“เราต้องสร้างตัวตน สร้างซิกเนเจอร์ แล้วก็สร้างสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นแค่นั้นเลย เพราะจริง ๆ แล้ว “ทำเลที่ดีที่สุด” ของเรามันคือ ออนไลน์ ทำไมร้านลับคนถึงไปเยอะ ออนไลน์ค่ะ ถ้าร้านเราเจ๋งพอ มีซิกเนเจอร์พอ น่าไปพอ อร่อยพอ ทุกอย่างเตะตาพอ มันจบ!”
จากเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง “1,000 กว่าบาท” ในวันนั้นผ่านมา 3 ปีกว่าถึงตอนนี้กับการต่อยอดสู่ธุรกิจล่าสุด “ร้านยำกุ้งแซ้บ” แบบมินิ ๆ และการสร้างภาพจำให้กับคนทั่วไปได้รู้จักด้วย “รถจักรยาน” เพื่อตอกย้ำเรื่องการสร้างแบรนด์ “Baanjoy ครัวบ้านจอย” ไปด้วยที่ช่วยแจ้งเกิดแม่ค้าออนไลน์เป็นอาชีพใหม่ให้กับ “จอย - ศรัญย่า นวลวัน” หลังการตกงานแบบ 100% พร้อมรายได้เป็น “0” ทันที! เมื่อโควิด-19 มา“ก่อนหน้านั้นจอยจะเป็น “นักร้อง” ในผับมาก่อนแล้วช่วงนั้นก็คือ โควิดฯ ก็เลยโดนปิดก็เลยต้องมาทำอาชีพที่เป็นขายของออนไลน์ที่บ้านค่ะ” ตกงาน 100% อาชีพแรกเลย ในขณะที่ตนเองพอมีความถนัดทางด้าน “การทำอาหาร” ที่รองลงมาจากการร้องเพลง เพราะว่าตอนนั้นนอกจากร้องเพลงแล้วเป็นคนชอบทำอาหารทานอยู่ที่บ้านแล้วก็จะมีบางช่วงก็จะมีขายออนไลน์แบบพรีออร์เดอ ช่วงที่วันไหนว่าง ๆ บ้าง ตั้งแต่เป็นนักร้องแล้วก็เลยมาเป็นจุดพลิกผันที่มาเป็นแม่ค้าขายของที่บ้าน “เริ่มต้นจากออนไลน์ขายที่บ้านเป็นแบบ พรีออร์เดอ ตอนนั้นไม่มีแนวชัดเจนเลยค่ะ เพราะว่าตอนนั้นจอยไม่รู้ว่าลูกค้าเนี่ยต้องการอะไร เพราะว่าเราไม่เคยทำอาหารขายมาก่อนมันก็เลยเกิดเหตุการณ์ที่เราทำอาหารหลาย ๆ อย่างมาเสนอลูกค้า เมนูไหนที่คนมาสั่งซ้ำเราก็จะเก็บไว้แล้วก็มาลิสต์ไว้ เมนูไหนที่คนไม่สั่งซ้ำเราก็จะทิ้งไป ประมาณนั้นแต่ว่า ก็จะทำเมนูใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”
เริ่มต้นใหม่ สร้างธุรกิจด้วยทุน 1,000 บาท
ที่มาของแบรนด์ “Baanjoy ครัวบ้านจอย” จอยบอกว่าเริ่มต้นมาจากเงิน 1,000 กว่าบาท“1,000 กว่าบาทเริ่มต้นคือ ตกงาน ตังค์เก็บตอนนั้นจอยมีอยู่แค่ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท แต่ตังค์เก็บตรงนั้นใช้ไม่ได้เพราะว่าจอยต้องเอาไว้ผ่อนรถ แล้วทีนี้จอยก็เลยต้องทำอะไรที่มันแบบ ก็เริ่มต้นจาก1,000 กว่าบาทแต่จอยเอามาใช้เป็นพรีออร์เดอเอา มีออร์เดอมาเท่าไหร่เราก็ไปซื้อของมาทำเท่านั้น ใช่เพราะว่าถ้าเกิดเราซื้อของมาทำก่อนเลย เราก็ไม่รู้จะมีลูกค้าหรือเปล่าอย่างเงี้ยค่ะ แล้วพอเรามาทำพรีออร์เดอได้กำไรมาเรามาต่อยอด ได้กำไรมาเราต่อยอด ได้กำไรมาเราต่อยอด จอยใช้วิธีนี้” ตอนแรกก่อนจะไปเจอ “กุ้งดองซีอิ๊ว” ก็ได้เจอกับลูกตาลนมสดก่อน ก็คือบูมแบบว่ามีคนมาสั่งซ้ำ คนมาสั่งไปลงขาย คนมาซื้อแบบไปขายต่อ เยอะมาก ๆ ก็จะมาบูมตรงนั้นก่อน แต่ธุรกิจตรงนั้นมันไปต่อไม่ได้เพราะว่า กำไรมันน้อย! แล้วมันเหนื่อย รู้สึกว่าจะต้องหาโปรดักส์ใหม่ “ก็ทำไปเรื่อย ๆ จนมาเจอ “กุ้งดอง-แซลมอนดอง” เนี่ยค่ะซึ่งก่อนจะมาเจอกุ้งดอง-แซลมอนดองอ่ะ จอยทำมาประมาณแบบเกิน30 เมนูคือเยอะมาก อันไหนไม่ดีก็ทิ้งแล้วหาใหม่ อันไหนไม่ดีก็ทิ้งแล้วหาใหม่ อันไหนไม่ดีก็ทิ้งแล้วหาใหม่ หรือแม้กระทั่งเจอแล้วรู้สึกว่ามันได้น้อยอยู่ก็ทิ้งแล้วหาใหม่ ประมาณนั้น”
“กุ้งดอง-แซลมอนดอง” พลิกชีวิต!
ตอนนั้นที่จอยทำที่มาบูมลูกตาลนมสดก็ได้เงิน “6 หลัก” แต่ว่ากำไรน้อยมาก เพราะว่าขนมกำไรมันจะน้อยก็เลยเปลี่ยนมาเป็น “กุ้งดอง” ที่มาเจอจนปัจจุบัน มันก็จะกำไรได้เยอะกว่า ผลตอบรับดีกว่า คนกินได้บ่อยกว่า ประมาณนั้น “จริง ๆ สินค้าตัวนี้ของจอย มันเริ่มมาจากก่อนหน้านี้จอยมี Baanjoyครัวบ้านจอย ที่เป็นกุ้งดอง-แซลมอนดองอยู่แล้ว กระแสตรงนั้นก็เยอะอยู่ เพราะว่าของจอยมันจะบูมตั้งแต่ช่วงที่เป็น “โควิดฯ” เพราะว่ามีคนรับไปขายในช่วงนั้น เราดองเองแล้วก็ส่งให้ลูกค้าเขารับไปขายให้มีอาชีพช่วงนั้น แต่พอโควิดฯ มันซาไปเนี่ย คนที่เคยตกงาน เขาก็กลับไปมีอาชีพ ทีนี้เราก็เลยต้องเปลี่ยน ปรับกลยุทธ์ใหม่” ถ้าเรายังแบบว่าฉันจะอยู่ตรงนี้ ฉันยังจะขายออนไลน์ ตายแน่นอน! โอกาสเจ๊งสูงมาก เพราะพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยน เราก็เลยต้องปรับ“จอยก็เลยไปมี “หน้าร้าน” แต่หน้าร้านของจอยความที่จอยคือเป็นคน ถ้าเอาตรง ๆ จอยเป็นคนขี้เกียจจัดของเยอะ หรือว่ามีร้านเยอะ ๆ ต้องมีอะไรพวกนี้เยอะมันเลยทำให้ จอยคิดโมเดลธุรกิจที่มันจะง่าย ย่อส่วน จัดการง่ายขึ้น เคลื่อนย้ายง่าย ทำยอดขายได้เยอะอะไรเงี้ย” เขาเรียกว่าปรับตามพฤติกรรมลูกค้า อย่างโควิดฯ คนอยู่บ้านเราแค่ขายออนไลน์ พอตอนนี้โควิดฯ ซาลงเราก็แค่ไปมีหน้าร้าน ออกไปหาเขาแค่นั้นเอง
ต่อยอดสู่ร้านยำ(ไซส์มินิ ๆ) เคลื่อนที่ได้
“จอยต้องการสร้างภาพจำ สร้างซิกเนเจอร์ของแบรนด์ เพราะว่าของจอยเนี่ยขายอาหารที่คนอื่นเนี่ยขายกันอยู่แล้ว แต่สิ่งเดียวที่จะทำให้คนจดจำจอยได้ก็คือ จอยสร้างซิกเนเจอร์อย่างเช่น สร้างจักรยานขึ้นมา สร้างรูปแบบให้คนจำขึ้นมา”แบบแรกก็คือเป็นรถเข็นช่าง มันจะมีขนาดเล็ก(ประมาณครึ่งหนึ่งของจักรยาน) แต่ว่าก็เกิดอุบัติเหตุในการ “คว่ำ” ก็เลยทิ้งไป ออกตัวใหม่อีกตอนแรกจะเป็น “รถไฟฟ้า”เหมือนรถกอล์ฟแต่ว่าเล็กกว่า จนกระทั่งมาเจอ “จักรยาน” ก่อนก็เลยเอามาลองทำดูก่อน ก็ได้เป็นแบบจักรยานขึ้นมา พอได้จักรยานแล้วลองทำเพิ่มขึ้นมาอีกก็ไปเจอรถลากที่เป็น “รถแคมป์” เอาลองมาทำดูอันนั้นก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ถ้าฝนตกมันจะลำบากมาก ก็เลยหาใหม่ก็ไปเจอรถเข็นผักลองเอามาโมลด์ดู อันนี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน สรุปก็ใช้ได้ “จักรยาน” กับตัว “รถเข็นผัก” เป็น2 โมเดลหลักที่ใช้ได้จริง สามารถใช้ได้ครบหมดไม่ว่าหน้าฝนหรืออะไร
“คือตอนแรกตอนที่จอยทดลอง จอยต้องทดลองเองก่อนว่ามันขายได้จริงมั้ย มีลูกค้ามาซื้อซ้ำเท่าไหร่ ไม่ใช่จอยยังทำไม่ได้แล้วก็จอยปล่อยเลยไม่ใช่ ซึ่งจอยมีคนติดต่อที่จะแบบมาซื้อแฟรนไชส์ตั้งแต่แรกแล้ว แต่จอยยังไม่ปล่อยเพิ่งจะมาปล่อยช่วงเดือนหลังที่เราทดลองไป ว่ามันมีคนมาซื้อซ้ำนะ มันขายได้จริงอะไรประมาณนั้น แล้วเรามีให้ดูจริง ๆ หรือบางคนน่ะค่ะก่อนจะซื้อ เขามานั่งดูเรามาดูเราขายจริง ๆ ว่ามันขายได้จริง เขาก้ตัดสินใจซื้อไปเอง”ด้วยคอนเท้นต์ที่ทำออกไปของจอย ไม่ได้มีโพสต์การปล่อยแฟรนไชส์หรือขายของหรืออะไร โชว์วิถีอย่างเดียวเลย ทำยังไงเหมือนกับเป็นการให้ “ไอเดีย” ในการสร้างอาชีพของเขาด้วย อันไหนที่ตัวเองผ่านประสบการณ์มาก็จะเอามาลงในโพสต์ไว้ ก็เลยทำให้คนสนใจตัวนี้เยอะ
“ของดองเหมือนเดิมแต่มีเปลี่ยน แพ็คเก็จจิ้ง เพราะว่าเราจะลดปริมาณลงมาเพื่อเราจะปรับราคาลงมานะคะ และก็ส่วนของแซ้บเนี่ยเราก็เอาน้ำจิ้มของ Baanjoy มาปรับปรุงนิดหน่อยก็จะมีการทำเป็นเมนู ยำกุ้งแซ้บ และก็หอยนางรมยำแซ้บ ที่ราคาเริ่มต้น 60 บาท พร้อมทาน สามารถ take away พร้อมทานแบบว่า take home ได้เลยทุกอย่างกินได้ตอนนี้เลย หรือว่าไปกินที่บ้านก็ได้ ทุกอย่างแบบง่ายหมด” เมนูก็จะมี ยำกุ้งแซ้บ หอยนางรมยำแซ้บ ม่อน-กุ้งดองซีอิ๊ว(อันนี้จะขายดีเพราะว่ามันเป็นแบบรวม) แล้วก็จะเป็นกุ้งดองแยก แซลมอนดองแยก ซึ่งสำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของร้านก็จะเป็นกลุ่มอายุระหว่าง 25-35 ปี หลัก ๆ จะเป็นกลุ่มอายุประมาณนี้เลย“ของเราก็จะเป็นครัวกลางให้สำหรับการปรุงน้ำจิ้มนะคะ ลูกค้าก็จะมีการเตรียมของสด พวกหอยนางรม พวกกุ้งและก็ผักบางชนิด หลัก ๆ คือเราจะไม่มีการผูกมัดการเสียรายปี เราจะไม่มีการเสียแรกเข้า สิ่งที่จะต้องซื้อกับเราก็มีแค่ หอมเจียว ถุงหิ้วแบรนด์ และก็น้ำจิ้มสำหรับปั่นแค่นั้น ทุกอย่างสามารถจัดเตรียมเองได้เลย และก็ “ของดอง” ก็จะเป็นครัวกลางให้เหมือนกันเขาก็จะรับไป มีราคาส่ง”
สำหรับแฟรนไชส์จะมีอยู่ 3 ไซส์ ก็คือว่า ไซส์แรกไม่บังคับ จะเป็น “ป้าย” ไปติดคีออส บางคนมีหน้าร้านอยู่แล้วอยากเอาป้ายไปติด แบบที่ 2 เป็นรถเข็น (ที่เป็นรถเข็นผัก) และแบบที่ 3 จักรยานจะเป็นไซส์แอล(L) ไซส์ใหญ่สุด“จักรยานนี่คือคนถามเยอะมาก แต่ราคามันสูง เห็นจักรยานหนูแบบนี้บางคนคิดว่าถูกนะ มันไม่ได้ถูกอย่างที่คิด”แฟรนไชส์จะอยู่ที่ 38,900 บาท(จักรยาน) พร้อมอุปกรณ์การขายทุกอย่างครบ เตรียมของสดอย่างเดียว ส่วนรถเข็นก็จะได้ทุกอย่างครบเหมือนกันโดยราคาของรถเข็นจะอยู่ที่ 29,900 บาท หลังจากนั้นอะไรหมดแล้วถึงค่อยสั่งเพิ่มได้เรื่อย ๆ
สร้างรายได้ 2-5 พันใน 3 ชม./วัน!!! แบบไร้ภาระค่าที่
รูปแบบของการขายของร้านยำกุ้งแซ้บคือจอยบอกว่า จะเป็นการไปจอดรถเข็น/หรือว่ารถจักรยานซึ่งเป็นร้านยำไว้กับที่โดยจะมีจุดที่จอดอยู่เป็นประจำ อย่างของจอยเองจะมีจุดประจำอยู่ที่ปากซอยลาดปลาเค้า 29 ตรงนั้นก็จะใกล้กับบริษัทต่าง ๆ ใกล้กับย่านที่เป็นออฟฟิศ แล้วก็คือจะขายให้กับลูกค้าในช่วงเย็นเพราะว่าเมนูของจอยจะเหมาะกับช่วงเย็นมากกว่า “ตอนจอยทำกุ้งดองแซลมอนดองเป็นกระแส ใช่! แต่พอช่วงนี้มันเหมือนกระแสมันหายไปแต่ของจอยยังดี จอยอยู่ช่วงต้นน้ำเลยมีฐานลูกค้าค่อนข้างเยอะ ที่จอยทำเมนูนี้เพราะว่ามันเป็นสินค้า mass ทำไมจอยถึงเลือกเป็น “ยำกุ้งแซ้บ”เป็นยำหรืออะไรพวกนี้ เพราะว่ายำเนี่ยมันคู่กับคนไทยอยู่แล้วมันเป็นสินค้า mass ใช่! แล้วจอยก็เลยรู้สึกว่าไอ้ตัวนี้แหละมันไม่ใช่สินค้ากระแส มันสามารถที่จะขายได้เรื่อย ๆ แล้วคนกินได้เรื่อย ๆ แต่เราแค่จะต้องทำยังไงให้คนจดจำเราได้ สร้างซิกเนเจอร์เรายังไง” การสร้างรายได้ของร้านยำกุ้งแซ้บสำหรับจอยในโมเดลขนาดเล็กขนาดนี้ 3-5 พันบาทใน 2-3 ชั่วโมง สำหรับจอยคือถือว่าเยอะแล้ว! ถือว่าพึงพอใจเพราะว่าบางร้านหรือเป็นสเกลใหญ่บางครั้งยังอาจทำไม่ได้เลยในยอดนี้ หรือบางครั้งเป็นร้านใหญ่แต่หักกำไรมาหักค่าลูกน้องมาหักค่าที่มา อาจจะเหลือเท่าจอยก็ได้“เหลือเยอะกว่า ทำน้อยกว่า ไม่ต้องจ้างคน ไม่ต้องเสียค่าที่ ประมาณนั้นค่ะหรือ ถ้าเราไปทำร้านใหญ่ ๆ หักค่าที่แล้ว หักค่าเด็กแล้ว หักทุกอย่างแล้วค่าน้ำมันนู่นนี่นั่นแล้ว หักค่าต้นทุนแฝงแล้วจะเหลือเท่าจอยใน ณ เวลาตอนนี้ก็ได้ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเราโอเคกับโมเดลธุรกิจนี้มาก ๆ ทำคนเดียว ขายไม่นาน จัดการง่าย ล้างของน้อย ทุกอย่างเป็นระบบที่มันง่ายหมดเลยค่ะ มันก็เลยรู้สึกว่ามันตอบโจทย์แล้วเราโอเคกับธุรกิจตัวนี้มาก ๆ”
ส่วนในเรื่องของ “กำไร” จากการทำร้านแฟรนไชส์ของยำกุ้งแซ้บ ขั้นต่ำคือจะได้ 41% เป็นต้นไปโดยคิดจาก ราคาต้นทุนที่ร้านแม่วางเอาไว้แล้ว แต่ถ้าเกิดว่าสามารถหาต้นทุนได้ถูกกว่านี้อีกแล้วคุณภาพเดียวกันไม่แตกต่างเลย ก็สามารถที่จะได้กำไรเพิ่มขึ้นมาอีกเหมือนกัน“จริง ๆ คือถ้าทำเลดี ๆ เลยนะเดือนเดียวก็สามารถคืนทุนแล้วเพราะว่าอย่างร้านสาขาของจอยที่หัวหินแป๊บเดียว ยังไม่คืนทุนนะคะเขาขาย 3 วันได้ 8,000 นี่ถือว่าเยอะนะคะสำหรับร้านโมเดลขนาดเล็กแล้วเพิ่งเปิด นี่คือเขาทดลองขายแบบหน้าบ้านที่เป็นทำเลไม่ค่อยดีเลยค่ะ 3 วันเขาขายได้ 8 พันซึ่งเขาบอกกับจอยว่า ซึ่งมันดีแล้วกับโมเดลธุรกิจเล็ก ๆ แบบนี้มันไม่ต้องไปตลาด ไม่ต้องไปมีค่าที่ หรือไม่ต้องไปอะไร ฯลฯ ส่วนที่เขาลองไปขายตลาดดูน่ะค่ะที่เขาไลน์มา เขาบอกว่าพี่จอยขายได้ประมาณ 3,700 โอเคมากแล้วนะ เพราะรู้สึกว่ามันขายง่ายแล้วมันเป็นราคา 60 บาท ถ้าขายได้ 3,700 คือมันเยอะ อันนี้คือเป็นความพึงพอใจของลูกค้า”แต่สำหรับจอยคือวางเอาไว้ว่า โมเดลนี้มันไม่ได้ต้องการเยอะแบบขนาดนั้น แต่มันได้ขนาดนี้ก็ถือว่าโอเคแล้วในโมเดลร้านเล็กขนาดนี้“อย่างของจอยเองอยู่ลาดปลาเค้า 29 ใช่มั้ยคะ จอยตั้งไว้จริง ๆ จอยขายได้แค่ 2-3 ชั่วโมงเพราะพนักงานเลิกงานประมาณนั้นใช่มั้ยคะ จอยตั้งไว้ประมาณแค่ 2,000 ก็คือดีใจแล้วนะตอนนั้น ประมาณนั้นคือเราไม่ได้คิดว่ามันจะได้เยอะเพราะว่า แต่สุดท้ายได้พีคสุด ๆ ก็คือ 5,000 บาทในเวลา 2-3 ชั่วโมงแค่นั้น”
เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตก็เปลี่ยนได้!
จอย-ศรัญย่า นวลวัน เจ้าของแบรนด์ “Baanjoy ครัวบ้านจอย” และร้าน “ยำกุ้งแซ้บ” ยังบอกด้วย เราสามารถเริ่มต้นเท่าที่ตัวเองมีได้ ธุรกิจใหญ่โตมันสามารถเริ่มจากเล็ก ๆ ได้ จอยเองก็เริ่มมาจากเล็ก ๆ จนมันโตได้ จนมีคนรับไปขายแบบสูงสุดของจอยถึงประมาณ 60 จุด(60 กว่าจุด) ก็เริ่มจาก1,000 กว่าบาทเล็ก ๆ“อย่างจอยก็คือวางโมเดลขนาดเล็กไว้อยู่แล้ว ไม่ได้อยากทำร้านใหญ่ ๆ เลย จอยรู้สึกว่าร้านใหญ่ ๆ เนี่ยมันมีต้นทุนเยอะ การโตมันไม่จำเป็นต้องโตเป็นร้านใหญ่ก็ได้ เพราะว่าอย่างอาหารของจอยมันเป็นการ take away เนาะเดินกินได้ จอยจับตลาดที่เป็นตลาดแนวนี้เพราะตั้งใจอยู่แล้วว่าจะทำแนวนี้ ก็เลยจะยึดตลาดแบบนี้ไปตลอด”แต่ว่าจะมีการทำโปรเจ็คต์ใหม่อย่างตอนนี้ของจอยเหมือนคนที่มาติดตามส่วนใหญ่ เป็นคนอยากทำอาชีพแล้วบางคนไม่มีเงิน ก็มีโปรเจ็คต์ใหม่ขึ้นมาทำให้สำหรับคนที่งบน้อยแต่อยากสร้างอาชีพขึ้นมาเอง “มันเหมือนกับเหมือนจอยได้เห็นอะไรบางอย่าง เหมือนอยากช่วยคนเพิ่มเติม เพิ่ม ๆ อีกอย่างเงี้ยค่ะก็จะมีโปรเจ็คต์ใหม่เพิ่มเติมสำหรับคนที่งบน้อยด้วย แต่ก็จะไม่ใช่ยำกุ้งแซ้บ เพราะว่าจอยรู้สึกว่าจอยมีไอเดียในการทำธุรกิจเยอะในหัว แล้วรู้สึกว่าเหมือนเราอยากจะช่วยเขาด้วย เนี่ยค่ะที่จอยวางไว้ในอนาคต”ไม่ได้อยากจะขยายร้านใหญ่โตมีหลาย ๆ สาขาไม่! แต่คือมันมีอะไรที่รู้สึกว่าได้สร้างประโยชน์ให้กับเหมือนได้สร้างอาชีพให้กับใครสักคนด้วย มันเหมือนกับการได้ช่วยคนตอนนี้ที่วางไว้คืออยากเป็นแบบนั้น
“อุปสรรค ทำเล หรือว่าวิกฤตนู่นนี่นั่น ไม่เป็นอุปสรรค! อุปสรรคอยู่ที่ตัวเรา ใจ ความคิด ถ้าเราคิดว่ามันเป็นอุปสรรคหรือวิกฤตมันก็คือวิกฤต! แต่ถ้าเราคิดว่ามันเป็น เออมันเป็นโอกาส Challenge ตัวเองให้มันทำอะไรใหม่ ๆ แหละ มันก็จะปรับ mindset ว่าเออลองทำดูสิ” จอยรู้สึกสนุกจอยชอบ เกิดมาเพื่อเป็น “แม่ค้า” จอยรู้สึกว่าสิ่งที่จอยทำมันดี มันดีต่อคนอื่นด้วย เพราะจอยรู้สึกว่าสิ่งที่จอยนำเสนอไปมันสร้างแรงบันดาลใจ“อึ้ย!เราสามารถมีร้านเล็ก ๆ แบบนี้ได้ด้วยนะ” จอยรู้สึกดีมากกว่า แล้วหลาย ๆ คนมาขอบคุณในวิดีโอต่าง ๆ ของจอยที่ทำเพื่อจะสื่อออกไป “จอยรู้สึกดีมากจอยทำคลิปมาแล้วมีคนขอบคุณ จอยรู้สึกว่าเออนี่แหละรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำไปมันเป็นประโยชน์กับคนอื่น”
เปลี่ยนอุปสรรคหรือวิกฤตที่มีให้เป็นโอกาส Challenge ตัวเอง เพื่อเปิดใจในการลองทำสิ่งใหม่ ๆ ความมั่นคงอยู่ที่ตัวเรา เราสามารถทำทุกอย่างให้เกิดขึ้นมาเองได้ด้วยตัวเราเอง ขอบคุณเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจดี ๆ จากแม่ค้าคนสวยของเรา “จอย-ศรัญย่า นวลวัน” ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์แห่งความสำเร็จและพร้อมที่จะแบ่งปันกับทุก ๆ คนที่มีความตั้งใจจริง อยากจะเปลี่ยนอยากจะสร้างอาชีพขึ้นมาด้วยตัวเอง สามารถติดตามผลงานได้ทาง เพจ/เฟซบุ้ก: Baanjoy ครัวบ้านจอย เพจหลักTikTok :@baanjoy_kitchen หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร.061-551-4266
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *