ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – คืบหน้ากรณีพบทหาร-ตร.-ครู พัวพันโจรใต้ ล่าสุด ผบ.พตท.ส่งตัวแทนแจ้งความกล่าวโทษ “พ.ท.-ส.อ.” ฐานเผยความลับราชการแล้ว “ผช.ผบ.ตร.” สั่งจับตาแกนนำ 7 คน หลังนายถูกประกันตัวโดยทหารระดับสูง “มทภ.4” สั่งเช็กชื่อ จนท.การข่าว พร้อมเปลี่ยนรหัสเข้าระบบอินเทอร์เน็ตทั้งหมด
ความคืบหน้ากรณีมีนายทหารยศพันโท สิบเอก และข้าราชการระดับ 7 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปก.ตร.ส่วนหน้า ควบคุมตัวในข้อหามีส่วนพัวพันกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน บีอาร์เอ็นโคออดิเนต โดยได้นำตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 นาย สอบเครียดใน ศปก.ตร.ส่วนหน้า ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (8 ม.ค.) ผบ.กองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร หรือ พตท.ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้ส่งนายทหารเป็นตัวแทนของ ผบ.พตท. เข้าแจ้งความกล่าวโทษกับ พ.ท.อดุลย์ หล่าเต๊ะ และ ส.อ.สุไลมาน เสือนิล ซึ่งเป็นทหารในสังกัดของ พตท.กับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง ในข้อหาเปิดเผยความลับของทางราชการ
นอกจากมีการแจ้งข้อหากับเจ้าพนักงานตำรวจแล้ว ยังมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดกับบุคคลทั้ง 2 ส่วน ข้าราชการพลเรือน สังกัด สพท.จ.ปัตตานี อีก 1 คน ยังไม่มีการแจ้งความแต่อย่างใด
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ศปก.ตร.ส่วนหน้า ซึ่งทำการควบคุมตัวคนทั้ง 3 เพื่อสอบสวนขยายผล ได้เปิดเผยว่า การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 นายไว้ เพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงนั้น ตำรวจได้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 นาย
โดยพนักงานสอบสวนมีสิทธิ์ในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย เพื่อสอบสวนได้เป็นเวลา 30 วัน หลังจากครบ 30 วัน จึงจะมีการแจ้งข้อหา หรือหากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนก่อนครบ 30 วัน พนักงานสอบสวน จะทำการแจ้งข้อหาได้ก่อน ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน มีพยาน หลักฐานมากพอในการตั้งข้อหา แต่เพื่อให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น จึงยังต้องรวมรวม พยาน หลักฐานให้มากกว่านี้
ในขณะที่ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.และ ผบ.ศปก.ตร.ส่วนหน้า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ติดตามตัวแกนนำที่เหลืออีก 7 คน ที่ได้รับการประกันตัวจากนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 4 พร้อมกับ นายแวยูโซ๊ะ แวดือราแม และหนีประกัน ก่อนที่ นายแวยูโซ๊ะ จะถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตจากการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่
โดยเชื่อว่า แกนนำที่เหลือทั้ง 7 คน ยังอยู่ในพื้นที่และวางแผนวางระเบิด โจมตีเจ้าหน้าที่ รวมทั้งแกนนำที่เหลือยังมีข้าราชการหลายฝ่ายที่เป็นมุสลิมและมีอุดมการณ์ในการแบ่งแยกดินแดนให้ข้อมูลความลับทางราชการกับขบวนการ หากยังไม่สามารถจับกุมแกนนำที่หนีประกันทั้ง 7 คน มาได้ เจ้าหน้าที่รัฐยังคงต้องระวังป้องกันการโจมตีจากแนวร่วม เพราะความลับที่รั่วไหลจากข้าราชการที่เป็น แนวร่วมให้กับขบวนการ
ในขณะที่ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้หน่วยข่าวของกองทัพภาคที่ 4 และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตรวจสอบรายชื่อผู้ปฏิบัติหน้าที่การข่าวทั้งหมด พร้อมทั้งให้มีการเปลี่ยนรหัสที่ใช้กับเครื่องอินเทอร์เน็ต เพื่อความปลอดภัย มิให้ข้อมูลชั้นความลับรั่วไหลไปสู่แกนนำของขบวนการแบ่งแยกดินแดน
ความคืบหน้ากรณีมีนายทหารยศพันโท สิบเอก และข้าราชการระดับ 7 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปก.ตร.ส่วนหน้า ควบคุมตัวในข้อหามีส่วนพัวพันกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน บีอาร์เอ็นโคออดิเนต โดยได้นำตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 นาย สอบเครียดใน ศปก.ตร.ส่วนหน้า ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (8 ม.ค.) ผบ.กองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร หรือ พตท.ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้ส่งนายทหารเป็นตัวแทนของ ผบ.พตท. เข้าแจ้งความกล่าวโทษกับ พ.ท.อดุลย์ หล่าเต๊ะ และ ส.อ.สุไลมาน เสือนิล ซึ่งเป็นทหารในสังกัดของ พตท.กับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง ในข้อหาเปิดเผยความลับของทางราชการ
นอกจากมีการแจ้งข้อหากับเจ้าพนักงานตำรวจแล้ว ยังมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดกับบุคคลทั้ง 2 ส่วน ข้าราชการพลเรือน สังกัด สพท.จ.ปัตตานี อีก 1 คน ยังไม่มีการแจ้งความแต่อย่างใด
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ศปก.ตร.ส่วนหน้า ซึ่งทำการควบคุมตัวคนทั้ง 3 เพื่อสอบสวนขยายผล ได้เปิดเผยว่า การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 นายไว้ เพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงนั้น ตำรวจได้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 นาย
โดยพนักงานสอบสวนมีสิทธิ์ในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย เพื่อสอบสวนได้เป็นเวลา 30 วัน หลังจากครบ 30 วัน จึงจะมีการแจ้งข้อหา หรือหากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนก่อนครบ 30 วัน พนักงานสอบสวน จะทำการแจ้งข้อหาได้ก่อน ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน มีพยาน หลักฐานมากพอในการตั้งข้อหา แต่เพื่อให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น จึงยังต้องรวมรวม พยาน หลักฐานให้มากกว่านี้
ในขณะที่ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.และ ผบ.ศปก.ตร.ส่วนหน้า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ติดตามตัวแกนนำที่เหลืออีก 7 คน ที่ได้รับการประกันตัวจากนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 4 พร้อมกับ นายแวยูโซ๊ะ แวดือราแม และหนีประกัน ก่อนที่ นายแวยูโซ๊ะ จะถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตจากการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่
โดยเชื่อว่า แกนนำที่เหลือทั้ง 7 คน ยังอยู่ในพื้นที่และวางแผนวางระเบิด โจมตีเจ้าหน้าที่ รวมทั้งแกนนำที่เหลือยังมีข้าราชการหลายฝ่ายที่เป็นมุสลิมและมีอุดมการณ์ในการแบ่งแยกดินแดนให้ข้อมูลความลับทางราชการกับขบวนการ หากยังไม่สามารถจับกุมแกนนำที่หนีประกันทั้ง 7 คน มาได้ เจ้าหน้าที่รัฐยังคงต้องระวังป้องกันการโจมตีจากแนวร่วม เพราะความลับที่รั่วไหลจากข้าราชการที่เป็น แนวร่วมให้กับขบวนการ
ในขณะที่ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้หน่วยข่าวของกองทัพภาคที่ 4 และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตรวจสอบรายชื่อผู้ปฏิบัติหน้าที่การข่าวทั้งหมด พร้อมทั้งให้มีการเปลี่ยนรหัสที่ใช้กับเครื่องอินเทอร์เน็ต เพื่อความปลอดภัย มิให้ข้อมูลชั้นความลับรั่วไหลไปสู่แกนนำของขบวนการแบ่งแยกดินแดน