ฟาดฟันกันอย่างดุเดือด 2 แบรนด์ดังสุกี้ บุพเฟ่ต์ และการรุกขยายสาขากันอย่างหนักของทั้ง 2 แบรนด์ กระทบกับผู้ประกอบการสุกี้บุพเฟ่ต์ตัวเล็กๆ บ้างไหม หลายคนตั้งคำถาม วันนี้ พามารู้จักกับ ต้นตำรับรายแรกที่เปิดขาย “บุพเฟ่ต์สุกี้ราคาถูก” โดยเปิดขายสุกี้บุพเฟ่ต์หัวละ 199 บาท มากว่า 10 ปี ย่านบรรทัดทอง ซึ่งนักศึกษาจุฬาฯ น่าจะรู้จักกันดี สำหรับ “เจ๊หุย สุกี้โบราณ”
ต้นตำรับรายแรกๆ “บุพเฟต์สุกี้” ราคาถูก
“เจ๊หุย สุกี้โบราณ” ย่านบรรทัดทอง เปิดขายมานานกว่า 20 ปี เดิมเป็นร้านสุกี้โบราณจ้าวดังย่านเยาวราชมาก่อน แต่ด้วยโลเกชั่น ย่านเยาวราช ไม่เหมาะสมกับทำบุพเฟ่ต์ “เจ๊หุ้ย สุกี้โบราณ” ก็เลยมาปักหลักเปิดในย่านบรรทัดทอง หวังเจาะกลุ่มนักศึกษา กำลังซื้อไม่เยอะ โดยการจัดบุพเฟ่ต์ ราคาถูกหัวละ 199 บาท และไม่ผิดหวัง เพราะเป็นหนึ่งในร้าน “ย่านบรรทัดทอง” ที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการกันแน่นร้าน
“ณัฎฐ์ฌา อำพันไพศาล” เจ้าของร้านเจ๊หุ้ย สุกี้โบราณ เล่าให้ฟังว่า ตนเองน่าจะเป็นรายแรกๆที่มาเปิดขายสุกี้ บุพเฟ่ต์ราคาถูก แต่ด้วยความที่เราไม่ได้มีทุนหนา เหมือนรายใหญ่ที่เค้าห่ำหั่น กันอยู่ในขณะนี้ ทำให้เราไมได้มีการขยายสาขาเยอะ ปัจจุบัน มีแค่เพียง 4 สาขา ที่ย่านบรรทัดทอง ยูเซ็นเตอร์ หอพักนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามย่านมิตรทาวน์ และที่ย่านราชพฤกษ์
สงครามราคา “บุพเฟ่ต์สุกี้ราคาถูก” แบรนด์ดังไม่กระทบยอดขาย
ทั้งนี้ ถามว่า ในช่วงที่เกิดสงครามราคาบุพเฟ่ต์สุกี้ราคาถูก ตนเองกระทบไหม ก็ต้องบอกว่าไม่ได้กระทบ เพราะเราเป็นรายเล็ก คนที่เคยกินเราก็ยังคงกินเหมือนเดิม เนื่องจากเปิดมานาน และสุกี้ของเราเป็นสูตรโบราณ ซึ่งแตกต่างไม่เหมือนกับทั้งสองแบรนด์ที่ต่อสู้กันในขณะนี้ ถ้าถามว่าลูกค้าเราเปลี่ยนใจไปกินทั้งสองแบรนด์นั่นไหม เราเชื่อว่าก็คงจะไปกิน อยู่ที่เค้าชอบแบบไหน และในย่านที่เราเปิดให้บริการอยู่ ก็ยังไม่ได้มีคู่แข่งโดยตรง ที่เป็นบุพเฟ่ต์สุกี้ โบราณ และปัจจุบันสุกี้โบราณในเมืองไทยเหลืออยู่ไม่กี่ราย ที่รู้จักกันดี เช่น เรือนเพชรสุกี้ ที่เป็นจ้าวดัง ส่วนแบรนด์เจ๊หุย สุกี้โบราณ มีจุดแข็ง ตรงที่เปิดมานาน ลูกค้าที่มากินอาหารย่านเยาวราชในสมัยย้อนไป 20 ปีที่เราเปิดที่นั่น ก็รู้จักกันดี พอย้ายมาอยู่บรรทัดทอง ก็ได้ลูกค้ากลุ่มเดิมที่เคยกินที่เยาวราช และกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา
ค่าเช่าย่านบรรทัดทองเดือนละหลายหมื่นบาท
คุ้มไหมบุพเฟ่ต์หัวละ 199 บาท
ในส่วนยอดขายในสาขาหลักบรรทัดทอง ได้รับกระทบจากการที่นักท่องเที่ยวหายไหม ทาง เจ้าของ “เจ๊หุย สุกี้โบราณ” กล่าวว่า เนื่องจากเปิดมากว่า 10 ปี ก่อนที่ย่านบรรทัดทองจะบูม และกลุ่มเป้าหมายเราตอนนั้น คือ น้องๆ นักศึกษา และกลุ่มครอบครัวคนไทย แต่พอมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวย่านบรรทัดทอง กันเยอะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรียกว่า เราก็ได้อานิสงส์ไปด้วย คือ ยอดขายของเราก็เพิ่มกว่าเท่าตัว แต่ก็มีคู่แข่งเยอะขึ้นด้วย เพราะมีร้านใหม่มาเปิดเพิ่ม ไม่ต่ำกว่า หลัก 100 ร้านค้า มากระจุกรวมกันอยู่ในย่านนี้ แต่พอมาวันที่นักท่องเที่ยวหาย ยอดขายของเราก็ลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับ ก่อนจะมีนักท่องเที่ยวบูม ในย่านนี้ และร้านที่เคยมาเปิดกันเป็น ร้อยๆ ร้านค้าก็เลิกกันไปกว่าครึ่งหนึ่ง เพราะสู้ค่าเช่าไม่ไหว
“ณัฎฐ์ฌา” บอกว่า หลายคนถามว่า ค่าเช่าที่สูงเดือนละ 50,000 บาท กับการขายบุพเฟ่ต์ หัวละ 199 บาท อยู่ได้ไหม ก็ต้องบอกว่า เนื่องจากเราทำบุพเฟ่ต์มานาน และ “เจ๊หุย สุกี้โบราณ” ของเราถือว่าเป็นรายแรกที่ทำบุพเฟ่ต์ราคาถูก ในสมัยนั้นยังไม่มีใครขายบุพเฟ่ต์ ราคาแบบนี้ ซึ่งตอนนั้นเราก็อยู่ย่านบรรทัดทอง และค่าเช่าเท่านี้มาตลอด ซึ่งไม่ได้กระทบ เพราะสามารถบริหารจัดการต้นทุนต่างๆได้ เพราะขายมานาน และร้านเรามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง หลักๆ คือ ถ้ามีการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้ และวัตถุดิบก็ต้องคุณภาพดีด้วยนะ เพราะถ้าวัตถุดิบไม่ดี ลูกค้ามาครั้งเดียวก็ไม่กลับมาอีก และทางร้านยังมีเมนูอื่นๆ ที่ลูกค้าติดอกติดใจ เมนูดังตั้งแต่สมัยขายที่เยาวราช อย่างปอเปี๊ยะสวรรค์ และเกี๊ยวทอด มาเสริมด้วย เป็นเหตุผลที่ลูกค้ากลับมาอีก และมีการบอกต่อทำให้เรายังสามารถอยู่ได้ แม้จะเป็นบุพเฟ่ต์ราคาถูกในพื้นที่ซึ่งค่าเช่าสูงหลายหมื่นบาทต่อเดือน
“สุกี้โบราณ” ต่างจาก “สุกี้ปัจจุบัน” อย่างไร
สำหรับสุกี้โบราณ แตกต่างจากสุกี้ ทั่วไป ด้วยสูตรของน้ำจิ้ม เป็นสูตรแบบจีนกวางตุ้ง และเนื้อสัตว์ หรือ วัตถุดิบที่ใส่ในสุกี้ ไม่เหมือนกับสุกี้ ปัจจุบัน เช่น สุกี้ โบราณไม่มีเนื้อวัว เป็นต้น รสชาติน้ำจิ้ม ก็ต่างกัน อย่างของเราเป็นสูตรโบราณ เพราะในสมัยอาม่า คือ เจ๊หุย จะเน้นเป็นน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ รสชาติไม่เหมือนน้ำจิ้มสุกี้ แบบปัจจุบัน คนชื่นชอบน้ำจิ้มสุกี้แบบโบราณ ก็จะกินสุกี้โบราณของเจ๊หุย เพราะสูตรเด็ดของเราอยู่ที่น้ำจิ้ม และหมูหมักสูตรเฉพาะไม่เหมือนกับที่อื่นๆ
แผนการตลาด ขยายสาขารูปแบบแฟรนไชส์
แต่ไม่ขายแฟรนไชส์บุพเฟต์
“ณัฎฐ์ฌา” เล่าถึงแผนการตลาดว่า เนื่องจากเล็งเห็นว่า การขยายสาขา ของเราเองก็อาจจะไม่ครอบคลุมพื้นที่ ทั่วประเทศ ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เรามาเปิดขายแฟรนไชส์ แต่การขายแฟรนไชส์ของเราไม่ใช่ แฟรนไชส์บุพเฟ่ต์ แต่เป็นแฟรนไชส์ ร้านสุกี้ แบบเทคโฮม หรือ ซื้อกลับบ้าน แม้ว่าจะเป็นแบบเทคโฮมที่มีแค่สุกี้น้ำและสุกี้แห้ง แต่สูตรน้ำจิ้มสุกี้และหมูหมักสูตรพิเศษของทางร้านเมื่อทำออกมาเหมือนกันกับมากินที่ร้าน ซึ่งราคาขายอยู่ที่กล่องละ 69 บาท เหมาะกับคนที่ต้องการอยากจะขายอาหาร ในโมเดิร์นเทรด ห้างสรรพสินค้า ย่านออฟฟิศ สำนักงาน หน้าสถาบันการศึกษา หรือ ตลาดสด ฯลฯ ราคาแฟรนไชส์ เริ่มต้นหลักแสนบาท
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทาง “เจ๊หุย สุกี้โบราณ” ไม่ขายแฟรนไชส์บุพเฟ่ต์ เพื่อแข่งกับแบรนด์ดังๆ ประการแรก คือ เงินทุนไม่เยอะเท่า และ การขายแฟรนไชส์ ไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ เกรงว่าจะกระทบต่อแบรนด์ และถ้าลูกค้าแฟรนไชส์ บริหารจัดการไม่ได้ กระทบต่อลูกค้าแฟรนไชส์ ทำให้เกิดการขาดทุนได้ ซึ่งทาง “ณัฎฐ์ฌา” เจ้าของแบรนด์ มองว่า ลูกค้าอุตส่าห์ นำเงินจำนวนมากมาลงทุนกับเรา เราก็ไม่ยากให้เค้าเสียเงินไปเปล่าๆ โดยไม่ได้อะไรกลับมาด้วย เพราะการขายบุพเฟ่ต์ราคาถูก ถ้าบริหารจัดการไม่ดี โอกาสขาดทุนมีสูง
ส่วนการขายแฟรนไชส์ ตั้งเป้าไว้อย่างไร เนื่องจากเราเพิ่งทำเป็นครั้งแรก ไม่ได้ตั้งเป้าอะไร เพียงแค่ยากจะสร้างอาชีพให้คนที่มองหาอาชีพในช่วงนี้ เพราะแบรนด์ของเราก็ขายมานาน ซึ่งมั่นใจในระดับหนึ่ง เรื่องของคุณภาพ และรสชาติ และถ้าไม่มั่นใจ ก็คงไม่กล้าที่จะขาย เพราะยุคนี้ เงินหายากคนที่ลงทุน ก็ต้องมั่นใจ และกล้าที่จะลง คนขายก็ต้องมั่นใจด้วยว่า ลงทุนไปแล้วจะไม่ขาดทุน ส่วนทำเล ตอนนี้เราก็มีโคกับทางโลตัสอยู่ ถ้าใครสนใจก็ติดต่อได้
ติดต่อ Facebook : เจ๊หุย สุกี้โบราณ
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด