พันธุ์นี้ชื่อ Tiger tooth นำเข้าต้นแม่มาจากอเมริกาเป็นพุทราจีนหรือพุทราช็อกโกแลตก็เรียก ทรงผลยาวซึ่งปกติที่เราเคยทานกันจะเป็นผลกลม รสชาติหวานกรอบ แต่ว่าพันธุ์นี้จะออกต้นฤดูทำให้มันมีราคาแพงกว่าที่เป็นลูกกลมอยู่ประมาณ 3-5 เท่า!
ติดผลแน่นอน100% ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย “โอ๊ต-ศักศิธร บางบ่อ” นักสะสมพันธุ์ไม้ต่างถิ่นนำเข้าและยังเป็นคนที่ลงมือเพาะขยายพันธุ์เพื่อลองปลูกเลี้ยงดูเองก่อน แม้ว่าจะเป็นพ่อค้าด้วยแต่ก็ต้องมีข้อมูลจริงของการปลูกไม้ชนิดนั้น ๆ แล้วเห็นผลมาเพื่อบอกกับลูกค้าได้ ณ สวนไม้ต่างถิ่น in กรุงเทพฯ ใครเลยจะเชื่อว่าย่านดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ที่สวนของโอ๊ตตั้งอยู่นั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริเวณ “ทุ่งสีกัน” สร้างความตื่นตาให้กับผู้มาเยือนด้วยความต่างของ “ดอนเมือง” โดยสวนแห่งนี้และบริเวณรอบ ๆ ที่ยังคงความเป็นท้องทุ่งและเรือกสวนแบบต่างจังหวัดอยู่เลย! แถมพอเข้าไปถึงเจอกับเจ้าของบ้านยังถามอีก “ที่นี่เหมือนต่างจังหวัดใช่ไหม”ซึ่งมันใช่เลย! เหมือนกับในใจที่เราคิดเลย แต่ว่าความแปลกใจก็ยังไม่หยุดที่เพียงแค่นั้น เพราะว่ายังมีพันธุ์ไม้อย่างแอปเปิ้ล (หลากสายพันธุ์) ส้มคัมควอท(ส้มกินได้ทั้งเปลือก) และ “พุทราจีน” เป็นต้น ของแปลกต่างถิ่นที่มาเติบโตและให้ผลผลิตได้อยู่ที่นี่ด้วย!!!
โอ๊ตเล่าให้ฟังว่า พันธุ์ไม้แต่ละชนิดที่ตนเองนำมาทำต่อ ซึ่งในที่นี้คือการนำมาเพาะขยายพันธุ์ (เพิ่มจำนวน) และทดลองเลี้ยงดูเองก่อนเพื่อให้เห็นครบ ทั้งวงจรชีวิตของไม้ชนิดนั้น ๆ ก่อนแนะนำสู่คนอื่น ๆ ที่สนใจต่อไป ก็คือจะต้องได้ชิมก่อนแล้วชอบจึงเลือกซื้อพันธุ์(นำเข้า) จากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น ยกตัวอย่างของ “พุทราจีน” ที่ตนเองนำเข้าต้นแม่พันธุ์มาจากอเมริกาถามว่า ที่จีนมีไหม มี ในยุโรปมีไหม มี แต่ว่าที่เลือกซื้อจากอเมริกาเพราะด้วยเหตุผลเรื่องการนำเข้าอย่างถูกต้อง และมีความน่าเชื่อถือของสายพันธุ์ที่สามารถนำมาทำเชิงการค้าต่อได้อย่างสบายใจ ใช้ชื่อเรียกของพันธุ์ตามชื่อเดิมเลย(Tiger tooth) เพราะเวลาลูกค้าต้องการจะสืบค้นข้อมูลที่มาของสายพันธุ์สามารถเสิร์ชชื่อแล้วก็เจอ การนำเข้าพันธุ์ไม้มาในช่วงแรก ๆ ก็จะมีทั้งเพื่อน ๆ ที่เป็นนักสะสมด้วยกันแต่ว่าอยู่ต่างพื้นที่กัน มาขอแบ่งพันธุ์เพื่อไปทดลองปลูกดูเองด้วย ตนเองก็ปลูกด้วย เลยทำให้ได้ข้อมูลที่มีความหลากหลายของพื้นที่ปลูกซึ่งแตกต่างกันไปด้วย
ส่วนเรื่องของการขยายพันธุ์ โอ๊ตบอกว่าหลังจากลองผิดลองถูกมากว่า3 ปีจนกระทั่งได้ “เทคนิค” ที่เป็นของสวนเอง เนื่องจากพุทราจีนมีลักษณะนิสัยเป็นพืชที่มีการเจริญเติบโต(ดี) เพียงแค่ช่วงเดียวต่อปีคือ หน้าฝนเท่านั้น ที่จะมีทั้งการเจริญเติบโตทางต้นได้ดีกว่าและก็เป็นช่วงเวลาหรือฤดูกาลของ “การให้ผลผลิต” สำหรับไม้ผลชนิดนี้ด้วย ดังนั้นการขยายพันธุ์ต่อก็จะต้องดูจังหวะของพืชที่มีความเหมาะสมจึงจะได้ผลดี ติดและสามารถนำไปปลูกแล้วเจริญเติบโตได้ดีต่อไป ซึ่งที่สวนจะเน้นใช้วิธีการเสียบยอดพันธุ์ดีบนต้นตอ “พุทราป่า” ของไทยที่ได้ผลดีกว่า แต่กว่าจะได้เทคนิคนี้มาโอ๊ตบอกว่าต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ ต้องรอให้ถึงฤดูกาลแล้วจึงจะรู้ได้ พุทราจีนเป็นพืชที่ผลัดใบก็จริงปีหนึ่ง ๆ อาจจะผลัดใบหลายครั้งแต่ทว่า ก็จะต้องรอจนถึงฤดูกาลของเขาที่เหมาะสมจริง ๆ ก่อนแล้วถึงจะได้เห็นการเติบโตของต้นที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนมากกว่า
“ผลของมันคือพอแก่จัดเต็มที่ ผิวของมันจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเหมือนช็อกโกแลตเขาก็เลยเรียกว่า พุทราช็อกโกแลต”โอ๊ตยังบอกด้วยพุทราจีนที่เราซื้อ “ผล” มาทานกันนั้น ถือว่าเป็นผลไม้ที่ค่อนข้างมีราคาแพงเพราะมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ และถึงแม้ว่าผิวภายนอกจะแลดูเป็นสีน้ำตาลหรือช็อกโกแลตแล้วซึ่งความเข้าใจของผู้บริโภคคิดว่า มันก็น่าจะรสชาติหวานกรอบอร่อยแล้ว แต่จริง ๆ คือเขาต้องเก็บเกี่ยวตั้งแต่อายุของความแก่เพียง 80% เท่านั้น เก็บในขณะที่ยังเป็นผลสีเขียวอยู่แล้วก็ค่อย ๆ มาเปลี่ยนเข้าสีเป็นสีน้ำตาลได้หลังจากที่เก็บไว้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งถ้าหากว่ามีโอกาสได้ชิมผลที่แก่จัดเต็มที่จากต้นเลยจะมีรสชาติที่จัดขึ้นไปกว่ามาก หวานกรอบอร่อยกว่าอีก!
สำหรับใครที่สนใจอยากจะลองปลูกเลี้ยงเพื่อชิมรสชาติเองจากต้น โอ๊ตแนะนำวิธีการปลูกการดูแลให้ด้วยว่า ในส่วนของต้นพันธุ์เสียบยอด(ตอพุทราป่า) นี้เมื่อนำไปลงปลูกและดูแลตามขั้นตอนที่แนะนำไว้ ประมาณ1 ปีจะเริ่มมีการให้ผลผลิตได้แล้วสามารถลงปลูกแบบกระถางหรือในเข่งตามอย่างที่สวนใช้อยู่ก็ได้ เพราะที่นี่เน้นสะดวกในการขนย้ายได้ในช่วงฤดูน้ำหลาก(น้ำท่วม) สามารถที่จะยกหนีน้ำแต่ถ้าหากว่า ใครสะดวกปลูกลงดินก็จะดีในแง่ของการเจริญเติบโตดีขึ้นไปอีก เริ่มจากการเตรียมดิน/วัสดุปลูกที่มีความโปร่ง ลงปลูกต้นพันธุ์แล้วต้องมีการให้น้ำวันละ1 ครั้งพอ แบบให้ชุ่มเลย แล้วพอปลูกได้ครบ1 เดือนก็จะเริ่มมีการให้ “ปุ๋ย” ด้วยใช้สูตรเสมอ หรือสูตร 25-7-7 เป็นหลัก เว้นระยะ 1 หรือ 2 ครั้ง/เดือน ปริมาณที่ให้ดูตามขนาดของต้นที่เหมาะสม ดูแลแบบนี้ทั้งเรื่องน้ำและปุ๋ยไปจนกระทั่งถึงเดือนที่ 8 ให้เสริมด้วยปุ๋ยสูตร 8-24-24 (ให้ต้นเจริญเติบโตและสะสมอาหารไปด้วย) โดยใส่สลับกันกับสูตรเสมอหรือ 25-7-7 ควบคู่ทั้ง 2 สูตรไปแบบนี้ แล้วพอครบ1 ปีและเข้าสู่ช่วงของ“ฤดูฝน” ซึ่งเป็นเวลาที่พืชชนิดนี้มีการเจริญเติบโตได้ดีและให้ผลผลิต พุทราจีนหรือพุทราช็อกโกแลตก็จะเริ่มมีการติดดอก-ติดผลเป็นชุดแรกและเรื่อยไปเป็นชุด 2 ชุด3 ในช่วงตลอดฤดูฝน คือเรียกว่าในช่วงเวลานี้จะมีทั้งการเจริญทางต้นและการติดดอกออกผลไปด้วยซึ่งเป็นคุณสมบัติของไม้ผลชนิดนี้ แต่ในขณะที่ไม้อื่นส่วนใหญ่จะแค่มีการเจริญเติบโตทางต้นเสียมากกว่า
สรุปว่า “พุทราจีน” หรือพุทราช็อกโกแลตสามารถปลูกและติด “ผล” ได้ในประเทศไทยแน่นอนเพียงแต่ว่า อาจจะต้องอิงฤดูกาล (ช่วงหน้าฝน) เท่านั้นไม่จำกัดแต่ว่าจะต้องมีอากาศเย็นหรือเฉพาะหน้าหนาว และยังรวมไปถึงไม้ผลอีกชนิดคือ “แอปเปิ้ล” ด้วยก็ให้ผลผลิตได้ในเมืองไทยช่วงเวลาเดียวกันคือ หน้าฝนเหมือนกับพุทราช็อกโกแลต ซึ่งในความยากและหลายคนยังขาดความเข้าใจนี่เองก็เลยทำให้ทั้ง “ต้นพันธุ์” ที่จำหน่ายอยู่ในบ้านเรายังมีราคาสูงและรวมทั้ง “ผล” ที่ถือว่าเป็นผลไม้ราคาแพงอยู่นั่นเอง
ทั้งนี้ ผู้สนใจอยากจะลองปลูกเลี้ยงสามารถติดต่อไปได้ที่ คุณโอ๊ต-ศักศิธร บางบ่อ สวนไม้ต่างถิ่น in กรุงเทพฯ สอบถามเพิ่มเติมโทร.065-145-1944
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *