ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – เมืองคอนเตรียมนิมนต์หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ ประกบจตุคามรามเทพ เป็นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวผู้นิยมวัตถุมงคล หวังดึงกระแสนิยมวัตถุมงคลให้เชิดหัวขึ้นอีกครั้ง พร้อมวางแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมที่หลากหลาย กับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ดัน “ขนอม” เทียบชั้นเกาะสมุย ขณะที่นักท่องเที่ยวสแกนดิเนเวียหลายร้อยคนจองทัวร์เดินทางมาท่องเที่ยวแล้ว
“จตุคามฯ” ดันเงินสะพัด 5 พันล้านทั่วเมืองคอน
จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า กระแสความนิยมในวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ส่งผลให้ จ.นครศรีธรรมราช กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 4 ในภาคใต้ โดยมีภูเก็ตครองความนิยมอันดับ 1 รองลงมา คือ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ จ.กระบี่ ตามลำดับ โดยมีนักท่องเที่ยวคนไทย คิดเป็นร้อยละ 98 ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีสัดส่วนเพียง 2%
จากกระแสความศรัทธาในองค์จตุคามรามเทพ ประกอบกับปัจจัยสำคัญอีกหลายประการส่งผลให้ในปี 2550 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปยัง จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 1.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 32% จากปี 2549 ที่เพิ่มขึ้น 11% ส่วนใหญ่คือ 98% หรือประมาณ 1.76 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวคนไทย และประมาณ 2% หรือประมาณ 4 หมื่นคน เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ
การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนนครศรีธรรมราชในปี 2550 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากปี 2549 ในจำนวนนี้ 98% เป็นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคนไทย มีแนวโน้มสะพัดสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่างๆ คือ 26% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,300 ล้านบาท สะพัดสู่ธุรกิจจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกนักท่องเที่ยว 21% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,050 ล้านบาท สะพัดสู่ธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีอยู่ประมาณ 80 แห่ง 20% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท สะพัดไปสู่ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 52 แห่ง และมีจำนวนห้องพักรวมกันประมาณ 2,600 ห้อง อย่างไรก็ตาม หากรวมที่พักประเภทอื่นๆ อาทิ เกสต์เฮาส์ โฮมสเตย์ ที่พักในอุทยานแห่งชาติ บังกะโล แมนชัน และอพาร์ตเมนต์ จะมีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 115 แห่ง ซึ่งมีห้องพักรวมกันทั้งสิ้น 3,505 ห้อง
11% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 550 ล้านบาท สะพัดสู่ธุรกิจบริการด้านการขนส่งภายใน จ.นครศรีธรรมราช 8% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท สะพัดสู่ธุรกิจบริการด้านบันเทิงและนันทนาการต่างๆ 4% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาทที่สะพัดสู่ธุรกิจบริการนำเที่ยวในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีอยู่ประมาณ 16 แห่ง และมัคคุเทศก์ในพื้นที่ซึ่งมีอยู่ประมาณ 58 คน
กระแสความศรัทธาองค์จตุคามรามเทพทำให้มีผู้คนจำนวนมากเดินทางเข้าไปยัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสักการะรูปปั้นขององค์จตุคามรามเทพที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่า กระแสความนิยมดังกล่าวจะเริ่มถึงจุดอิ่มตัวในช่วงปลายปี 2550 ซึ่งก็ปรากฏเป็นจริงตามนั้น แม้กระแสความศรัทธาในจตุคามรามเทพ จะยังคงมีอยู่ แต่ในด้านการแลกเปลี่ยนซื้อขายกลับไม่ร้อนแรงเหมือนช่วงต้นปี และช่วงกลางปี 2550 ทำให้หลายฝ่ายต้องออกแบบการดึงดูดนักท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่
นิมนต์ “หลวงปู่ทวด-พ่อท่านคล้าย” ช่วย
“องค์จตุคามรามเทพ เราถือว่า ท่านมาเปิดเมืองให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว เพราะเมืองนครสรีฯ มีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ยาวนาน เก่ากว่าสุโขทัย หรือเชียงใหม่ด้วยซ้ำ ตามข้อเท็จจริงระบุว่า เมืองนครศรีฯ มีอายุมากว่า 1,700 ปี ซึ่งองค์จตุคามรามเทพก็อยู่คู่เมืองนครศรีฯ มาช้านานแล้ว เพียงแต่เรามองไม่เห็น แม้บางคนจะมองว่า จตุคามฯขาลง แต่ความจริงแล้วแรงศรัทธายังมีอยู่ ดูได้จากรุ่นแรกๆ ที่ราคาอยู่ที่หลักล้าน ตอนนี้ก็ยังเป็นหลักล้านอยู่ ตรงนี้มันรักษาสภาพมันได้” นายจามร เจริญอภิบาล ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวและว่า
เมื่อกระแสจตุคามฯทำให้คนมองนครศรีฯ เป็นเมืองแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้ปัจจุบันความนิยมในจตุคามฯจะเบาบางลง ผมคิดว่าสิ่งที่จะดึงดูดให้กระแสสิ่งศักดิ์สิทธิ์กลับมา คือ หลวงปู่ทวด และพ่อท่านคล้าย หลวงปู่ทวดท่านเป็นคนสงขลาแต่มาร่ำเรียนวิชา และแสดงอภินิหารเหยียบน้ำทะเลจืดที่นครศรีฯ ตรงนี้มีหลักฐานร่องรอยบางอย่างอยู่สามารถศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมได้ ตรงนี้เป็นจุดขายใหม่ และถ้าจะสร้างจุดขายเราต้องลงทุน เราอาจจะนำหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาทำเป็นวัตถุมงคล ข้างหน้าเป็นจตุคามฯ ข้างหลังเป็นหลวงปู่ทวด หรือจะทำเป็นพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ เชื่อว่าสิ่งนี้จะยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวผู้เลื่อมใสศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวในนครศรีธรรมราชได้
ชูความหลากหลายทางวัฒนธรรม-ธรรมชาติเป็นจุดขายเพิ่ม
นายจามร กล่าวอีกว่า ภายหลังจากที่จตุคามรามเทพ มาช่วยเปิดเมืองให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวแล้ว ทำให้คนที่เดินทางเข้ามาได้มารู้จัก จ.นครศรีธรรมราช เพิ่มมากขึ้น ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และแหล่งศิลปวัฒนธรรมเก่าแก่ เช่น ถนนราชดำเนินที่มีสถานที่สำคัญทางศาสนาของทุกศาสนาตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียว
“ถนนเส้นนี้เส้นเดียวมีทั้งโบสถ์พราหมณ์ โบสถ์คริสต์ มัสยิด วัดพุทธ รวมทั้งศาลเจ้าจีน ทำให้เห็นว่าจังหวัดเรามีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เมื่อเขาได้มาเห็นสิ่งเหล่านี้ มุมมองของนักท่องเที่ยวที่มีต่อ จ.นครศรีฯ ก็เปลี่ยนไป เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของนครศรีฯ ไม่ดีนัก เพราะมีอาชญากรรมเยอะ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ปัญหาอาชญากรรมในจังหวัดลดลงมากเราอยู่อันดับ 3 รองจากสุราษฎร์ฯ และกระบี่ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อการพัฒนาการท่องเที่ยว”
นายจามร กล่าวอีกว่า ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ก็มีมากมายหลายที่ เช่น หมู่บ้านคีรีวงค์ น้ำตกกรุงชิง น้ำตกพรหมโลก น้ำตกอ้ายเขียว รวมทั้งเทือกเขาหลวง ที่มีเส้นทางเดินป่าชมธรรมชาติไว้รองรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่ อ.ขนอม และเขาไพรดำ เป็นต้น
“เรามีการออกแบบเส้นทางการท่องเที่ยว ที่จะเชื่อมโยงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเข้าด้วยกัน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ อ.ขนอม เส้นทางแรกนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปสุราษฎร์ฯ และต่อไปยังเกาะสมุยได้ เส้นทางที่สองจะเริ่มจากในตัวเมืองดูเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และต่อด้วยเที่ยวชมคอนโดนกนางแอ่นที่ อ.ปากพนัง เส้นทางที่สามพานักท่องเที่ยวไปล่องแก่งที่น้ำตกกรุงชิง และเส้นทางที่สี่ จะเป็นการพิชิตยอดเขาพระสุเมรุ บริเวณเทือกเขาหลวงซึ่งสูงที่สุดใน จ.นครศรีธรรมราช ถ้าเราทำตรงนี้เสร็จคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากตะวันตกเข้ามาเพิ่มมากขึ้น”
ดัน “ขนอม” แหล่งเที่ยวระดับโลก
สำหรับ อ.ขนอม นั้น เป็นดินแดนเหนือสุดของจังหวัด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขาและติดชายฝั่งทะเลอ่าวไทยจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะทางทะเลที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ อย่างไรก็ตามแม้ขนอมจะมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบแต่ยังขาดการดูแลเอาใจใส่ในการผลักดันของภาครัฐ เพื่อให้ขนอมเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั่วโลกเหมือนกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในภาคใต้
อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2548 บริษัท ลิฟวิ่งฟิล์ม สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ได้ย่องเงียบเข้ามาปักหลักในอำเภอขนอม โดยทุ่มทุนไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท เช่าที่ดินผืนงามกว่า 10 ไร่ ริม ทะเลอ่าวท้องโหนด ต.ท้องเนียน สร้างฉากหมู่บ้านโจรสลัดเรื่อง “Black Beard” เป็นซีรีส์ความยาว 4 ชั่วโมง แบ่งออกเป็น 3 ตอน
Mr.Chris Lowenstein ผู้อำนวยการฝ่ายผลิต ซึ่งดูแลในภาคการถ่ายทำทั้งหมดของบริษัท ลิฟวิ่งฟิล์ม จำกัด เปิดเผยถึงการถ่ายทำในพื้นที่ อ.ขนอม ว่าเดิมนั้นได้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยแล้วหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งแต่ละเรื่องส่วนใหญ่จะถ่ายทำอยู่ในแถบของพื้นที่ฝั่งอันดามัน เช่น กระบี่ ภูเก็ต พังงา ส่วนที่ อ.ขนอม ไม่รู้จักมาก่อน สาเหตุมาเลือกที่นี่นั้นได้ดูจากแผนที่แล้วเชื่อว่าจะมีบรรยากาศที่สวยงามและได้ตระเวนดูสถานที่จริงตั้งแต่พื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จนมาจบ ที่ อ.ขนอม นอกเหนือจาก บรรยากาศที่สวยงามเหมาะสมมากที่สุดแล้ว ยังสะดวกในด้านที่พักสถานพยาบาล การเดินทาง อีกทั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนครศรีธรรมราช และสนามบินสุราษฎร์ธานี ด้วย
“การที่มีกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเข้ามาถ่ายทำใน อ.ขนอม ซึ่งเขาให้เหตุผลว่ามีบรรยากาศสวยกว่าชายทะเลแถบสแกนดิเนเวีย นั้น ทำให้ อ.ขนอม ซึ่งมีชายทะเลที่สวยงาม แต่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ได้รับความสนใจทันทีจากนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ขณะนี้ทราบว่ามีนักท่องเที่ยวจองกรุ๊ปทัวร์ เพื่อจะเดินทางมาท่องเที่ยวแล้วหลายร้อยคน ซึ่งภาครัฐเองก็ควรที่จะมองเห็นศักยภาพในจุดนี้และสนับสนุนงบประมาณ ในเรื่องของการสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ขึ้นมารองรับ” นายจามร กล่าว