ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ปมทหารปล่อยข่าวให้โจรใต้ยังวุ่น แหล่งข่าวเผยมีการส่งอีเมลล์ให้แกนนำอาร์เคเค ล่าสุดคุมตัวอีก 7 ตำรวจซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยไปสอบสวนขยายผลที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อีกทั้งยังพบข้อมูลชี้มี จนท.-ครู เป็นแนวร่วมเพียบ
ความคืบหน้ากรณีตำรวจ ศปก.ตร.ส่วนหน้า โดยการสั่งการของ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.ทำหน้าที่ ผบ.ศบก.ตร.ส่วนหน้า ให้เชิญตัวนายทหารระดับ พันโท 1 นาย ระดับ ส.อ.1 นาย และข้าราชการพลเรือน 1 นาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีหลักฐานว่ามีส่วนพัวพันกับขบวนการบีอาร์เอ็น กลุ่มของนายแวยูโซ๊ะ แวดือราแม ผบ.กองกำลังขบวนการบีอาร์เอ็นฯ ซึ่งปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และถูกยิงเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ยึดหลักฐานเป็นรหัสของคนทั้ง 3 อยู่ในความครอบครองของแกนนำขบวนการ โดยตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ได้นำเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 กักบริเวณไว้ที่ ศปก.ตร.ส่วนหน้า เพื่อสอบขยายผลตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
รายงานล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนระดับสูงเปิดเผยว่าจากการสอบสวนเป็นเวลา 5 วันที่ผ่านมาแม้บุคคลทั้ง 3 ยังให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานที่เป็นรหัสผ่านของบุคคลทั้ง 3 รวมทั้งมีการส่งอีเมลล์ จากกลุ่มคนดังกล่าวให้กับแกนนำขบวนการมาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงได้กักตัวเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 เอาไว้เพื่อสอบสวนขยายผลอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะรวมรวมหลักฐานเพื่อแจ้งขอหา
สำหรับเจ้าหน้าที่ ที่ถูกเชิญตัวมาสอบสวนเพราะต้องสงสัยว่าจะมีส่วนร่วมในการขบวนการแบ่งแยกดินแดนประกอบด้วย 1.พ.ท.อดุลย์ หล่าเต๊ะ อายุ 58 ปี อดีตเป็นนายทหารสังกัดกองข่าว กอ.รมน.ทำหน้าที่การข่าวมาตั้งแต่ต้น ปัจจุบันเป็นหัวหน้างานธุรการกองบัญชาการผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร หรือ พตท.
2.ส.อ.สุไลมาน เสือนิล อายุ 48 ปี เป็นทหารการข่าว หน่วย 251 กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ย้ายมาจากกำลังพลของ จทบ.สุราษฎร์ธานี สำหรับหน่วยข่าว 251 เป็นหน่วยข่าวที่รับผิดชอบการข่าวทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาตั้งแต่ครั้งที่ ยังใช้ชื่อ กอ.สสส.( กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้)
3.นายอาลัส รักษาปราศ อายุ 53 ปี เป็นข้าราชการสังกัด สพท.เขต 2 จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับ ดร.ฟาเดร์ เจ๊ะมาน ประธานขบวนการเบอร์ซาตู ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ศปก.ตร.ส่วนหน้าแจ้งว่า วันนี้ (7 ม.ค.) กำลังเจ้าหน้าที่จาก ศปก.ตร.ส่วนหน้า และกำลังจาก ภ.จว.สุราษฏร์ธานี ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของ ส.อ.สุไลมาน ในพื้นที่ จ.สุราษฏร์ธานี วึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดได้หลักฐานหลายอย่างที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี
นอกจากนั้นจากการตรวจค้นบ้านพักของ พ.ท.อดุยล์ และนายอาลัส เจ้าหน้าที่ได้ยึดคอมพิวเตอร์ แผ่นดิสก์ และเอกสารหลายอย่างมาตรวจสอบ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน นอกจากนั้นยังปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนได้ขยายผลจากหลักฐานที่ได้มาจากการปะทะกับกลุ่มนายแวยูโซ๊ะ แวดือราแม
พบว่ามีเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ครู และอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งที่ร่วมอยู่ในขบวนการแบ่งแยกดินแดน และในวันเดียวกันนี้ได้มีการเชิญตัวตำรวจจำนวน 7 นายซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยไปสอบสวนขยายผลที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่มีข่าวว่ามีนายทหาร ข้าราชการ เข้าไปเป็นแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน ได้สร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดและ 4 อำเภอของ จ.สงขลา โดยเฉพาะหน่วยงานที่เคยร่วมงานกับผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนเพราะไม่รู้ว่าในหน่วยงานของพวกตนยังมีฝ่ายตรงกันข้ามอยู่อีกหรือไม่
ในขณะที่ชุดสืบสวนสอบสวนของ ศปก.ตร.ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ยังมีเจ้าหน้าที่รัฐอีกจำนวนมากที่เป็นแนวร่วมให้กับขบวนการแบ่งแยกดินแดน และจากการที่สามารถพบหลักฐานดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ได้ความกระจ่างขึ้นว่า ทำไมฝ่ายตรงข้ามจึงรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ได้อย่างดี
เช่น การรู้ช่วงเวลาลาดตระเวน จนสามารถซุ่มยิง และวางระเบิดได้แม่นยำ รู้แม้กระทั่งการเคลื่อนย้ายกำลังพบของทหารภาคที่ 2 ที่เดินทางด้วยรถทัวร์ และวางระเบิดได้แม่นยำ ส่วน กองทัพภาคที่ 4 และ ผบ.ตร.ภ.9 ได้สั่งการห้ามให้ข่าวกับสื่อมวลชนในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด เพราะถือเป็นการเสียหายและเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง
ความคืบหน้ากรณีตำรวจ ศปก.ตร.ส่วนหน้า โดยการสั่งการของ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.ทำหน้าที่ ผบ.ศบก.ตร.ส่วนหน้า ให้เชิญตัวนายทหารระดับ พันโท 1 นาย ระดับ ส.อ.1 นาย และข้าราชการพลเรือน 1 นาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีหลักฐานว่ามีส่วนพัวพันกับขบวนการบีอาร์เอ็น กลุ่มของนายแวยูโซ๊ะ แวดือราแม ผบ.กองกำลังขบวนการบีอาร์เอ็นฯ ซึ่งปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และถูกยิงเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ยึดหลักฐานเป็นรหัสของคนทั้ง 3 อยู่ในความครอบครองของแกนนำขบวนการ โดยตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ได้นำเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 กักบริเวณไว้ที่ ศปก.ตร.ส่วนหน้า เพื่อสอบขยายผลตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
รายงานล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนระดับสูงเปิดเผยว่าจากการสอบสวนเป็นเวลา 5 วันที่ผ่านมาแม้บุคคลทั้ง 3 ยังให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานที่เป็นรหัสผ่านของบุคคลทั้ง 3 รวมทั้งมีการส่งอีเมลล์ จากกลุ่มคนดังกล่าวให้กับแกนนำขบวนการมาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงได้กักตัวเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 เอาไว้เพื่อสอบสวนขยายผลอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะรวมรวมหลักฐานเพื่อแจ้งขอหา
สำหรับเจ้าหน้าที่ ที่ถูกเชิญตัวมาสอบสวนเพราะต้องสงสัยว่าจะมีส่วนร่วมในการขบวนการแบ่งแยกดินแดนประกอบด้วย 1.พ.ท.อดุลย์ หล่าเต๊ะ อายุ 58 ปี อดีตเป็นนายทหารสังกัดกองข่าว กอ.รมน.ทำหน้าที่การข่าวมาตั้งแต่ต้น ปัจจุบันเป็นหัวหน้างานธุรการกองบัญชาการผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร หรือ พตท.
2.ส.อ.สุไลมาน เสือนิล อายุ 48 ปี เป็นทหารการข่าว หน่วย 251 กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ย้ายมาจากกำลังพลของ จทบ.สุราษฎร์ธานี สำหรับหน่วยข่าว 251 เป็นหน่วยข่าวที่รับผิดชอบการข่าวทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาตั้งแต่ครั้งที่ ยังใช้ชื่อ กอ.สสส.( กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้)
3.นายอาลัส รักษาปราศ อายุ 53 ปี เป็นข้าราชการสังกัด สพท.เขต 2 จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับ ดร.ฟาเดร์ เจ๊ะมาน ประธานขบวนการเบอร์ซาตู ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ศปก.ตร.ส่วนหน้าแจ้งว่า วันนี้ (7 ม.ค.) กำลังเจ้าหน้าที่จาก ศปก.ตร.ส่วนหน้า และกำลังจาก ภ.จว.สุราษฏร์ธานี ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของ ส.อ.สุไลมาน ในพื้นที่ จ.สุราษฏร์ธานี วึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดได้หลักฐานหลายอย่างที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี
นอกจากนั้นจากการตรวจค้นบ้านพักของ พ.ท.อดุยล์ และนายอาลัส เจ้าหน้าที่ได้ยึดคอมพิวเตอร์ แผ่นดิสก์ และเอกสารหลายอย่างมาตรวจสอบ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน นอกจากนั้นยังปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนได้ขยายผลจากหลักฐานที่ได้มาจากการปะทะกับกลุ่มนายแวยูโซ๊ะ แวดือราแม
พบว่ามีเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ครู และอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งที่ร่วมอยู่ในขบวนการแบ่งแยกดินแดน และในวันเดียวกันนี้ได้มีการเชิญตัวตำรวจจำนวน 7 นายซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยไปสอบสวนขยายผลที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่มีข่าวว่ามีนายทหาร ข้าราชการ เข้าไปเป็นแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน ได้สร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดและ 4 อำเภอของ จ.สงขลา โดยเฉพาะหน่วยงานที่เคยร่วมงานกับผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนเพราะไม่รู้ว่าในหน่วยงานของพวกตนยังมีฝ่ายตรงกันข้ามอยู่อีกหรือไม่
ในขณะที่ชุดสืบสวนสอบสวนของ ศปก.ตร.ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ยังมีเจ้าหน้าที่รัฐอีกจำนวนมากที่เป็นแนวร่วมให้กับขบวนการแบ่งแยกดินแดน และจากการที่สามารถพบหลักฐานดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ได้ความกระจ่างขึ้นว่า ทำไมฝ่ายตรงข้ามจึงรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ได้อย่างดี
เช่น การรู้ช่วงเวลาลาดตระเวน จนสามารถซุ่มยิง และวางระเบิดได้แม่นยำ รู้แม้กระทั่งการเคลื่อนย้ายกำลังพบของทหารภาคที่ 2 ที่เดินทางด้วยรถทัวร์ และวางระเบิดได้แม่นยำ ส่วน กองทัพภาคที่ 4 และ ผบ.ตร.ภ.9 ได้สั่งการห้ามให้ข่าวกับสื่อมวลชนในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด เพราะถือเป็นการเสียหายและเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง
