ผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์ “พระพี่นางฯ” ลงนามไว้อาลัยถวายฯ ที่สุราษฎร์ธานี

สุราษฎร์ธานี - พสกนิกรชาวสุราษฎร์ธานีทุกหมู่เหล่า ยังคงทยอยเดินลงนามถวายความอาลัย แสดงความจงรักภักดี สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ด้วย

วันนี้ (7 ม.ค.) นายวิบูลย์ เลี่ยนพานิช นายก อบต.ช้างขวา อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี นำประชาชนในพื้นที่ตำบลช้างขวาจำนวนมาก รวมทั้ง นางกรวิภา เพ่งรัตน์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ที่ 1 ตำบลช้างขวา และเด็กชายพัชรพล หรือ น้องนน วิชัยดิษฐ์ อายุ 3 ขวบ 1 เดือน ลูกชาย ซึ่งเป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์

เดินทางไปร่วมลงนามสักการะ และถวายความอาลัยต่อหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่บริเวณชั้นล่าง อาคารที่ว่าการอำเภอกาญจนดิษฐ์ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้าอาลัย

นางกรวิภา เปิดเผยว่า น้องพัชรพล ลูกชายตนเองได้ป่วยเป็นโรคหัวใจ เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2548 ตอนนั้นมีอายุได้เพียง 11 เดือน แพทย์ระบุว่า ห้องหัวใจใช้การไม่ได้ 1 ห้อง ต้องผ่าตัดต่อเส้นเลือดจากปอดไปเลี้ยงหัวใจ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก

แต่ด้วยทางบ้านมีฐานะยากจนไม่มีค่าใช้จ่าย น้องพัชรพล ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี นานประมาณ 7-8 เดือน โดยใช้เครื่องช่วยหายใจ และใช้สิทธิ 30 บาท ขณะนั้นตนได้ดูข่าวทางทีวี ทราบว่า ท่านจะเสด็จมาที่โรงเรียน ตชด.บ้านคลองวาย ต.ตระกุกเหนือ อ.วิภาวดี เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2548

พร้อมทั้งรับผู้ป่วยเข้ารักษา จึงขอความเมตตาจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ช่วยเสนอเรื่องให้ หลังจากเสนอเรื่องไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ จึงได้รับการอนุมัติเข้าเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ทางโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี จึงได้ส่งตัวลูกชายไปทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ ลูกชายจึงมีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบันนี้

หากแต่ยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ และต้องผ่าตัดหัวใจครั้งใหญ่อีกหลายครั้ง พร้อมทั้งต้องกินยาละลายลิ่มเลือด หลังทราบข่าวว่า พระองค์สิ้นพระชนม์มีความเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะหากไม่มีโครงการของพระองค์ท่าน

ก็คงจะไม่มีลูกชายคนนี้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ในโอกาสนี้ นายฐานิต พรหมทอง นายอำเภอกาญจนดิษฐ์ ได้มอบถุงยังชีพจากสภากาชาดไทย จำนวน 2 ถุง ให้กับครอบครัวของ นางกรวิภา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไป