กลยุทธ์เรื่อง “ราคา” การค้าขายในยุคนี้ถือได้ว่า มีส่วนสำคัญ ด้วยสภาวการณ์เศรษฐกิจแต่ถ้าหากสามารถเป็น “ทางเลือก” ของถูกและดีได้! ไม่แน่ว่าอาจคือทริคสู่ความสำเร็จง่ายขึ้น ท่ามกลางเรื่องยาก ๆ เศรษฐกิจปากท้องที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ปัจจุบัน
ร้านข้าวแกงบุฟเฟต์49 บาทที่มาของการเริ่มต้นธุรกิจนี้ “คุณแทน-พัฒนชนน มีมั่ง”ผู้จัดการโครงการตาหละมาร์เก็ต ในย่าน จ.นนทบุรี ถนนราชพฤกษ์ก่อนตัดเข้าถนนรัตนาธิเบศร์ บอกกับเราว่า ความตั้งใจเจ้าของโครงการฯ คือเพื่อจะดึงดูดให้คนเข้ามาหาจากราคาที่ตั้งไว้49 บาท รู้สึกว่ามันถูกมาก! แล้วพอเขาได้มาเห็นของจริง “คุณภาพ” ก็ดีอีกด้วย จะช่วยทำให้เกิดกลุ่มของลูกค้าขึ้นมาได้มากน้อยเพียงใด ก่อนมีการเปิดโครงการใหญ่ตามมา แต่ทว่ากว่าจะปรับโน่นนี่นั่นให้เข้าที่มาได้ถึงตอนนี้ร้านฯ ก็ผ่านสถานการณ์ “ขาดทุน” อย่างไม่เป็นท่ามาก่อนแล้ว จนได้เรียนรู้ถึงวิธีการปรับเพื่อรับมืออย่างไร ให้ราคาที่ถูกใจคนซื้อนี้สามารถเป็นความคุ้มค่าให้กับเจ้าของกิจการขับเคลื่อนเพื่อไปต่อได้เช่นกัน
“ทำมาระยะหนึ่งเราจะรู้แล้วว่า จำนวนมาต่อหัวเนี่ยเฉลี่ยประมาณเท่าไร เราก็ทำออกมาให้มันแบบไม่ได้เหลือทิ้ง เพราะว่าของบางอย่างเราแทบไม่อยากเก็บอยู่แล้วเราอยากทำใหม่ วันต่อวัน ให้มันแบบสดใหม่ตลอดเวลา แล้วเราก็อุ่นร้อนตลอดเวลาด้วนเวลาใครมาทานก็จะได้แบบเหมือนของเพิ่งออกจากเตามา เพิ่งออกจากครัวมาเลย”
มือใหม่หัดขาย
โครงการตาหละมาร์เก็ตเป็นโครงการที่เปิดใหม่ ทำร้านข้าวแกงบุฟเฟต์49 บาทขึ้นมาครั้งแรกก็ขาดทุน เพราะตอนนั้นซื้อของจากห้างฯ มาทำด้วยความที่เป็น “มือใหม่” ก็ลองทำดูว่ามันจะไปได้ไหม รอดมั้ย “แต่ทุกวันนี้เราก็เริ่มควบคุมต้นทุน และก็ลดของเสียอะไรต่าง ๆ แต่คุณภาพอาหาร รสชาติอาหารดีขึ้นไปเรื่อย ๆ “
ข้าวแกงบุฟเฟต์ 49 บาท ไม่จำกัดเวลาอิ่ม ตักได้ไม่อั้น!
คุณแทน บอกด้วย ราคานี้ถือว่าคุ้มค่าสำหรับคนมาทานอยู่แล้ว เพราะว่าที่ร้านไม่ได้มีการจำกัดเวลาด้วย ตักเติมได้ไม่อั้นทั้งข้าวทั้งกับ ตักเองเป็นไลน์บุฟเฟต์แบบนี้ “ด้วยหน้าตาอาหาร รสชาติ เราก็ต้องทำให้มันดีครับผม เพราะว่าอย่างไลน์อาหารเนี่ยเราก็ทำให้ดูเหมือนโรงแรมไปเลย และก็จำนวนอาหารก็หลากหลายรายการ หน้าตา รสชาติ อะไรแบบนี้ครับ และก็พื้นที่ของเราก็ทำให้ดูแบบร่มรื่น สะอาดสะอ้าน”
เพิ่มความหลากหลายเข้าสู้! ปริมาณต้องแม่นเพื่อจัดการขยะเป็น “0”
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การขายในช่วงแรกต้องประสบกับภาวะ “ขาดทุน” ก็อาจจะเป็นเพราะ ความหลากหลายของอาหารที่ยังมีน้อยด้วย ตอนนั้นยังไม่ได้ทำเยอะขนาดนี้ แต่ว่าตอนนี้เกิน20 อย่างขึ้นไปต่อวันแน่ ๆ ที่สแตนบายในร้าน ทุกวัน และก็จะเป็นแบบทยอยเติมของที่พร่องอยู่เรื่อย ๆ อย่างสมมุติว่าลูกค้ามาทานที่ร้านซึ่งจะเปิดตั้งแต่เช้า(06.00 น.) แล้วพอไปถึงช่วงสาย ๆ หน่อยอาจจะสัก 10.00 น. ของทุกอย่างที่ทำสำหรับให้บริการกับลูกค้าในวันนี้ก็คือ จะไม่มีการปล่อยให้ของหมดจนเกลี้ยงถาด แต่ว่าจะทยอยเติมให้มีของพร้อมอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ลูกค้าที่มาได้เลือกตักทานอย่างไม่มีการขาดตอนใด ๆ ทั้งสิ้น
“แล้วแต่ละวันไม่ได้ว่าซ้ำนะครับ หมุนเวียนสลับเมนูไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้คนกินรู้สึกเบื่อด้วย คือมาวันนี้ พรุ่งนี้มาก็ไม่ซ้ำกันกับเมื่อวาน ค่อนข้างที่จะแบบ อย่างสมมุติว่ายืนพื้นสัก10 อย่าง อีก10 อย่างที่ทำเพิ่มใหม่ต่อวัน เราปรับเมนูไปเรื่อย ๆ เปลี่ยนไป เขาจะได้ไม่เบื่อ”
ส่วนเรื่องการปรับเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้ราคา “49 บาท” ยังคงสามารถขายต่อไปโดยที่ก็มีความคุ้มค่าด้วย คุณแทนเล่าว่า สิ่งที่คงเดิมไว้ก็คือ กับข้าว หรือรายการอาหารของร้านยังคงมีหลากหลายเหมือนเดิม20 กว่าอย่างขึ้นไปต่อวันเหมือนเดิม ความสะอาด รสชาติ เหมือนเดิม มีปรับปรุงก็คือ ทำให้มันดีขึ้นอย่างเดียว แต่ว่าสิ่งที่ทางร้านปรับให้มันน้อยลงก็คือ ควบคุมต้นทุน โดยการพยายามไม่ให้เหลือทิ้ง ทำอาหารเพื่อเสิร์ฟให้พอดีกับจำนวนของลูกค้าที่มาต่อวันให้ได้มากที่สุด “สิ่งที่ผมบอกว่าเราควบคุมต้นทุนในการซื้อวัตถุดิบเนี่ย แต่ละที่มันไม่เท่ากัน คือมันต่างกันค่อนข้างเยอะนะครับ อย่าง 1 กิโลต่างกันเป็น 10 บาทยังมีเลย แต่ ณ วันนี้คือที่เราทำรอไว้และก็จำนวนลูกค้าที่เข้ามา ก็บาลานซ์กันได้พอดี เพราะว่าอาหารเราไม่ได้ทำรอบเดียว เราทำแล้วก็พอมาดูแบบอาหารมันพร่องไปแต่ละรายการเนี่ย เราก็จะมาเติมในช่วงนั้นซึงเรามีครัวกลางอยู่แล้วสมมุติว่าอย่างหน้าร้านเขาก็จะดูแล้วอาหารอันนี้เริ่มขาดนะ เริ่มขาดนะ ก็บอกทางครัวกลางก็จะทำออกมาเสิร์ฟ เติมมาทั้งวัน เพราะว่าถ้าทำเลยทีเดียวแล้วกะปริมาณเนี่ย เหลือทิ้งแน่ ๆ “
จากแวะชิมเพราะ “ราคาถูก”! ติดใจกลายเป็นลูกค้าประจำ
กลุ่มลูกค้าของร้าน ถ้าคนผ่านไปผ่านมาบนถนนราชพฤกษ์ช่วงที่ร้านหรือโครงการฯ ตั้งอยู่นี้ ติดถนนใหญ่ ใครเห็นป้าย “ข้าวแกงบุฟเฟต์ 49 บาท” มันก็ถูกอยู่แล้วเขาก็ต้องลองเข้ามา ถ้าเข้ามาแล้วราคาถูกขนาดนี้และยังมีอาหารเยอะหลากหลาย รสชาติมันได้ เขาก็กลับมาซ้ำ(ซื้อซ้ำ) เยอะ ซึ่งทุกวันนี้ก็ได้เกิน120 หัวขึ้นไปแล้วต่อวัน ลูกค้าประจำก็มี โดยร้านจะเปิดให้บริการอาหารเริ่มไปตั้งแต่เวลา06.00 น.-บ่ายสามโมง หยุดวันอาทิตย์วันเดียว
มีบริการซื้อกลับบ้านด้วย สั่งเป็นกับหรือข้าวแกงก็ไม่แพง
“อย่างลูกค้าที่มาทานที่ร้าน บางคนก็มีซื้อกลับบ้านไปฝากคนในครอบครัวบ้าง ก็คือทางเราถ้าซื้อกลับบ้านเนี่ยเราก็จะขายอยู่ที่
ราด 3 อย่าง 50 บาท ร้านอื่นเขาอาจจะแพงกว่านี้ เป็นกล่องแบบมีช่อง ๆ 3 ช่องสำหรับใส่กับและก็มีข้าวให้ด้วย ในราคา 50 บาท ก็ถือว่าไม่ได้ราคาสูง เพราะว่าถ้าร้านทั่วไป 50 บาทก็ได้แค่อย่างเดียว แต่ของเราได้ตั้ง 3 อย่าง ก็นอกจากซื้อเป็นกล่องราด 3 อย่าง 50 บาทแล้ว บางคนก็ซื้อเป็นกับข้าวใส่ถุงไปก็มี 40-50 บาท อย่างเงี้ยครับราคา เราก็จัดให้ได้เหมือนกัน”
การตอบรับดีวันดีคืน เพราะลูกค้าบอกต่อ
ถามคุณแทนว่า ร้านนี้เริ่มเปิดดำเนินการ “ข้าวแกงบุฟเฟต์ 49 บาท” มานานมากน้อยแค่ไหนแล้ว ก็ได้รับคำตอบว่า เปิดมาประมาณ 5 เดือนแล้ว ซึ่งก็มีการปรับมาเรื่อย ๆ “ตั้งแต่ที่ผมบอกว่าขาดทุน ด้วยเรื่องซื้อของเราก็ต้องไปซื้อของให้ถูกที่ถูกเวลา แต่ว่าเราซื้อคุณภาพมันก็ไม่ใช่แบบว่าซื้อคุณภาพต่ำไม่ใช่ แต่ว่าของบางที่ราคามันไม่เท่ากันอยู่แล้ว ตลาดบางตลาดราคาก็ไม่เท่ากัน”
ถามต่ออีกว่า แล้วต่อไปร้านนี้จะเป็นอย่างไร “ถ้าปรับเปลี่ยนก็อาจจะทำให้รสชาติมันดีขึ้น และก็บรรยากาศก็น่าจะดีขึ้น เพราะว่าบางทีเราอาจจะเอาไปอยู่ในบรรยากาศที่มันธรรมชาติมากกว่านี้”ฟีดแบ็คการตอบรับจากลูกค้า ก็คือว่าแนวคุ้มค่านี่คุ้มแน่ ๆ อยู่แล้ว เรื่องรสชาติก็ส่วนใหญ่ โอเคอยู่ บางคนก็บอกอร่อยเลย แต่ว่าบางคนก็อาจจะมีรู้สึกว่ารสชาติมันกลาง เกินไป ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ว่าชอบใครชอบมัน เรื่องรสชาติคนแต่ละคนไม่เท่ากัน(อร่อยไม่เหมือนกัน) ก็ย่อมมีเป็นธรรมดา “แต่ว่าเราก็รับคำติชมและก็ปรับปรุงพัฒนาอยู่แล้ว”แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือลูกค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีลูกค้าประจำด้วยจากเป้าหมายของร้านที่ตั้งไว้คือ 250 หัวขึ้นไปต่อวัน ตอนนี้ก็ถือว่าสามารถเดินมาถึงจุดที่มุ่งไปสู่ความคุ้มค่าและ “กำไร” ที่จะได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยต่อไป รวมทั้งยังเกิดการ “บอกต่อ” โดยลูกค้าที่ช่วยทางร้านได้เพิ่มยอดการขายขึ้นมาอีกทางหนึ่งด้วย คุณแทนบอกว่าตรงส่วนนี้ถือว่าดีมาก ๆ สำหรับร้านเลยเพราะจากปกติตั้งแต่เปิดร้านมาก็ยังไม่ได้มีการโปรโมตใด ๆ ผ่านสื่อออนไลน์หรือว่าที่ไหนเลย ลูกค้าที่มาส่วนใหญ่คือเกิดจากการบอกต่อ ๆ กันมาอย่างแท้จริง
จะเห็นได้ว่านับจากวิกฤตโควิด-19 เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ กว่า3 ปีที่ผ่านมาทำให้เสียเวลาในการทำกินและเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ทางออกหนึ่งในเวลานี้คือการลุกขึ้นมาทำกินเริ่มทำอะไรสักอย่างแล้ว ปรากฏการณ์ของธุรกิจค้าขายในลักษณะ “ของถูกและดี” ที่เริ่มมีผู้ประกอบการหลาย ๆ รายต่างพากันออกมานำเสนอทางเลือกให้กับ ผู้บริโภคหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่ตอบโจทย์ตรงใจกัน และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นเรื่องของกินหรืออาหาร คือสิ่งที่ทุกคนต้องกินอยู่แล้ว แต่ถ้าสามารถจับจ่ายซื้อหาได้ในราคาที่ช่วยให้ชีวิตตอนนี้ไปต่อ อย่างไม่รู้สึกว่าตึงมือจนเกินได้ ต้องยอมรับความจริงว่าหลายคนต่างอยู่ในภาวะยากลำบากจากผลกระทบโควิดฯ อยู่มาก การค้าขายบนพื้นฐานเศรษฐกิจที่เป็นไปได้สำหรับคนส่วนใหญ่ เป็นทางเลือก เพื่อรอเวลาสู่เศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นฟูอย่างอู้ฟู่ขึ้นอีกครั้ง เป็นโอกาสและชีวิตใหม่สำหรับคนที่เข้าใจการปรับใช้กลยุทธ์นี้เพื่อการทำกินอย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากร้านข้าวแกงบุฟเฟต์49 บาท สอบถามเพิ่มเติมโทร.099-196-6246
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *