นครศรีธรรมราช – คลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทยยังคงกัดเซาะชายฝั่ง จ.นครศรีธรรมราช อย่างต่อเนื่อง หลังเผชิญลมมรสุม ประมงชายฝั่งหยุดออกหาปลาโดยสิ้นเชิง
วันนี้ (3 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดภาวะฝนตกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่คืนวันที่ 31 ม.ค.2550 เป็นต้นมา ปรากฏว่า น้ำในลำคลองหลายสายได้เอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มในหลายท้องที่ เช่น อ.เมือง อ.พระพรหม และยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่องต่อไปอีก คาดว่า ปริมาณน้ำในลำคลองรวมทั้งปริมาณน้ำท่วมขังจะขยายวงกว้างเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันประชาชนบางส่วนได้เริ่มขนย้ายสิ่งของเพื่อเตรียมรับสถานการณ์แล้วด้วย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า ในพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลโดยเฉพาะใน อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช คลื่นจากอ่าวไทยได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน ม.2-ม.3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับชายหาดมากที่สุด กระแสคลื่นได้พัดเข้ากัดเซาะชายฝั่งเหมือนกับเมื่อปลายปี 2549 แต่ยังมีความรุนแรงน้อยกว่า โดยคลื่นมีความสูงประมาณ 3-4 เมตร ห่างจากบ้านของประชาชนประมาณ 2-3 เมตรเท่านั้น
นายประยุทธ ฐานะวัตนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า กระแสคลื่นได้รุนแรงมาราว 2-3 วันแล้ว โดยชาวประมงพื้นบ้านทั้งตำบลหยุดออกหาปลาอย่างสิ้นเชิง ส่วนกระแสคลื่นนั้นได้เริ่มรุนแรงมากขึ้น เป็นห่วงว่าจะเข้าทำลายชายฝั่งอีกครั้งเนื่องจากหัวบ้านและท้ายบ้านได้มีการสร้างแนวป้องกันคลื่นแล้ว
ส่วนตรงกลางนั้น ชาวบ้านไม่ยอมให้สร้าง เนื่องจากไม่สามารถนำเรือขึ้นมาจอดบนฝั่งได้ แต่ถ้าคลื่นหนักกว่านี้จะพัดกัดเซาะหมู่บ้านอย่างแน่นอน และไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรเพราะเป็นความต้องการของชาวบ้านที่ไม่ต้องการแนวกันคลื่น
ส่วนที่บริเวณถนนสายปากพนัง-หัวไทร ช่วงบ้านหน้าสตน ต.หน้าสตน อ.หัวไทร กระแสได้พัดถล่มชายฝั่งอย่างรุนแรงจนกัดเซาะถนนหายไปประมาณ 1 ช่องจราจร โดยทางการได้ใช้วิธีการใช้หินทิ้งป้องกันแนวคลื่นจำนวนมาก แต่หินที่ทิ้งไปนั้นกลับถูกคลื่นกวาดม้วนลงไปในทะเลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ใช้รถแบ็กโฮคอยกวาดดินทรายและหินอยู่ตลอดเวลา
วันนี้ (3 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดภาวะฝนตกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่คืนวันที่ 31 ม.ค.2550 เป็นต้นมา ปรากฏว่า น้ำในลำคลองหลายสายได้เอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มในหลายท้องที่ เช่น อ.เมือง อ.พระพรหม และยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่องต่อไปอีก คาดว่า ปริมาณน้ำในลำคลองรวมทั้งปริมาณน้ำท่วมขังจะขยายวงกว้างเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันประชาชนบางส่วนได้เริ่มขนย้ายสิ่งของเพื่อเตรียมรับสถานการณ์แล้วด้วย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า ในพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลโดยเฉพาะใน อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช คลื่นจากอ่าวไทยได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน ม.2-ม.3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับชายหาดมากที่สุด กระแสคลื่นได้พัดเข้ากัดเซาะชายฝั่งเหมือนกับเมื่อปลายปี 2549 แต่ยังมีความรุนแรงน้อยกว่า โดยคลื่นมีความสูงประมาณ 3-4 เมตร ห่างจากบ้านของประชาชนประมาณ 2-3 เมตรเท่านั้น
นายประยุทธ ฐานะวัตนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า กระแสคลื่นได้รุนแรงมาราว 2-3 วันแล้ว โดยชาวประมงพื้นบ้านทั้งตำบลหยุดออกหาปลาอย่างสิ้นเชิง ส่วนกระแสคลื่นนั้นได้เริ่มรุนแรงมากขึ้น เป็นห่วงว่าจะเข้าทำลายชายฝั่งอีกครั้งเนื่องจากหัวบ้านและท้ายบ้านได้มีการสร้างแนวป้องกันคลื่นแล้ว
ส่วนตรงกลางนั้น ชาวบ้านไม่ยอมให้สร้าง เนื่องจากไม่สามารถนำเรือขึ้นมาจอดบนฝั่งได้ แต่ถ้าคลื่นหนักกว่านี้จะพัดกัดเซาะหมู่บ้านอย่างแน่นอน และไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรเพราะเป็นความต้องการของชาวบ้านที่ไม่ต้องการแนวกันคลื่น
ส่วนที่บริเวณถนนสายปากพนัง-หัวไทร ช่วงบ้านหน้าสตน ต.หน้าสตน อ.หัวไทร กระแสได้พัดถล่มชายฝั่งอย่างรุนแรงจนกัดเซาะถนนหายไปประมาณ 1 ช่องจราจร โดยทางการได้ใช้วิธีการใช้หินทิ้งป้องกันแนวคลื่นจำนวนมาก แต่หินที่ทิ้งไปนั้นกลับถูกคลื่นกวาดม้วนลงไปในทะเลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ใช้รถแบ็กโฮคอยกวาดดินทรายและหินอยู่ตลอดเวลา