ต้องบอกเลยว่า การเข้ามาของกางเกงช้างสินค้าจากประเทศจีน ไม่ได้กระทบกับโรงงานผู้ผลิตกางเกงช้างในประเทศไทย แต่อย่างใด เพราะด้วยกระแสความร้อนแรงของกางเกงช้าง ทำให้ความต้องการมีมาก จนโรงงานผลิตกันไม่ทัน และวันนี้ พามารู้จักกับ ผู้ผลิตกางเกงช้าง ASLASTSHOP ที่เจาะตลาดในกลุ่มพรีเมียม เป็นพรีออเดอร์ สามารถสั่งลายกางเกงช้างที่เป็นแบบเฉพาะของตัวเองได้ กลุ่มลูกค้านอกจากพ่อค้า แม่ค้ารับไปจำหนายแล้ว ยังมีหน่วยงานราชการในแต่ละจังหวัด รวมถึงบริษัทห้างร้าน ที่ต้องการกางเกงช้างไปแจกลูกค้าที่มีโลโก้ที่เป็นแบรนด์สินค้าของตัวเอง
สุชาดา เทพสุวรรณ์ เจ้าของ ASLASTSHOP เล่าว่า โรงงานตนเองรับผลิตกางเกงหลากหลายรูปแบบ รวมถึง กางเกงลวดลายในแบบของกางเกงช้างด้วย คือ ถ้าลูกค้ามีแบบมาทางร้านรับผลิตให้หมด โดยมีผ้าให้เลือก 2 แบบ คือ ผ้าไหมอิตาลี และ ผ้าเรยอน คอตตอนสปัน ซึ่งผ้าทั้งสองชนิด ต้องนำเข้ามาจากประเทศจีน และ มาจ้างโรงงานพิมพ์ลายในประเทศไทย ถ้าเป็นผ้าไหมอิตาลี การทำลายผ้าไม่ต้องใช้งานเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ การสั่งผลิตเพียงแค่มีออเดอร์ ขั้นต่ำ 100 ชิ้น สามารถผลิตกางเกงช้างในแบบลวดลายของตัวเอง หรือ ถ้าเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ลูกค้ามาสั่งทำลายผ้าที่เป็นลายมังกร หรือลวดลายที่เกี่ยวกับเทศกาล และนำไปตัดเป็นกางเกงแบบของกางเกงช้างได้เช่นกัน
ในส่วนของผ้าเรยอนสปัน มีข้อจำกัดในการพิมพ์ ลูกค้าต้องการทำลายผ้าของตัวเอง จะต้องสั่งขั้นต่ำ 3,000 ชิ้น เพราะการทำลายผ้าเรยอนสปัน จะต้องใช้เครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ ต้องใช้โรงพิม์ที่มีเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ ไม่สามารถพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิตอลเล็ก เหมือนกับผ้าไหมอิตาลีได้ ข้อดีของผ้าทั้งสองชนิด แตกต่างกัน ผ้าเรยอนสปัน นิยมกันมากในช่วงหลังๆ เพราะมีข้อดี คือ ระบายอากาศได้ดี สวมใส่สบาย เหมาะกับอากาศในบ้านเรา แต่ตอนหลังผ้าไหมอิตาลี ได้มีการออกแบบให้สามารถระบายอากาศได้ดี ราคาของผ้าทั้งสองชนิด แตกต่างกันมาก ไหมอิตาลี ตัดกางเกงช้าง ขายในราคาตัวละ 110 บาท ส่วนของเรยอน สปัน ขายในราคาตัวละ 89-92 บาท ราคาขึ้นอยู่กับความยากง่ายของลายผ้าด้วย
สำหรับ กลุ่มลูกค้าของ ASLASTSHOP ประกอบไปด้วย พ่อค้าแม่ค้า ที่รับกางเกงช้างไปขาย และกลุ่มลูกค้าที่เป็นหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน ตอนหลังในแต่ละจังหวัดเริ่มทำลวดลายที่เป็นของจังหวัดตัวเอง เช่น จังหวัดลพบุรี เป็นรูปลิง เป็นต้น ที่ผ่านมาได้มีการออกแบบลวดลายให้หลายจังหวัด ทั้งกรุงเทพฯ อุตรดิตถ์ น่าน และนครสวรรค์ หลังจากที่มีกระแสของกางเกงช้างที่ได้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ในแต่ละจังหวัดได้นำลายจังหวัดของตัวเอง มาสั่งผลิตที่โรงงานของเรา
โดยเริ่มทำกางเกงช้างอย่างจริงจังได้ประมาณ 1-2 ปี มานี่เอง จากเดิมไม่ได้ทำกางเกงช้าง ทำกางเกงแบบอื่นๆ เริ่มจากทำกางเกงบ็อกเซอร์ ชื่อแบรนด์ว่า สยามบ็อกเซอร์ และไลฟ์สดขายทางออนไลน์ มีการโปรโมทช่องทางออนไลน์ มีคนรู้จักเยอะ แต่พอมีกระแสกางเกงช้าง เลิกผลิตกางเกงทุกแบบเลย เพราะทำแค่กางเกงช้างอย่างเดียวก็ทำไม่ทันแล้ว ออเดอร์เข้ามาต่อเดือนประมาณ 20,000-30,000 ตัว และมีบางส่วนที่ส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ และเกาหลี ทุกประเทศเค้าจะมีแบบมา แต่ส่วนใหญ่ในต่างประเทศ ก็จะเป็นลายช้างที่ลายยอดนิยมเมืองไทย
ในส่วนของลูกค้าที่รับไปขายต่อ ถ้าเป็นผ้าไหมอิตาลี ขายในราคาตัวละ 200-300 บาท ราคาของเราค่อนข้างสูง เพราะเน้นขายคุณภาพ เป็นหลัก สินค้าของเราไม่ได้อยู่ในกลุ่มของสินค้าราคาถูกที่ขายตลาดสำเพ็ง พาหุรัด ของเราเป็นพรีออเดอร์ ลายเฉพาะที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ รวมถึงการตัดเย็บละเอียดและเนื้อผ้าที่เลือกมาใช้เป็นเกรดคุณภาพ เราจึงไม่ได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของสินค้าจากประเทศจีน เนื่องจากลูกค้าคนละกลุ่ม ออเดอร์ของเรายังคงเต็มตลอด ตั้งแต่หันมาทำกางเกงช้าง มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทุกเดือนมีออเดอร์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
สุชาดา เล่าว่า เดิมเธอเป็นพนักงานประจำ เหมือนคนอื่นๆ แต่ค่าใช้จ่ายค่าครองชีพที่สูงขึ้น เงินเดือนประจำเริ่มไม่พอกับค่าใช้จ่าย เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา ตนเองตัดสินใจออกจากงาน โดยตอนนั้นไม่เงินทุน แต่ได้มาหุ้นกับเพื่อน ลงเงินกันคนละ 5,000 บาท ไปซื้อผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บแบบง่าย ตอนแรกยังใช้กรรไกรตัดผ้ากันอยู่เลย เริ่มจากทำกางเกงบ็อกเซอร์สยาม ไลฟ์สดขาย ผลตอบรับออกมาดีเลยจนค่อยขยับขยายจากเย็บผ้าโต๊ะเดียวมีเพิ่มโต๊ะขึ้นเรื่อย จนวันนี้ ได้เปิดมาเป็นโรงงานผลิต ส่วนหนึ่งมาจากกระแสของกางเกงช้างด้วย เพราะในช่วงที่เริ่มมีกระแสกางเกงช้าง เราก็เริ่มหันมาผลิตแต่เป็นทรงเดียวกับกางเกงช้างก่อน และเป็นลายตามที่ลูกค้าต้องการ บางส่วนก็เป็นลายที่เราออกแบบด้วย
สุดท้าย แม้ว่ากางเกงช้างจากประเทศจีน จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยไม่ได้ เป็นการเปิดโอกาสให้กับโรงงานผู้ผลิตที่เป็นคนไทย ได้มีโอกาสสร้างรายได้ จากการทำกางเกงช้าง ซอฟต์พาวเวอร์ด้านแฟชั่น จากประเทศไทยขาย อย่างไรก็ดี ผ้าที่ผู้ประกอบการนำมาใช้ตัดเย็บ ก็ยังคงผ้าที่นำเข้าจากประเทศจีน แต่สุดท้ายรายได้ก็ยังเป็นของผู้ประกอบการโรงงานผลิตเสื้อผ้าจากประเทศไทย แม้ว่าจะเสียเปรียบเรื่องค่าแรงที่สูงกว่า แต่เมื่อเทียบคุณภาพ ลูกค้าเลือกที่ซื้อสินค้าคุณภาพจากประเทศไทย
ติดต่อ WWW.ASLASTSHOP.COM