xs
xsm
sm
md
lg

เพนนี ปรับตัวป๊อบคอร์นขนมดังตามกระแส ในยุคกำลังซื้อคนไทยหด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ถ้าพูดถึง ป๊อบคอร์น เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยม เคยสร้างความฮือฮา เมื่อ 4-5 ปีก่อน กับการเข้ามาของแบรนด์ดังระดับโลก อย่าง กาเร็ต ที่มาปฏิวัติวงการป๊อบคอร์นหน้าโรงหนัง เมืองไทย ที่ทำสดและตักขาย เวลากินต้องเข้าโรงหนังถึงจะซื้อกินกัน แต่การเข้ามาของแบรนด์ดังทำให้การซื้อป๊อบคอร์น สามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้ ในแพคเกจจิ้งที่ออกแบบอย่างดี จะกินเวลาไหนก็ได้


ปรับตัวป๊อบคอร์นขนมดังตามกระแส
ในยุคกำลังซื้อคนไทยหด


และกระแสที่มาแรงของป๊อบคอร์นกาเร็ต ทำให้ป๊อบคอร์นหน้าโรงหนังปรับตัว ทำแพคเกจจิ้งให้สามารถซื้อกลับมาเป็นของฝาก และเปิดขายทั่วไป ไม่จำเป็นต้องซื้อเมื่อเวลาเข้าโรงหนังเท่านั้น ด้วยยอดขายและกระแสที่มาแรงของป๊อบคอร์นพรีเมี่ยม ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไม่พลาดที่จะขอมาร่วมวงแชร์ตลาดป๊อบคอร์นกับเขาบ้าง วันนี้ มารู้จักกับ ป๊อบคอร์น ชื่อว่า “Pennii” (เพนนี ป๊อบคอร์น) ของ “พรพิมล ปักเข็ม” (หญิง) ที่เปิดตัวด้วยการชูจุดขายเป็นป๊อบคอร์นราคาพรีเมี่ยม ใช้วัตถุดิบนำเข้าอย่างดี โดยขายผ่านรูปแบบของชอปในศูนย์การค้าดังหลายแห่ง เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าซื้อเป็นของขวัญของฝากช่วงเทศกาลไม่แพ้แบรนด์ดัง

แต่สถานการณ์โควิดทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เจ้าของโรงหนังเองยังต้องหันมาทำตลาดป๊อบคอร์นอย่างจริง ในแพคเกจที่ทุกคนซื้อกลับบ้าน กาเร็ต แบรนด์ดังหันมาเปิดตลาดออนไลน์ ในขณะที่ป๊อบคอร์นเพนนี จากการขายในชอป ศูนย์การค้าดังก็ต้องหยุดชะงักไป 3 ปี และวันนี้ ป๊อบคอร์นเพนนี กลับมาใหม่อีกครั้ง ด้วยกลยุทธ์การตลาดแบบใหม่ ปูพรมไปทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นตลาดออนไลน์ ในร้านสะดวกซื้อชื่อดัง หรือ การนำเข้าไปวางขายในโมเดิร์นเทรด รวมถึง เป้าหมายใหม่ ทาง “เจ้าของแบรนด์” ตั้งเป้าไปให้ถึง และต้องการจะให้เป็นเป้าหมายหลักในการทำตลาดนั่น คือ การสร้างชื่อ ป๊อบคอร์นไทยในต่างประเทศ และเป็นของฝากจากประเทศไทย สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ


ครั้งแรกป๊อบคอร์นสัญชาติไทย

โดยปัจจุบัน มีการนำสินค้าเข้าไปวางขาย ในศูนย์การค้าคิงพาวเวอร์ KING POWER โมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อ ที่เป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวมาใช้บริการ พร้อมกับการออกรสชาติใหม่ที่แสดงถึงอัตถลักษณ์ความเป็นไทย เช่น รสต้มยำกุ้ง รสทุเรียน และ รสไข่เค็ม ซึ่งทั้ง 3 แบบ ทางเจ้าของไม่ได้ให้ลูกค้าได้สัมผัสแค่รสชาติ หรือ กลิ่นเท่านั้น แต่มีส่วนผสมของวัตถุดิบนั้นลงไปในป๊อบคอร์นให้ได้กินกันด้วย เช่น รสทุเรียน ก็จะมีเนื้อทุเรียนที่เป็นทุเรียนฟรีซดรายผสมอยู่ด้วย หรือ ไข่เค็ม ก็ได้สัมผัสเนื้อไข่เค็ม และ สุดท้าย ต้มยำกุ้ง ก็ได้สัมผัสกับเนื้อกุ้ง ที่เติมลงในป๊อบคอร์น ฯลฯ

จากขายคนไทยสู่ ของฝากนักท่องเที่ยวต่างชาติ

พรพิมล เล่าว่า การออกแบบป๊อบคอร์นทั้ง 3 แบบ ออกมา เป้าหมายต้องการจะเป็นของฝากให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และการที่เติมวัตถุดิบหลักของรสชาตินั้นลงไป เกิดจากต้องการให้ต่างชาติได้รู้จักวัตถุดิบนั้น อย่างแท้จริง และวัตถุดิบเหล่านั้นเมื่ออยู่ในป๊อบคอร์น และกินเข้าไปด้วยกัน เกิดการลงตัวอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ช่วยเพิ่มอรรถรสการกินป๊อบคอร์นในอีกแบบ ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนเช่นกัน ส่วนราคาขาย ยังคงราคาเดิม คือ ถุงละ 250 บาท และ ถุงเล็ก 90 บาท บรรจุในแพคเกจ ซิปล็อก ช่วยให้เก็บได้นานขึ้น แม้ว่าจะกินไม่หมดในครั้งเดียว

ปัจจุบันมี ป๊อบคอร์นเพนนี ให้รสชาติเลือกทั้งหมด 8 รสชาติ ประกอบด้วย รสคาราเมล รสคาราเมล สูตรหวานน้อย รสช็อกโกแลต รสชีส รสต้มยำกุ้ง รสทุเรียนหมอนทอง รสไข่เค็ม รสเนยเค็ม ผสม โปรไบโอติก ในส่วนของเนยเค็มผสมโปรไบโอติก ได้ไปคว้ารางวัลเหรียญทอง ในการประกวด INVENTION AND INNOVENTION AWARDS ที่ประเทศอังกฤษด้วย


ที่มาของ ป๊อบคอร์นเพนนี

“พรพิมล” เล่าว่า จุดเริ่มต้นที่เธอมาทำป๊อบคอร์นในครั้งนี้ เริ่มมาจากส่วนตัวชื่นชอบการทำอาหาร ได้ไปเรียนการทำอาหารมาจากสถาบันสอนทำอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ที่ดุสิตธานี และหลังจากเรียนจบได้แสดงฝีมือลองทำอาหารให้เพื่อนกิน และเมนูที่เพื่อนชื่นชอบกันมากนั่นคือ ป๊อบคอร์น ที่ทำให้เพื่อนกิน และกลายเป็นของฝากในช่วงเทศกาลสำคัญ ให้กับกลุ่มเพื่อนๆ คนรู้จัก จนเพื่อนให้ฉายาว่า “หญิง ป๊อบคอร์น” หลังจากนั้นเริ่มทำขายกลุ่มเพื่อนคนที่เคยกินสั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ก็เลยเป็นที่มาของการทำขายจากในครัวหลังบ้าน และค่อยขยับมาทำโรงงาน เพราะตอนนั้น เริ่มคิดว่าจะทำอย่างจริงจัง จำเป็นที่ต้องได้มาตรฐานการผลิต ก็เลยต้องทำโรงงาน ปัจจุบันโรงงานได้มาตรฐาน อย. HACCP ฮาลาล ฯลฯ

โดยเริ่มทำตลาดครั้งแรก จากการเปิดชอป ในห้าง 3 แห่ง สยามพารากอน ไอคอนสยาม และเอ็มควอเทียร์ และเปิดเพิ่มอีกหนึ่งแห่งที่เซ็นทรัลเวิล์ด แต่ปัจจุบันเหลือเพียงสาขาเดียวในห้าง เพราะสู้กับค่าเช่าไม่ไหว ประกอบกับกำลังซื้อคนไทยในห้างฯลดลงไปเยอะมาก เปิดตอนนี้ เพียงสาขาเดียวที่ สยามพารากอน เพราะเป็นห้างที่มีนักท่องเที่ยวทัวร์จีนนิยมเดินชอปปิ้ง


ผลักดันป๊อบคอร์นแบรนด์ไทยโกอินเตอร์

“พรพิมล” กล่าวถึงความแตกต่างของ ป๊อบคอร์น เพนนี กับแบรนด์อื่น ว่า นอกจากเธอจะเลือกใช้วัตถุดิบ เกรดพรีเมียมจากต่างประเทศ เช่น ข้าวโพด ก็ต้องเป็นข้าวโพดพันธุ์มัชรูมจากสหรัฐอเมริกา เนยแท้จากฝรั่งเศส น้ำมันจากเมล็ดชาออร์แกนิก วานิลลาฝักจากมาดากัสการ์ ช็อกโกแลต จากเบลเยี่ยม เป็นต้น และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งไม่ใช่น้ำมันในการอบข้าวโพด แต่ใช้การอบในระบบ Airpop เป็นการอบในระบบสุญญากาศ ซึ่งกระบวนการปรุงก็คัดสรรใช้น้ำมันเมล็ดชา และน้ำตาลดอกมะพร้าวจากโครงการหลวง เป็นแบรนด์เดียวที่ได้ติดตราประทับ “ภัทรพัฒน์” ใช้วัตถุดิบจากโครงการหลวงมูลนิธิชัยพัฒนา ทุกอย่างใช้ต้นทุนวัตถุดิบที่ราคาค่อนสูง ส่งผลต่อราคาขายที่สูงตามไปด้วย คนที่เคยได้กิน และเข้าใจมองว่าไม่ได้ราคาแพงเกินไป เมื่อเทียบกับสิ่งที่เราเสิร์ฟให้กับลูกค้า

“หลังจากสถานการณ์โควิด ทำให้เราต้องมาปรับตัววางแผนการตลาดใหม่ เพราะปัจจุบันกำลังซื้อในประเทศเองลดลงไป ทางเราเองก็ได้ปิดชอปในห้างฯ ไปเกือบทั้งหมด เพราะแบกภาระต้นทุนค่าเช่าตรงนั้นไม่ไหว หันมาทำตลาดที่ต้นทุนไม่ได้สูง และมุ่งเป้าไปที่เป็นของฝากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นหลักมากขึ้น และถ้ามีโอกาสอยากจะไปเปิดทำตลาดในต่างประเทศ เพราะเราเองก็มั่นใจ ว่ารสชาติป๊อบคอร์นของเรา แข่งได้อย่างแน่นอน” พรพิมล กล่าวในที่สุด

ติดต่อ โทร.08-8787-9154



กำลังโหลดความคิดเห็น