ภูเก็ตในปี 2549 รวมทั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยภูเก็ต นักธุรกิจสตรีตัวอย่างภาคใต้ปี 2548 อดีตผู้พิพากษาสมทบแผนกคดีและเยาวชนและครอบครัว อดีตรองประธานสภาจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ในปัจจุบัน) 3 สมัยปี 2522-2537
