“มันคือ “รสชาติ” มันไม่ใช่รถฟู้ดทรัคเพราะว่าถ้าเจาะจงคำว่า “รถ” มันจะต้องอยู่บนรถไปตลอดเวลาดังนั้น เรามองถึงในเรื่องของรสชาติที่เราเหมือนว่าเราอาจจะมีพรสวรรค์ในเรื่องของการชิมเราดัดแปลงเรื่องของรสชาติให้มันต่อยอดไปต่อได้เรื่อย ๆ
แล้วคำว่า “โบราณ” หนูมองถึงคำว่า original มันคือรสชาติของต้นตำรับจริง ๆ เขาก็มอง “รสโบราณ” คือร้านขายเครื่องดื่มที่มีเมนูที่ค่อนข้างจะหลากหลาย หลากหลายแบรนด์ หลากหลายเซคชัน แต่เมนหลัก ๆ ของเราอยากให้ทราบว่าเราเป็นแบรนด์ที่ผลิตวัตถุดิบแล้วก็สร้างผู้ประกอบการ คือการให้อาชีพ เบื้องหลังคือการให้อาชีพจริง ๆ “ ขนิษฐา ทัดกลาง หรือคุณกี้ เจ้าของแบรนด์และแฟรนไชส์เครื่องดื่ม “รสโบราณ” ที่ต้องบอกว่ารสโบราณเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งจริง ๆ อายุของธุรกิจหากนับมาถึงตอนนี้กว่า14 ปีแล้ว เปิดตัวธุรกิจครั้งแรกพร้อมแจ้งเกิดด้วยภาพจำ “กาแฟถุงกระดาษสีน้ำตาล” และร้านค้าสุดเก๋อย่าง “รถฟู้ดทรัค” ที่ถือเป็นเรื่องใหม่สุด ๆ ในไทย ณ เวลานั้น
ผู้สร้างตำนานความแปลกและความต่าง “รสโบราณกาแฟถุงกระดาษ” ฟู้ดทรัค!
ก่อนเริ่มต้นก็เราทำในส่วนของ “การ์เม้นท์” เกี่ยวกับการผลิตเสื้อผ้าต่าง ๆ ก่อนหน้านั้นก็มีการทำอาหาร เปิดร้านอาหารต่าง ๆ คือก็เคยชิมลางเกี่ยวกับการทำพวกอาหารไลน์อาหารพวกนี้ เพราะว่าที่บ้านก็เปิดร้านอาหารอยู่แล้วด้วย“ทำการ์เม้นท์อยู่ประมาณ 5 ปีค่ะแล้วก็ มันเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายในเรื่องของค่าแรงมันก็เลยเกิดในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่มันไม่ค่อยสมูทหรือว่ามีความคล่องตัวเท่าไร เราก็เริ่มที่จะสวิตซ์หาธุรกิจใหม่ทำ ก็เลยมามองในเรื่องของตัวเครื่องดื่ม”แต่ว่าเครื่องดื่มอะไรที่จะทำให้คนรู้สึกว่ามันก็เหมือน ๆ กันในตลาด เราก็เลยเริ่มคิดค้นในเรื่องของตัวเครื่องดื่มที่สามารถเข้าถึงได้ทุก ๆ กลุ่ม ก็ตกผลึกมาเป็นเรื่องของ “กาแฟโบราณ” หลังจากนั้น แล้วจะทำยังไงต่อ?“เราก็ไปมองในเรื่องของแพคเก็จจิ้งก่อน เราก็บังเอิญไปเจอ เอากล้วยแขกก่อนแล้วกันกล้วยแขกใส่ถุงกระดาษ แล้วก็มีขนมหวานที่ห่อน้ำแข็งมาอันนี้เราก็เลยได้บายไอเดียว่า ทำไมน้ำแข็งมันไม่ละลาย? แล้วก็เกิดเป็นการว่าลองดูซิ” มีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดก็เห็นเขาเอาถุงเป๊ปซี่ใส่กับถุงกล้วยแขก เพราะมันแมตช์กันแล้วมันไม่ละลาย แล้วก็เดินถือเที่ยวอย่างนั้นทั้งวันแล้ว “น้ำแข็ง” มันละลายแหละ แต่ทำไมการละลายของมันยังน้อยกว่าที่เราถือแก้ว เราก็เลยมาเป็นออกแบบดีไซน์เรื่องถุงกระดาษที่เป็นถุงคราฟท์สีน้ำตาล ซึ่งมันก็ไม่ใช่ถุงอะไรก็ได้ มันก็ต้องเป็นถุงที่มีความชื้นน้อยหรือแม้กระทั่งเก็บความเย็นได้มากขึ้น ก็เลยได้เป็นโมเดลของกาแฟถุงกระดาษสีน้ำตาล ได้จุดขาย
“แล้วทีนี้พอเราจะขายกาแฟถุงกระดาษแน่นอนลูกค้าต้องมาซื้อก่อนถึงจะเห็นว่า มันเป็นกาแฟถุงกระดาษเราจะนำเสนอยังไงให้ลูกค้าแบบ เดินเข้ามาที่ร้านเราแล้วมันโอ้! ฉันอยากลอง” ในยุคนั้นเมื่อย้อนไป 14 ปี เราก็เลยไปออกเป็นโมเดล “รถฟู้ดทรัค” ใหม่มาก! ยังไม่เห็นใครทำยกเว้น “รถพุ่มพวง” หรือว่าอาจจะมีอยู่แล้วเราอาจจะยังไม่เคยเห็น แต่ว่าในตอนนั้นคือเราก็โมเดลนี้แหละถูกต้อง การออกแบบรถเราก็ยังไม่รู้จักว่าจะต้องออกแบบเป็นโมเดลแบบไหนด้วยซ้ำ เราก็พยายามทำให้มัน “สี” ใกล้เคียงกับเครื่องดื่มเรามากที่สุดคือ สีขาว สีน้ำตาล สีดำ เป็นโทนนั้น“ก็เลยออกมาเป็นรูปแบบฟู้ดทรัค คนก็เดินเข้ามาเพราะมันแปลก เพราะถ้าเป็นรถฟู้ดทรัคในยุคนั้นก็จะมีที่ต่างประเทศ ที่เขาทำ เราก็เลยเอากาแฟโบราณเราขึ้นรถฟู้ดทรัคแล้วก็ขาย”แล้วก็ลูกค้าเห็นความต่างและความแปลก ก็เลยออกมาเป็นรสโบราณกาแฟถุงกระดาษ
ปังตั้งแต่วันแรก 150 ถุงแล้วสู่ 1000 อัพ! 3 เดือนคนมารอขอซื้อแฟรนไชส์
วันแรกเราขายได้ 150 ถุง ซึ่งเราไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะได้เกิน 100 ถุงมันเป็นอะไรที่เราอะเมซิ่งมาก แล้วก็กลุ่มลูกค้ามาก็บางคนกล้าที่จะซื้อบางคนก็ไม่ได้กล้าที่จะซื้อ เพราะเขามองว่ามันถุงอะไรมันดูประหลาด ๆ แล้วแบบ มันเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคย“ทีนี้เพนพอยท์ในเมื่ออยู่ในถุงแล้ว ความเข้มข้นของตัวรสชาติมาพูดถึงตัวรสชาติ มันก็ต้องเพิ่มหรือแอดวานซ์ขึ้นไปให้รู้สึกว่าลูกค้าเนี่ยมีความคุ้มค่าในการดื่ม ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงปลาย (6 ชม.) ที่จะกลับบ้านเขาก็ยังได้ทานอยู่มันคือความ หนูมองในเรื่องของความคุ้มค่า จ่ายครั้งเดียวรอบเดียว ตั้งแต่เช้าจนบ่ายคุณไม่ต้องซื้อเพิ่ม” ตอนนั้นเปิดตัวประมาณ 10 กว่าเมนู เอาเมนหลัก ๆ ที่ป๊อบปูลาร์และเป็นอัตลักษณ์ของเราก็คือเป็นกาแฟโบราณ และก็ชาโบราณ จะเป็นกลุ่มประมาณนี้ ขายครั้งแรกที่ลานจอดรถหน้าโรงเบียร์ฮอลแลนด์(สาขาพระราม2) ก็ได้ความเมตตาจากเจ้าของพื้นที่ว่าเขาไม่ได้ไล่เราเพราะว่าสมัยก่อนคือต้องยอมรับว่ามันไม่ได้เป็นแหล่งที่จะจอดรถแบบนี้ง่าย ๆ จอดตรงไหนก็จะมีคนมาบอกให้ขับออกไปเพราะว่ามันเกะกะ แต่บังเอิญว่าหน้าลานโรงเบียร์ฯ มันเป็นลานจอดรถด้านหน้าแล้วมันก็จะเป็นโรงเบียร์ เขาเลยบอกเอ้าจอด ๆ แต่ว่าเขาก็บอกว่ามันขายไม่ได้หรอกนะ เขาพูดกับหนูอย่างนี้(หัวเราะ) มันขายไม่ได้หรอกนะมันเป็นที่จอดรถแล้วก็มันไม่ได้มีป้ายรถเมล์ มันไม่มีทางผ่านคนเลยอย่างเงี้ย หนูก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรขอให้หนูลอง แล้วมันก็ success ขึ้นมา
“หนูเปิดตั้งร้านตั้งแต่ตี 5 ก็ขายกลับประมาณบ่าย 3 แล้วใน 3 เดือนมีคนมานั่งรอซื้อแฟรนไชส์(หัวเราะ) นั่งรอ บอกพี่ หนูยังไม่รู้เลยว่าแฟรนไชส์คืออะไร”ไม่ได้คิด ตอนนั้นที่ทำคือเพื่อให้เราและก็ลูกทีมเราอยู่รอด ลูกทีมที่ทำการ์เม้นท์ก่อนหน้านี้มากับเรา (ประมาณ 5-6 คน) ก็อยากให้ไปด้วยกัน ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะต้องเป็นแฟรนไชส์เพราะเมื่อก่อนมันไม่ได้มีเรื่องของข้อมูลอะไรที่เราจะเข้าถึงได้ง่าย ก็ไม่รู้จริง ๆ“ยอดขายตอนนั้นช่วงพีคสุด ๆ เลยในช่วงที่ธุรกิจได้รับการตอบรับแล้ว เราขายได้วันละ 1,500 ถุง (จาก150 เป็น1,500 ถุง) แล้วลูกน้องใหม่ ๆ เพิ่มมาอีก นี่คือยอดขายต่อวันในแก๊ปเวลาแค่ตี 5 –บ่าย 3 แค่นั้นเอง”ซึ่งแล้วก็มีหลากหลายรายการที่ฟรีทีวีเข้ามาให้ความสนใจ มันก็เลยกลายเป็นเพิ่ม เพิ่ม เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ตอนนั้นคือฟู้ดทรัคเอาลงมาแล้วและก็มาสร้างเป็นเต็นท์เพราะว่าเอาไม่อยู่แล้ว ฟู้ดทรัคเอาไม่อยู่แล้ว แต่ว่าฟู้ดทรัคเราก็เอามาตั้งเป็นอัตลักษณ์ว่าเราเคยเกิดมาจากตรงนี้ แต่ว่ายังขับได้อยู่เหมือนเดิมคือถ้ามีลูกค้าจ้างงาน เราก็จะไปเป็นรถฟู้ดทรัค
หัวใจสำคัญของรสโบราณคือ “วัตถุดิบ” มุ่งสร้างอาชีพให้กับคนที่มองหาโอกาส
เอาจริง ๆ มันเป็นเรื่องแรกที่หนูคิด แพคเก็จจิ้งมันมาทีหลัง เรื่องของรสชาติและตัว Ingredient มันเป็นเรื่องแรกที่หนูทำ“คือก่อนที่เราจะลงมือทำธุรกิจเนี่ย เราไปชิมกาแฟโบราณหลาย ๆ ที่ หลาย ๆ จังหวัด แล้วเราไปได้ตัวเมล็ดกาแฟโบราณที่จังหวัดอุบลฯ ซึ่งเป็นจังหวัดของทางฝั่งคุณแม่ คือไปแล้วเรารู้สึกว่าเมล็ดนี้แหละที่ใช่ เราก็เข้าไปคุยกับคนที่เขาขายเมล็ดบอกเขาว่าเราอยากได้ แต่สูตรเรารู้ว่าเราต้องทำอะไร”มันอาจจะเป็นข้อดีว่าเรามีพรสวรรค์เรื่องการแยกรสชาติด้วยมั้งคะ เราก็เลยรู้ว่าเราจะต้องจับตัวกาแฟโบราณมาแต่งตัวยังไง จับตัวชาแต่งตัวยังไง อะไรอย่างเงี้ย ก็เลยได้มาเป็นรสชาติก่อนที่จะลำดับถัดไปถึงจะเป็นแพคเก็จจิ้ง
ตอนนั้นขายในราคาถุงละ 25 บาท(25-30บาท) ถือว่าเยอะมาก ๆ สำหรับเรา หลัง ๆ พอลูกค้าเริ่มชินกับเราแล้ว เขาเริ่มเห็นความ “คุ้มค่า” แล้วก็ดื่มได้นานและรสชาติมันเข้มข้นมาก เขาก็มาซื้อตอนเช้าเขาก็อยู่จนถึงเย็นเลิกงานเลย ก็เข้าคอนเซ็ปต์เราอย่างที่หนูบอกตอนแรก อยู่จนถึงบ่าย 3 อะไรอย่างเงี้ย แล้วก็ปากต่อปากมันก็เลยเกิดเป็นวอลลุ่มแบบนี้ แล้วก็การขยาย “แฟรนไชส์” ก็เริ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว“ศึกษาค่ะตอนนั้นก็อ่านข้อมูลเกี่ยวกับการทำแฟรนไชส์ ว่าแฟรนไชส์ต้องทำอะไรได้บ้างจะขยายให้เขาได้รับประโยชน์มากที่สุดเท่าที่เขาจะรับได้” ถ้าเขาเอาไปแล้วเขาไปไม่ได้เหมือนเราล่ะ? เราจะลำบากไหมในการที่แบบเราจะขายให้เขา ก็เลยมาวางในเรื่องของระบบของรสชาติของสูตร ที่สามารถ copy paste ได้ เป็นมาตรฐาน เราก็เลยทำเป็นเพาท์ใหญ่หมายถึงว่าสอนเขาทำเพาท์ใหญ่อย่างเช่น 1 หม้อกี่สูตร แล้วใส่ตัวกาแฟเท่าไหร่ ใส่นมเท่าไหร่ ฯลฯ แล้วจะต้องมีวิธีการในการทำให้มันเป็น cool down ยังไง ให้มันรสชาติมันนิ่ง แล้วหลังจากนั้นก็เปิดร้านเราก็ใช้การ “ตวง” ให้ทุกแก้วเท่ากัน แล้วก็ใส่ถุงมัดใส่นมจืด ควบคุมต้นทุนได้“ตอนนี้ก็ยัง15,000 อยู่ แฟรนไชส์กาแฟถุงกระดาษ วัตถุดิบที่บังคับก็ยังเป็นแบบเดิมทุกอย่างจะมีเพียง เมล็ดกาแฟโบราณที่เราสูตรนี้ที่เราได้มา ใบชา กาแฟเวียดนาม(บางคนไม่ชอบกินกาแฟโบราณ) ก็มาเป็นกาแฟที่เราทำมาตัวนี้ แล้วก็ตัวภาชนะก็คือถุงกระดาษ เท่านี้เองค่ะส่วนโปรดักส์อื่น ๆ สามารถซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป”ปล่อยแฟรนไชส์ล็อตละไม่เยอะค่ะเท่าที่เรารับไหว แล้วเราสอนล็อตนั้นจบเราก็ปล่อย แล้วก็ให้ลูกค้าต่อคิว ล็อตแรก 10 ทีละ 10 ทีนี้หลังจากที่สื่อออกเรื่องของเราไป(ฟรีทีวีชวนไปสัมภาษณ์ออกรายการ) หลังจากนั้นโอ้โหโทรเข้ามาจนแบบโทรศัพท์พังเลยตอนนั้น แล้วเราก็ปิดรับที่ 250 สาขา ณ ตอนนั้น
“เพราะว่าเรารู้สึกว่าถ้าเกินไปกว่านี้ เราจะควบคุมไม่ได้(ควบคุมไม่ได้หมายความว่าควบคุมเขานะคะ) ควบคุมเราเอง ในเรื่องของการจัดส่งวัตถุดิบที่มันมีข้อจำกัด การผลิตหรืออะไร เพราะเราเองก็ยังต้องเปิดหน้าร้านแล้วงานหลังบ้านเราก็ยังต้องทำ”เหมือนเราประเมินศักยภาพของตัวเองว่า เท่านี้แหละเราไหวเท่านี้ เราก็จะดูแลเขาเท่านี้ จากวันนั้นจนมาถึงปัจจุบันก็มีการพัฒนาธุรกิจมาเรื่อย ๆ แฟรนไชส์เองมีทั้งคนเก่าที่ออกไปและมีคนใหม่เข้ามาทดแทนกันอยู่เรื่อย ๆ“อย่างเรื่องรูปแบบธุรกิจค่ะกี้ค่อนข้างจะชัดเจนในเรื่องของการคุยตั้งแต่แรก เพราะเรารู้ว่าตัวบุคคลแต่ละบุคคลเขามีสไตล์ของเขา ก็จะถามก่อนว่าอยากได้ “แฟรนไชส์” หรืออยากให้ช่วย “สร้างแบรนด์” ให้เลือกเลย เพราะว่าบางท่านคือเขารู้ว่าวัตถุดิบเราดี เขาอยากคิด ที่ต่อยอดมากกว่านั้น สูตรเขาก็ยังใช้สูตรเราแต่เขาอยากต่อยอด เพิ่ม ๆ อย่างเช่นอยากทำเมนูนั้นเมนูนี้ ซึ่งแฟรนไชส์มันจำกัด เราเลยนำเสนอว่าแบบนั้นเป็นการสร่งแบรนด์ดีกว่า เพื่อที่ให้มีความหลากหลายและก็ต่อยอดได้ แล้วเรายินดีที่จะเป็นงานหลังบ้านให้คุณทุกอย่าง” แล้วมันก็เกิดเป็นช้อยส์ “แฟรนไชส์” และ “นักเรียน” ขึ้นมา ยึดความต้องการลูกค้าเป็นหลักแต่ก็ให้ลูกค้าเข้าใจด้วยว่าแฟรนไชส์มันมีข้อจำกัดอะไรบ้าง และข้อดีมันมีอะไรบ้าง ข้อเสียมีอะไรบ้าง ทั้งสองฝั่งให้เลือกเอาเลย หรือจะมีการแบบแปะกับแบรนด์เราก่อน 2 ปี(เพราะสัญญาแฟรนไชส์เรา2 ปี) แล้วหลังจากนั้นคุณเก็บเกี่ยวข้อมูลในแบรนด์เราให้ได้มากที่สุด แล้วก็มาจัดตั้งแบรนด์ตัวเอง และต่อยอดธุรกิจ
แตกไลน์ธุรกิจสู่ความ Premium มากขึ้น “รสโบราณสเตชั่น” ร้านนี้โกโก้อร่อยมาก
อย่างแรกจะเป็น “รสโบราณกาแฟถุงกระดาษ” แต่อันนี้ก็จะเป็น “รสโบราณสเตชั่น”ที่จับกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่ทานเครื่องดื่มที่มี “สุขภาพ” มากขึ้น ดังนั้นเรามีอะไรในวัตถุดิบของเรา “โกโก้” มาแน่นอนเป็นยุคของโกโก้เลย“ซึ่งหนูทำโกโก้ตรงนั้นมาเริ่มประมาณ 6 ปีที่แล้ว ก็เริ่มทำโกโก้แต่ความเป็นโกโก้ คุณจะต้องรู้ว่าแต่ละคนไม่ได้กินโกโก้ตัวเดียว หรือ ไม่ได้กินโกโก้รสชาติเดียว ดังนั้นโจทย์ของหนูคือ โกโก้ 1 ชนิด 1 ประเทศ จะต้องเหมาะกับคน คนนี้ 1 คนเท่านั้น เป็นคาแรกเตอร์ของแต่ละคนไปเลย บางคนไม่กินหวานอย่างเงี้ย ก็มาเลย์ไหมมันเข้ม ๆ ดาร์ก ๆ บางคนชอบความเป็นช็อกโกแลต ชอบฝรั่งเศสก็ไปในโทนนั้นเลย บางคนสายมิ้นต์ก็มิ้นต์เลย ซึ่งมิ้นต์ของที่ร้านเราจะไม่ใช่เป็นมิ้นต์ที่เป็นไซรัป แต่เป็นผงโกโก้มิ้นต์ที่เป็นโกโก้มิ้นต์จริง ๆ" มันแยกทุกอย่างรวมไปถึงพอพักหลังมานี้ โกโก้เริ่มได้รับความนิยมจาก “โกโก้ไทย” เราก็ไปจับกลุ่มวิสาหกิจของจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเขาก็มีโกโก้ด้วยเอาเข้ามาเป็น Special เพราะว่าโกโก้ไทยอร่อย แต่ต้องปรุงตามสูตรของเรา ดังนั้นก็คือเรามีให้เลือกหลาย ๆ ช้อยส์อะไรเงี้ยค่ะมันก็เลยเกิดเป็นคอนเซ็ปต์ที่ว่า “ร้านนี้โกโก้อร่อยมาก” คือมันเหมือนท้าทายแล้วก็ลูกค้าชอบท้าทาย มันอร่อยไช่ไหม?
เวลาที่เราจะทำ “แบรนด์” แบรนด์หนึ่งอย่างของหนูจะสร้างเหมือนสร้างหนังเรื่องหนึ่ง หนูจะมีพระเอก-นางเอก ตัวประกอบ
คือก็จับวางใครเป็นพระเอกเหรอเรื่องนี้ ใครเป็นนางเอก ใครเป็นตัวประกอบแล้วใครเป็นตัวอิจฉา“ดังนั้นหนูจะมีแค่ 4 ตัวละครเท่านั้นในการที่เราจะครีเอท “เมนู” ออกมา อย่างร้านนี้พระเอกคือ โกโก้ นางเอกจะเป็นตัวกาแฟเวียดนาม ตัวที่เป็นตัวอิจฉาจะเป็นฮันนี่เลม่อน เข้ามาแย่งซีนในเวลาที่ก็ไม่อยากกินนมอ่ะ ก็ไม่ได้อยากกินกาแฟ ตัวประกอบก็จะเป็นทั่วไปค่ะอย่างเช่น ชาไทย แต่ตัวประกอบของเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพระเอก-นางเอก เราใช้เป็นเมนูชาไทยพันธุ์เข้ม”เพราะแน่นอนในหนังเรื่องหนึ่งบางทีตัวประกอบเด่นกว่าด้วยซ้ำ(ทุกคนมีโอกาสได้เกิดไม่ซีนใดก็ซีนหนึ่ง) เพราะบางงานอีเว้นต์ “ชาไทย” เด่นมาก แต่ชาไทยของเรามันคือตัวประกอบ เราก็สามารถที่จะไปเดินทางไป ณ อีเว้นต์นั้นได้
ราคาและการสร้างความรู้สึกว่า “คุ้มค่า” เพื่อเกิดการ “ซื้อซ้ำ”
ความโดดเด่นของเราก็คือจะจับในเรื่องของ “รสชาติ” ก่อน แล้วก็การ “สะสมแต้ม” โปรโมชั่นเข้ามาเพื่อให้ลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำ
ซึ่งอันนี้มันก็จะเข้าลูปธุรกิจแบบทั่วไปเบสิกเลย“มันคือการมีส่วนร่วมของลูกค้า เราก็เก็บฐานข้อมูลจากกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในละแวกนั้น ๆ ของแต่ละสาขา หรือแม้กระทั่งการไปออกอีเว้นต์ แต่หนูได้บอกว่าแพคเก็จจิ้งไม่มีเขาเรียกอะไรยังไม่สำคัญ ยังสำคัญมากเหมือนเดิม เพียงแต่ว่า ณ ปัจจุบันแพคเก็จจิ้งมันก็จะดูเหมือนทั่วไปแต่ว่า ถ้าเราเอาแพคเก็จจิ้งที่มันไม่เหมาะกับเครื่องดื่มของเรามา มันก็จะทำให้ตัวรูปแบบของเรามันดร็อป ดังนั้นก็คือเอาแบบสแตนดาร์ดไว้ก่อน ไม่หวือหวาแต่ว่าทานแล้วต้องว้าว!”มีอะไรบ้างที่เราจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของลูกค้าได้บ้าง เราแถมให้เขาได้ไหม หรือจัดโปรโมชั่นให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ากับการที่เขาต้องจ่ายเงิน ต้องคือสุดท้ายเราก็เหมือนกับสร้างให้ลูกค้าเห็นว่าถ้าคุณซื้อเรา คุณจะไม่ผิดหวัง ในเรื่องของแน่นอนรสชาติตัดไปเลยเราพยายามเรื่องนี้มาตลอดแต่ว่าในความ “คุ้มค่า” ของเขา เขาซื้อแล้วเขาจะได้อะไรจากสิ่งที่เขาซื้อนี้ มันคือการตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ เขาก็ซื้อได้เลย“พยายามสร้างความเชื่อมั่นว่า ซื้อแล้วคุณจะไม่ผิดหวัง คือวัตถุดิบทุกตัวคัดสรรมาแล้วแน่ ๆ คือด้วยราคาหรือแหล่งที่มาของวัตถุดิบ กับราคาที่เราตั้งไว้มันคุ้มค่าแน่ ๆ" อย่างโจทย์แรกที่กี้คิดในเรื่องของราคาคือ ต้องซื้อได้ทุกวัน ซื้อง่าย กับซื้อได้ แน่นอนกาแฟราคาแพงซื้อได้ แต่ไม่ได้ซื้อง่ายทุกวัน ดังนั้นคือคำตอบนี้ละค่ะ มันเป็นคำตอบที่เราจะตั้งสแตนดาร์ดของเรื่องราคาที่ แต่เราก็มีการคำนวณต้นทุนว่าเราสามารถ cover ในเรื่องของต้นทุนได้ไหม
การมองเห็นปัญหาของคนอื่นก่อน “แก้ปัญหาให้เขา = เรามีตังค์”
คุณกี้-ขนิษฐา ทัดกลาง เจ้าของแบรนด์และแฟรนไชส์เครื่องดื่ม “รสโบราณ” บอกด้วย ตอนนี้แฟรนไชส์ของรสโบราณสเตชั่นมีอยู่ประมาณ 10 สาขาแล้ว ส่วนแบรนด์เดิม(รสโบราณกาแฟถุงกระดาษ) ตัวเลขยังคงอยู่ที่ 250 สาขาแต่ว่า มันมีการเปลี่ยนถ่ายเข้าออก เข้าออก อยู่เรื่อย ๆ เพราะเราก็ไม่ได้เพิ่มตัวเลข“มันคือการขยายล่ะค่ะขยาย “ภาพจำ” ให้ลูกค้าได้จำได้ว่า รสโบราณสเตชั่นทำอะไร รสโบราณกาแฟถุงกระดาษทำอะไร อย่างเงี้ยค่ะนอกเหนือจากที่เราไปขายเนาะ เราก็อยากให้เขารู้จักเราบ้าง ในโมเดลที่แบบ บางท่านร้านอยู่ตรงนี้แล้วไกลมาก ๆ เขาก็ไม่ได้อยากเดินทางมากิน เราก็เลยแบบไปออกตามอีเว้นต์เพื่อให้ไปใกล้เขามากที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ ที่นอกเหนือจากการขึ้นไปอยู่บนฟู้ดทรัคก็ออกอีเว้นต์อย่างเงี้ย เพราะบางคนชอบเดินห้างฯ เราก็ไปตามงานแบบนี้ ก็จะได้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น” คือมันมี “นวัตกรรม” ต่อยอดล่าสุด ก็เป็นการทำแบบโฟรเซ่น เป็นต่อเพาท์ 1 แก้วต่อ 1 เพาท์ แฟรนไชส์หรือลูกค้าที่ต้องการจะต่อยอดเขาไม่ต้องชงเอง สะดวกคือแช่แข็งไปเรียบร้อยแล้ว ปุ๊บถึงหน้าร้านทำการทอว์ลูกค้าสั่งตัดถุงเทเสิร์ฟต่อแก้วได้เลย“เพนพอยท์คือ 1.ง่ายควบคุมคุณภาพ รสชาตินิ่ง คำนวณต้นทุนได้ 100% จำกัดต้นทุนได้ 100% ในเรื่องของ บางร้านอาจจะมีจ้างน้อง ๆ การคำนวณที่เป๊ะมาก ๆ ค่ะว่า อย่างวันนี้เราส่งของเข้า 100 เพ้าท์ แก้ว 100 ใบ ทุกอย่างต้องนับได้เป็นอะไรที่เช็กได้ทุกตัว” รสชาติไม่ต้องกังวลเลยถ้าคุณทำตามสเต็ปที่เราบอก
“มุมมองการทำธุรกิจของกี้คือ การมองเห็นปัญหาของคนอื่นก่อน เราแก้ปัญหาจากปัญหาของลูกค้า ลูกค้าต้องการอะไรหรือว่าสิ่งที่เขาเกิดขึ้น ปัญหาของเขาจริง ๆ แล้วในเรื่องใด ๆ ที่เขาต้องการเนี่ย ตรงนั้นคือการทำธุรกิจค่ะ ปัญหาเท่ากับมีตังค์ (หัวเราะ) ที่ไหนมีปัญหาที่นั่นมีตังค์ค่ะ จริง ๆ แล้วมันไม่ได้แค่เงินค่ะ แต่มันได้อย่างอื่นที่มันแถมมาด้วย นั่นคือความเกื้อกูล ความเข้าใจในกลุ่มลูกค้าที่เขาแบบ เออเนาะน่าจะมาช่วยเขาได้ตรงนี้”นอกเหนือจากอย่างงี้แล้วความที่เราจะต้องเป็นก็คือเราจะต้อง “ซื่อสัตย์” กับทุกอย่างที่เราทำ เราจะต้องตรงไปตรงมา อันนั้นคือเราถึงจะทำธุรกิจได้แบบรู้สึก การทำธุรกิจของกี้คือการที่ทำให้เรา ตัวเองสบายใจด้วย ไม่ได้ไปกังวลหรือว่าไม่ได้มีเรื่องที่จะต้องคิด หลังจากที่เราช่วยเขาแล้ว
กว่า 14 ปีของ “รสโบราณ” จากแฟรนไชส์ขวัญใจรากหญ้า “กาแฟถุงกระดาษ&ฟู้ดทรัค” สู่ร้านนี้โกโก้อร่อยมากความพรีเมียมที่มาพร้อมกับนวัตกรรมทำเงินใหม่! ขอบคุณมุมมองดี ๆ สำหรับการทำธุรกิจและไอเดียการต่อยอดอาชีพจากครูกี้-ขนิษฐา ทัดกลาง ที่กรุณามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และ “โอกาส” ใหม่ ๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาอาชีพอยู่ตอนนี้
สามารถติดตามหรือสอบถามเกี่ยวกับแฟรนไชส์ของ “รสโบราณ” ได้ที่ 28/12 ซอยเอกชัย 69 แขวง/เขตบางบอน กรุงเทพฯ โทร.088-978-6629
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *