xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอยเส้นทาง “แฟรนไชส์ลูกชิ้น เชฟอ้อย” จนมาถึงจุดจบในรายการดังโหนกระแส จากคำบอกเล่า เชฟอ้อย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชฟอ้อย โดนรวบคาห้าง คดียักยอกทรัพย์ 

หลังจากที่มีข่าว เรื่องการจับกุม เชฟอ้อย “ยุวดี ชัยศิริพาณิชย์” เจ้าของแฟรนไชส์ลูกชิ้นชื่อดัง กรณียักยอกทรัพย์ ตามหมายจับของศาลแขวงบางบอน ที่ 289/2567 ลงวันที่ 2 ก.ย.2567 ข้อหาความผิดฐานยักยอกทรัพย์ โดยจับกุมได้ที่ห้างดัง แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ มาจาก ผู้เสียหายได้นำทองคำ เพชร และพระเครื่อง มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ให้เชฟอ้อย ที่เสนอตัวเป็นนายหน้านำทรัพย์ดังกล่าวไปทำการให้ขาย และที่ไว้ใจเพราะเห็นว่า เป็นที่มีชื่อเสียงรู้จักกันในวงการ จึงยอมให้นำทรัพย์ไปเพื่อทำการขาย แต่ผู้เสียหายทราบภายหลังว่า เชฟคนดังกล่าว ได้นำทรัพย์สินไปมัดจำเพื่อเปิดร้านอาหาร จึงได้เข้าแจ้งความ และเป็นที่มาของการจับกุมดังกล่าว

ด้านผู้ต้องหา เชฟอ้อย ยุวดี ยอมรับว่า นำเพชร ทองคำ และพระเครื่อง ผู้เสียหายไปขายจริง โดยเอาไปให้โปรดิวเซอร์รายการทีวีชื่อดัง และทางโปรดิวเซอร์ไม่ได้จ่ายเงินมาให้ และตนเองได้จ่ายเงินให้ผู้เสียไปก่อน 500,000 บาท แต่ต่อมาภายหลัง ได้ออกรายการดังจากปัญหาแฟรนไชส์ลูกชิ้น ทำให้ขายแฟรนไชส์ไม่ได้ และลูกชิ้นขายไม่ดี ทำให้เกิดการขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถผ่อนคืนผู้เสียหายได้


มารู้จัก แฟรนไชส์ลูกชิ้นเชฟอ้อย 

ทั้งนี้ มารู้จักกับแฟรนไชส์ ลูกชิ้น เชฟอ้อย ก่อนที่จะมาถึงวันนี้ เชฟอ้อย เริ่มต้นขายลูกชิ้นในช่วงโควิด ตอนนั้น เชฟอ้อย ได้ลงทุนเปิดร้านอาหาร CHARM GARDEN แต่มาเจอสถานการณ์โควิดพอดี เชฟก็เลยต้องมาทำลูกชิ้นขาย และได้มีคนชักชวนให้ไปเปิดบูทขายในห้าง ซึ่งด้วยบุคลิกของเชฟที่หลายคนจดจำได้จากรายการทีวี และการขายของเชฟไม่ธรรมดา เพราะแก่ขายเอง ก็ตักเต็มและล้นถุง ขายในราคาถุงละ 100 บาท บวกกับน้ำจิ้ม สุดแซ่บ ที่เชฟได้ทำออกมา 2 แบบ เป็นน้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้มลูกชิ้น ที่เชฟบอกว่าได้มาจากการไปอยู่อเมริกาในสมัยตามท่านทูต

ด้วยรสชาติลูกชิ้น บวกกับน้ำจิ้ม บวกกับการตักล้นถุงจุดขายของเชฟอ้อยในเวลานั้น ทำให้คนมาต่อคิวซื้อลูกชิ้นกันแบบคิวยาวมาก จากวันแรก ขายได้ 3,000 บาท กำไร 1,000 บาท พอวันต่อๆมา มีคนเอาไปแชร์ ตามช่องทางโซเชียลฯ ทำให้ลูกชิ้นเชฟอ้อย เป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากนั้น มีสถานที่หลายแห่งชักชวนเชฟอ้อย ไปออกบูท พอเชฟไปออกร้านในห้างที่ไหน คนก็จะตามไปกินจน แถวยาวมาก ทุกคนไปรุมเพื่อที่จะรอกินลูกชิ้นของเชฟอ้อย จากขาย 3,000 บาท เพิ่มเป็นวันหลายหมื่น จนมากถึงวันละ 300,000 บาท และมากที่สุดที่เชฟอ้อย เคยขายได้วันละ 700,000 บาท หลังจากนั้น ก็มีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์ จนเป็นที่มาของแฟรนไชส์ลูกชิ้นเชฟอ้อย

โดยราคาแฟรนไชส์อยู่ที่ 250,000 บาท มีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์เป็นจำนวนมาก เชฟก็เลยตั้งใจจะขายให้จังหวัดละ 1 แห่ง เพื่อง่ายต่อการควบคุม แต่สุดท้าย แฟรนไชส์ของเชฟอ้อย ก็ต้องสะดุดลง เมื่อ คนที่ซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วไม่ได้รับของ เป็นที่มาของการไปออกรายการโหนกระแส และเชฟก็ถูกเรียกว่า เชฟขี้โกง พร้อมกับแจ้งเกิดเชฟแมน จนโด่งดังมาถึงทุกวันนี้


เชฟอ้อย ยุวดี เคยให้สัมภาษณ์ ทาง "ผู้จัดการ" เล่าถึงแฟรนไชส์ลูกชิ้นที่มาของปัญหาดังกล่าว

“ในช่วงโควิดร้านอาหารของเชฟทำอยู่ คือ CHARM GARDEN ช่วงนั้นไม่สามารถนั่งกินที่ร้านไม่ได้ เชฟเป็นคนที่อยู่เฉยไม่เป็น ก็เลยชวนสามี หาอะไรทำและต้องเลี้ยงดูแลลูกน้องกว่า 40 ชีวิต ก็เลยเปิดหน้าร้านขายอาหารข้าวแกง เปิดขาย 9 โมง ถึง บ่าย 2 โมง ก็หมดแล้ว ขายดีมาก”

ส่วนลูกชิ้นก็มาทำตอนหลัง เชฟปูมาปรึกษาเรื่องทำลูกชิ้น และเราก็มีสูตรลูกชิ้นของอากง อาม่า ก็เลยลองทำขายที่ร้านก่อน มีคนมาติดต่อให้ไปออกร้าน ไปขายครั้งแรกที่ระยอง ขายดีมาก ทำไป 500 กิโลกรัม ขายวันเดียวหมด ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง พอตอนหลังมีคนมาติดไปขายซีคอน เริ่มมีคนมาต่อคิว และมาดังตอนขายที่ แฟชั่นไอส์แลนด์ขายดีมาก มีคนมาต่อคิวเป็นพันคิวรอกันครั้งหนึ่งหลายชั่วโมง ส่วนการตักล้นถุงเป็นตามสไตล์เชฟอยากให้คนที่ซื้อได้เยอะ มีคลิปที่แพร่ออกไปในช่องสื่อทั้งยูทูป และโซเชียลฯ เยอะมาก มีคนเห็นว่า ลูกชิ้นเชฟอ้อยกำลังดัง ก็มีคนมาติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์กันเป็นจำนวนมาก

“ส่วนที่มาของแฟรนไชส์ลูกชิ้น เริ่มขึ้นมาจากเชฟเห็นว่ามีคนสนใจเยอะ เราก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่า เหมือนกับ การเป็นที่ปรึกษาให้ร้านอาหาร เชฟเขียนข้อกำหนดข้อตกลงมา 10 ข้อ และส่งให้กับคนที่มาซื้อแฟรนไชส์ ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร ก็จะมีปัญหาอยู่ไม่กี่คนตามที่เป็นข่าว หลังจากนี้ เชฟก็จะมาร่างแฟรนไชส์ใหม่ ส่วนในอนาคต ทำแฟรนไชส์อีกไหมก็บอกว่า ไม่ทำแล้ว เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่วนร้านก๋วยเตี๋ยวเชฟทำ ก็คงจะเปิดเอง ปีหน้าตั้งเป้า เปิดร้านข้าวแกง 10 บาท เอามาทำใหม่ ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านส้มตำ ตั้งใจเปิดปีแรก 3 สาขา ถ้าขายดีเปิด 10 สาขา แค่นั้นจบเลย ไม่เปิดต่อ ไม่เปิดขายแฟรนไชส์”


ประวัติเชฟอ้อย ยุวดี ก่อนจะมาเป็นเชฟชื่อดัง 

สำหรับประวัติ เชฟอ้อย ยุวดี เกิดที่จังหวัดพิษณูโลก เกิดมาในครอบครัวคนจีนที่ฐานะค่อนข้างจะยากจน พ่อแม่ แยกทางกัน ตั้งแต่ยังเด็ก โดยมีพี่น้อง5 คน มาจากครอบครัวคนจีน หลังจากพ่อกับแม่แยกทางกัน แม่ก็จะเป็นเสาหลัก ในการหาเงินดูแลลูกๆ และแม่มีอาชีพขับรถ 6 ล้อ ส่งของขึ้นไปขาย ภาคเหนือ ทำให้ไม่มีเวลาดูแลลูก ทุกคนก็จะต้องช่วยตัวเอง ทำให้เชฟต้องดิ้นรนเพื่อช่วยให้ตัวเองอยู่รอดมาตั้งแต่เด็ก หนีออกจากบ้านตั้งแต่อยู่ประถม 6 และต้องมานอนป้ายรถเมลล์ จนได้มาทำงานที่ร้าน จิตต์โภชนา ตั้งแต่เรียนชั้นมัธยาม เรียนไปทำงานไป ได้ความรู้จากร้านจิตต์โภชนาในเรื่องการทำอาหาร พอเรียนจบม.6 ได้มาเส้นทางการเป็นทำอาหาร ได้มาอยู่โรงแรมอัมรินทร์ลากูน จังหวัดพิษณุโลก 

และด้วยความที่ต้องสู้ชีวิต ทำให้เธอยอมทำทุกอย่าง ไม่ว่าเชฟจะใช้ให้ทำอะไร และด้วยเป็นคนที่เรียนรู้เร็ว และตั้งใจทำงานทุกอย่าง จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหาร จีเอ็ม ของโรงแรม และเรียนรู้การเป็นเชฟอย่างเต็มตัวที่นั่น และจีเอ็ม ส่งไปทำงานกับท่านทูตที่แรกที่สถานทูตไทยในอเมริกา และก็ย้ายตามท่านทูตไปยังประเทศต่างๆ อีกหลายประเทศ ทำอยู่นาน 10 ปี พอจะมีเงินและไม่อยากเดินทางแล้ว ตัดสินใจกลับบ้านมาอยู่กับครอบครัวที่ พิษณุโลก

พอได้กลับมาประเทศไทย การเปิดร้านขายข้าวแกงจานละ 10 บาทที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นคนแรกที่ขายข้าวแกงจานละ 10 บาท ในขณะนั้น และทำงานเป็นที่ปรึกษาร้านอาหาร พร้อมกับการขายสูตรอาหารให้กับร้านอาหารหลายแห่งในประเทศไทย ในราคาเมนูละ25,000 บาท พอมาถึงจุดหนึ่ง รู้สึกว่า เราทำให้ร้านอาหารหลายแห่งเค้าประสบความสำเร็จแล้ว ทำไมไม่มาลองเปิดร้านอาหารของเราเองบ้าง ก็เลยเป็นที่มาของ CHARM GARDEN


จุดเปลี่ยนสร้างชื่อ เชฟอ้อยเป็นที่รู้จัก..คาแรคเตอร์หลายคนจดจำและจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนรู้จักเชฟ มาจากการที่ได้ไปออกในรายการทำอาหารทางทีวีดิจิทัล และมาโด่งดังเมื่อครั้งออกรายการTop Chef Thailand ทางช่องวัน ด้วยคาแรคเตอร์ที่เป็นคนที่พูดตรง และไม่ค่อยชอบพูดคนไม่รู้จัก เวลาพูดก็จะพูดกับคนที่สนิทเท่านั้น และจะพูดไม่เพราะทำให้ภาพที่ออกมาเหมือนก้าวร้าว ภาพที่สื่อออกไป เหมือนเชฟเป็นคนปากจัด บางคนด่าว่าเชฟปากหมา คาแรคเตอร์พวกนี้ ทำให้คนจดจำเชฟอ้อยในมุมที่เชฟปากจัด ปากไม่ดี ชอบด่า และพอเรามาขายลูกชิ้น เชฟอ้อยก็ยังคงคาแรคเตอร์แบบนั้นอยู่ แต่เชฟก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะคนที่ซื้อลูกชิ้นเรากิน เพราะชอบในรสชาติ ไม่ได้มองคาแรคเตอร์ ว่าเราเป็นอย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น