“ขายบัวลอยถ้วยก่อนซึ่งขายดีมาก ๆ จนกระทั่งเริ่มเห็นว่าลูกค้าชักจะเบื่อแล้วก็เลยลองทำอย่างอื่นบ้างเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ ๆ แรกเลยใจคิด “ลอดช่องอัญชัน” แต่ว่าตอนนั้นคนไม่รู้จักก็เลยทำ 3 สีก่อนขายดี! ตอนหลังค่อยมาเน้นอัญชันสีเดียว”
บรรยากาศการค้าการขายของตลาดนัดต่าง ๆ ยามนี้ไปที่ไหน ๆ ได้เห็นความคราคร่ำของผู้คนที่ออกมาเดินจับจ่ายซื้อหาของกินของใช้ กันอย่างหนาตามากขึ้นภาพต่างกับช่วงก่อนหน้านี้เราต้องระทมทุกข์กับ “โควิด19” ทำมาหากินอะไรก็ยากไปเสียหมดสิ้นมันทุกอย่าง แต่ตอนนี้ตลาดนัดทั้งน้อย-ใหญ่เริ่มกลับมาคึกคักดังเดิมได้อีกครั้งแล้ว รวมถึงชีวิตของพ่อค้าแม่ขายหลาย ๆ คนเริ่มลืมตาอ้าปากได้จากการที่ตลาดฟื้นคืนกลับมา “น้อง-นุสรา อินตะนัย”คือหนึ่งในจำนวนนั้นและเพื่อน ๆ ที่ค้าขายอยู่ในตลาดนัดวัดนาวง(ดอนเมือง/เขตปทุมธานี) แห่งนี้ก็เฉกเช่นเดียวกัน เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยเงินทุน “หลักร้อย” ที่เหลือติดอยู่ในกระเป๋าตอนนั้นแค่ไม่กี่ร้อยบาทเลยจริง ๆ มาจับทำอาชีพค้าขายของกินอย่างเป็นเรื่องเป็นราวยาวนานมาจนถึงตอนนี้ได้ เริ่มจากการขาย “บัวลอยถ้วย” แต่ก่อนหน้านั้นก็เคยมีกิจการร้านขายเสื้อผ้าเด็กอยู่ที่ประตูน้ำขณะที่ “สามี” ก็ทำงานประจำจนกระทั่งพอโควิดฯ มาทั้งสองคนโดนผลกระทบเข้าอย่างจัง ๆ ไร้งานไม่มีรายได้แต่ยังมีรายจ่ายเยอะแยะรอบตัวที่ค้างคา หมุนทุกอย่างพยายามหันทำหลายทางแต่ทว่าไม่เป็นผลช่วงนั้นอะไร ๆ ก็ดูเหมือนจะแย่ไปเสียมากกว่าดี มรสุมหลายเรื่องถาโถมเข้ามาพร้อมกัน ที่กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางได้ในที่สุดนั้นไม่ง่ายเลย
น้องเล่าให้ฟังว่าพอชีวิตเดินมาถึงจุดที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่า คุณต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว! หลังจากที่ผ่านมามีคนช่วยเหลือแต่เมื่อทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นสักทีมีทางเดียวคือต้องพยายามหาทางด้วยตัวเอง และจากเดิมคือเป็นคนที่ชอบทำอาหารอยู่แล้วก็เลยคิดว่างั้นลองทำบัวลอยขายดูซึ่งสูตรการทำก็ไม่ได้มาจากไหนอื่นไกล ดูในยูทูบหลาย ๆ ที่สูตรของแต่ละคนที่เขาทำแล้วลองนำมาประยุกต์เป็นแบบของตัวเองอีกที โดยมีเพื่อนบ้านที่เป็นคนคอยช่วยชิมให้ก่อนถ้ารสชาติผ่าน! แล้วจึงจะค่อยลองนำออกขายดู จากครั้งแรกเลยทำแบบสำเร็จคือเป็น “บัวลอยถ้วย” ได้20 ถ้วยไปลองขายตอนเช้าหน้าวัดเผื่อคนเขาจะซื้อใส่บาตรกันซึ่งสรุปว่าวันแรกนั้นขายได้หมดเกลี้ยง! ก็เลยทำต่อมาเรื่อย ๆ ช่วงแรกของการขายก็ไปขออยู่กับแผงของพี่สาวก่อน จนเริ่มขายดีขึ้น ๆ จากตอนแรกทำแค่บัวลอยเผือกอย่างเดียวก็มีลูกค้ามาบอกให้ทำแบบใส่ไข่ด้วยสิ! เริ่มมีใส่ไข่ด้วย และในช่วงนั้นมีความนิยมเรื่องบัวลอยที่แต่งหน้าด้วยท้อปปิ้งต่าง ๆ ซึ่งก็มีการทำด้วยตามที่ลูกค้ามาบอกให้ทำ ทั้งออกขายตลาดนัดด้วยและมีออร์เดอจากลูกค้าประจำที่มาสั่งให้ทำไปส่งให้ทีละเป็นหลักร้อยถ้วยก็มี การตอบรับจากลูกค้าตอนนั้นก็คือว่า “แป้งนุ่ม” กินอร่อยดีไม่เหมือนของเจ้าอื่น ขายได้ต่อวัน100 กว่าถึง200 ถ้วยก็มี ในราคา15-20 บาท/ถ้วย โดยที่เน้นทำของทุกอย่างเองแป้งมีสูตรทำเองและสี (บัวลอย3สี) ก็ใช้สีธรรมชาติจากเผือก มันม่วง มันส้ม ฟักทอง บีทรูท ใบเตย อัญชัน มาทำเพราะจะคำนึงถึงเรื่องสุขภาพของคนกินด้วย ก็ต้องทำดี ๆ เหมือนกับที่เราทำกินเอง
ช่วงที่ขายบัวลอยถ้วยเป็นหลักอยู่นั้น น้องบอกว่าลูกค้าประจำบางคนถึงขนาดซื้อกินได้ทุกวันเพราะเขาบอกว่าเขาชอบจนกระทั่งขายดีมาก ๆ ได้สักพักใหญ่ ๆ ก็เริ่มสังเกตเห็นว่าลูกค้าน่าจะเริ่มเบื่อแล้ว ดูจากยอดขายที่ไม่ปังเหมือนในช่วงแรก ๆ แล้วจะทำยังไงดีต่อไป พยายามหาอย่างอื่นมาทำเสริมกับบัวลอยถ้วยก่อนหน้าที่จะมี “ลอดช่องสิงคโปร์”(อัญชันเส้นสด) ก็เคยลองมาแล้วทั้งสาคูไส้หมู ตะโก้ หรือว่าขนมผกากรอง ทำขายดูแต่สรุปคือ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทาง“ลอดช่องฯ หนูมองว่ามันกินง่ายพี่คือแบบมันชื่นใจดี บ้านเรามันร้อน ตอนแรกเปิดมาก็ทำสีอัญชันก่อนเลย เพราะโดยส่วนตัวมองว่าสีมันสวยแล้วก็มันธรรมชาติดี แต่ว่าพอไปลองตลาดตอนแรกลูกค้าก็ไม่ค่อยชอบนะคะอัญชันในตอนแรก ๆ เขาไม่คุ้น เราก็ต้องปรับเปลี่ยนใหม่นะหนูก็จะมีสีอื่น ๆ ด้วย สีชมพู สีเขียว และก็สีม่วง3 สีรวมกัน ก็จะขายแบบ3 สีนั้นมานานอยู่นะ หลายเดือนเลย คือให้ลูกค้ารู้ว่าอันนี้คือลอดช่องฯ นะคะ จนพอลูกค้าเริ่มติดแล้วหนูก็กลับมาเปลี่ยนใช้ “อัญชัน” หรือว่าสีม่วงสีเดียวเลย”เริ่มเปิดตัวลอดช่องฯ อัญชันขายครั้งแรกปลายปี2564 ช่วงนั้นกำลังมีงานใหญ่ของทางวัดพอดี ก็เลยขายดีมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ตอนนั้น
นอกจากลอดช่องฯ อัญชันที่ออกแนวกึ่ง ๆ เป็นเครื่องดื่มไปในตัวด้วย เพราะการเสิร์ฟคือจะตักใส่แก้วแล้วปรุงเครื่องตามด้วยน้ำแข็งตบท้ายก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้าที่สามารถเดินทานหรือดื่มแบบเครื่องดื่มเย็นได้เลย มีช้อนสำหรับตักตัวลอดช่องให้และก็มีหลอดดูดให้พร้อมจึงดูเหมือนจะค่อนข้างตอบโจทย์ของคนที่มาเดินตลาด รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้าด้วยกันเองก็จะชอบซื้อทานกันเพราะช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ดีนักอากาศร้อน ๆ ในระหว่างการออกตลาดแบบนี้“ส่วนใหญ่ลูกค้าจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า“เส้น” ของเราจะนุ่มเหนียวกินอร่อยดี และเส้นไม่อืดหรือแข็งด้วยค่ะ ส่วนทีเด็ดอีกอย่างคือเราใช้กะทิสดเท่านั้นมาทำเครื่องผสมกับตัวน้ำเชื่อมของเราที่ทำเองด้วย แล้วก็จะมีท้อปปิ้งคือขนุนสุกอีกอย่างหนึ่งซึ่งทำให้เวลาทานคู่กันรสชาติและก็กลิ่นหอมจะเข้ากันได้พอดี” ทีเด็ดของแป้งสูตรที่ใช้ทำเส้นลอดช่องฯ น้องบอกว่าเป็นสูตรของตนเองที่คิดดัดแปลงขึ้นมาโดยเฉพาะที่มีคุณสมบัติบางอย่างแตกต่างออกไปจากเส้นลอดช่องสิงคโปร์ทั่วไป ซึ่งเจ้าเล่าให้ฟังว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งเคยลองซื้อเส้นสำเร็จมาต้มขายแทนลองดู ปรากฏว่าลูกค้าที่เคยทานประจำต่างรู้เลยว่าไม่ใช่เพราะเขามาถามเลยว่าทำไมวันนี้เส้นรู้สึกว่าแข็ง ๆ ไปนะ และตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยใช้ของที่อื่นอีกเลยจะเน้นทำเองจากสูตรแป้งสดเท่านั้น
และที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า เส้นลอดช่องฯ สูตรนี้ที่น้องเป็นคนคิดค้นพัฒนาขึ้นมาเองสามารถที่จะคงคุณสมบัติเรื่อง “ความเหนียวนุ่ม” และ “เส้นไม่อืด”นี้ไว้ได้นานสามารถเก็บรักษาในสภาพแบบ “ฟรีซแข็ง” ช่องแช่แข็งของตู้เย็นได้ทีละนาน ๆ เป็นเดือนหรือปีก็ได้เลย น้องบอกว่าเป็นการค้นพบวิธีการเก็บรักษาเส้นให้อยู่ได้นาน ๆ ด้วยความบังเอิญจากช่วงโควิดฯ ตอนนั้นปั้นแป้งบัวลอยสต๊อกเอาไว้รอขายแล้วใส่ในช่องแช่ธรรมดา ปรากฏอยู่ได้ไม่กี่วันแป้งก็บูดเสียได้ง่ายก็เลยลองเอาเข้าช่องฟรีซดูซิ สรุปพอเวลาจะต้มขายก็เพียงเอาออกมาแล้วปล่อยให้น้ำแข็งละลายก่อน จากนั้นก็นำแป้งไปต้มทำบัวลอยตามขั้นตอนปกติซึ่งทุกอย่างก็จะเหมือนกันกับแป้งที่เพิ่งปั้นใหม่ ๆ เอามาทำคือจะเหมือนกันเลย แล้วก็ลองเอามาใช้กับ “เส้นลอดช่องฯ”ดูบ้างแช่ฟรีซเอาไว้เหมือนกันพอเอาออกมาทำก็คือ ปล่อยให้น้ำแข็งละลายก่อนแล้วค่อยนำเส้นมาต้มในน้ำเดือดให้สุก วิธีการดูว่าสุกดีหรือยังคือ เส้นจะใส ๆ และลอยขึ้นมาก็เป็นอันว่าใช้ได้แล้ว ซึ่งจากสูตรแป้งที่ตนเองพัฒนาขึ้นและรวมถึงวิธีการเก็บรักษาเส้นให้อยู่ได้นาน ๆ นี้ทำให้มีความสนใจที่อยากจะทำเส้นสำหรับจำหน่ายด้วยต่อไป
ปัจจุบันในส่วนของ “ลอดช่องฯ อัญชันเส้นสด” ที่น้องขายอยู่ในวันที่มีออกตลาดคือ วันเสาร์ จะอยู่ที่ตลาดนัดวัดนาวง ส่วนวันอังคาร พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ จะขายอยู่ที่ตลาดเล็ก(ฝั่งตรงข้าม) ช่วงตั้งแต่บ่าย 3 เป็นต้นไปถึงเกือบ2 ทุ่มทุกวัน และจะหยุดทุกวันจันทร์กับพฤหัสฯ เพื่อสำหรับการเตรียมวัตถุดิบ ซึ่งโดยเฉลี่ยจะขายได้ประมาณ 50-70 แก้ว/วัน หรือคิดเป็นปริมาณของ “เส้น” ก็2 กิโลกว่า/วัน จำหน่ายในราคา20-25 บาท/แก้ว รวมถึงที่ร้านยังมี น้ำเฉาก๊วย และน้ำสับปะรดที่ทำเอง มีขนมหวานอย่าง “บัวลอยถ้วย” ด้วยที่จะขาดไม่ได้เลยกับเมนูเสริมทัพก็มี ทับทิมกรอบ และช่วงนี้จะมีแตงไทยน้ำกะทิที่เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างด้วย น้องบอกว่าด้วยกำลังการซื้อและจำนวนของคนที่มาเดินตลาดยังคงมีเท่าเดิมดังนั้นการทำเรื่อง “ราคา” และ “ปริมาณ” ขายได้ต่อวันที่อาจดูเหมือนไม่มากนักแต่ทว่าหากนับรวมรายได้ที่ออกตลาดต่อวันแล้วก็เฉลี่ยอยู่ที่ 2000 ขึ้นไป ซึ่งมองว่าเป็นรายได้ที่พอเพียงหากเทียบกับการได้ดูแลลูกชายวัย 8 ขวบไปด้วย และส่วนสามีนั้นปัจจุบันก็ได้กลับเข้าทำงานตามปกติแล้วถือว่าทุกอย่างตอนนี้ลงตัวด้วยดี
สามารถไปแวะชิมอุดหนุนสินค้าหรือเลือกชมและช้อปสินค้าอื่น ๆ ที่ตลาดนัดวัดนาวง(ดอนเมือง) และตลาดนัดเล็ก ต.หลักหก อ.เมืองปทุมธานี สอบถามเพิ่มเติมโทร.095-9351-441 ร้านบัวลอยถ้วย ตลาดนัดนาวง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *