อดีตช่างภาพสำนักข่าวใหญ่ ใช้ชีวิตหลังเกษียณจับงานค้าขายต่อยอดภูมิปัญญาขนมไทยปั้นแบรนด์ให้ “ขนมชั้นขนมเธอ” ใช้สื่อความหมายตรงแกมกิมมิคเล็กๆ ที่ชวนให้ลูกค้าสงสัย “แล้วตกลงเป็นขนมใคร?” หลังสปอยด้วยการชิมไม่อั้น! เพิ่มยอดขายดี
นายกิตติศักดิ์ ปั้นมณีหรือ พี่อ๊อด ขออนุญาตเรียกตามวัยวุฒิในฐานะรุ่นพี่ร่วมวิชาชีพสื่อสารมวลชนมาเหมือนกัน บอกกับเราว่า ก่อนหน้านี้ตนเองก็ปักหลักทำงานประจำมานานหลายปีด้านสื่อสารมวลชนอยู่ในสำนักข่าวแห่งหนึ่ง โดยรั้งตำแหน่งเป็นช่างภาพและบางคราวต้องทำหน้าที่นักข่าวภาคสนามด้วย จนกระทั่งใกล้ ๆ อายุจะครบกำหนดการเกษียณ แต่ว่าพอดี “ภรรยา” ซึ่งขอเกษียณออกมาก่อนล่วงหน้าตนเองแล้ว ในระหว่างนั้นเกิดไอเดียเรื่องการต่อยอดภูมิปัญญา “ขนมไทย” หลังจากที่ได้เห็นญาติ ๆ กันทำขนมไทยโบราณซึ่งมีฝีมือดีอยู่แล้วทั้ง ขนมชั้น ขนมเปียกปูน รสชาติดีหอมนุ่มอร่อยไม่เหมือนใคร จึงคิดว่าน่าจะนำออกมาลองเปิดตลาดดูสร้างเป็นแบรนด์ขนมไทยขึ้นมา “เราเริ่มต้นมาเมื่อสักประมาณ 8 ปีที่แล้ว ผมก็ก่อนที่จะรีไทร์จากงานประจำเนี่ย ช่วงนั้นก็คือแฟนรีไทร์ออกมาก่อนก็อยู่บ้านเฉย ๆ ก็เบื่อ! อยากที่จะหาอะไรทำ พอดีมีญาติทำขนมชั้น-ขนมเปียกปูนโบราณก็เลยลองเอามา ทดลองขายกันดู พอขายแล้วรู้สึกว่ามันก็สนุกดี ประสบความสำเร็จ “ขายดี” เปิดตลาดแล้วโอเคตอบรับดีครับ ก็จากนั้นเราก็เลยเข้ามาทำค่อนข้างจะจริงจังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือออกบูธ ออกบูธตามห้างฯ แล้วก็มีไปขายตามงานที่เมืองทองธานี และไบเทคบางนา ด้วยพวกนี้ครับ ยุคนั้นเนี่ยขายดีมาก ๆ ยอดถล่มทลายเลย หลังจากนั้นอีกสักปีหนึ่งผมก็รีไทร์ออกมา ออกมาทำเต็มตัวเลย สองคนกับแฟน เริ่มต้นก็ทำกันสองคนก่อน และก็เริ่มมีลูกน้องเข้ามาแจมมาช่วยขายด้วยเพิ่มขึ้นตามมา”
ยึดทำเลทองออกบูธตามห้างฯ สร้างยอดขายดีกว่า
พี่อ๊อด เล่าให้ฟังอีกว่า เดิมทีการขายจะเริ่มต้นที่ตลาดนัดก่อน พบว่าการตอบรับดี จากนั้นก็ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้เข้าไปลองขายในห้างฯ เป็นประธานมูลนิธิ Earth Save Foundation ในเครือเซ็นทรัลฯ ให้ได้ลองขายในงานใหญ่เป็นครั้งแรก โดยได้พื้นที่(บูธ) ฟรี “ผลตอบรับเราไม่มีค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าบูธ โอ้โห! เงินที่มันกลับมามันค่อนข้างสูง เราก็มองเฮ้ยถ้าอย่างนี้ เราเอาเงินในส่วนที่มันได้อย่างนี้มาเช่าบูธเนี่ยมันก็ยังเป็นไปได้ ก็เลยเริ่มคิดว่างั้นเราออกตามห้างฯ ดีกว่านะ มาเช่าพื้นที่ตามห้างฯ ขายอะไรเงี้ย”
เปลี่ยนเป็นออกบูธขายตามห้างฯ สร้างยอดและรายได้ดีกว่า “ยอดขายนี่คือค่อนข้างมากพอสมควรเลยครับ แล้วในยุคนั้นย้อนหลังไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เมืองทองธานีเนี่ย อิมแพ็คเมืองทอง ถือว่าเป็นทำเลทองของทุกคนเลย โอ้โห! ถ้าสินค้าเราได้ไปออกที่เมืองทองนี่นะมันเป็นอะไรที่ ขายถล่มทลาย! ในยุคนั้นนะครับ”
เป็นอาชีพที่อิสระ วางแผนล่วงหน้าแบบ “Year Plan” ได้เลย
ซึ่งสำหรับผู้ค้าหน้าใหม่หากอยากนำสินค้าตนเองเข้าไปขายในห้างฯ หรือตามงานอีเว้นต์ต่าง ๆ ได้ พี่อ๊อดเล่าให้ฟังด้วย เวลาที่เราไปออกงานที่ไหนก็แล้วแต่ งานใดงานหนึ่งก็จะมีทีมของออร์แกไนซ์ที่มาเดินตามบูธเลย แจกเบอร์โทรหรือขอเบอร์ติดต่อจากทางร้าน แล้วพอเขาจะมีงานที่ไหนเขาก็จะโทรมา connect กับเราว่างานที่นี่ ๆ นะค่าบูธเท่านี้ ๆ นะทางร้านสนใจไปร่วมงานด้วยไหม ซึ่งก็เลยทำให้ในฐานะของคนค้าขายก็จะมี “Year Plan” ว่าปีหนึ่งอย่างเดือนนี้เราจะมีลงงาน (ออกบูธ) ที่ไหนบ้าง ไปงานกับใคร หน่วยงานไหนจัดที่ห้างไหน อะไรอย่างไร หรือสถานที่ไหน เป็นต้น และก็เดือนหน้าถัดไป ๆ ซึ่งสามารถที่จะแพลนงานล่วงหน้าได้เป็นปีเลย
“เมื่อก่อนเป็นมนุษย์เงินเดือน หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ตอนนี้เนี่ยเราอยากหยุดเมื่อไหร่เราก็หยุด เราอยากพักเมื่อไหร่เราก็พัก ถ้าเรามีเวลาอย่างเดือนหนึ่ง 30-31 วัน ผมจะหยุดสักประมาณ 10 วัน ลงงาน10 วันพัก /10 วันพัก หรือว่า5 วันพัก ก็ได้แล้วแต่ หรือเดือนไหนเราอยากจะพักยาว ๆ เราก็พักเลย คือตรงนี้มันค่อนข้างอิสระ แล้วรายได้ก็ชัดเจน”
ฟีดแบ็คจากลูกค้าหลังจากที่ได้ชิมขนมแล้วต่างบอกว่า “อร่อย หอม นุ่ม” โดยพี่อ๊อดยังบอกด้วย ขนมของทางร้านไม่มีการใส่สีผสมอาหาร จะไม่ใช้เลยและไม่มีสารกันบูดเพราะจะเน้น “ความสดใหม่” ทำขายแบบวันต่อวันเท่านั้น “ของเราเป็นสีธรรมชาติครับ ทำจาก 3 แป้ง(แป้งท้าว, แป้งมัน, แป้งข้าวเจ้า) และก็มีกะทิเป็นตัวประสานและก็สีเนี่ยจะมี ใบเตย ก็ใช้ใบเตยมาปั่นแล้วคั้นเอาน้ำ แล้วก็จะมีอีก2 รสชาติคือ ขนมชั้นอัญชัน ก็เอาดอกอัญชันมาคั้นเอาน้ำ และก็มีกาแฟก็เอากาแฟมาผสม นอกจากขนมชั้นแล้วเราก็ยังมี เปียกปูนโบราณ ซึ่งจะมี2 สี2 รส ก็คือ รสใบเตย กับรสดั้งเดิม(สีดำ/กาบมะพร้าวเผา) ก็คือจะใช้กาบมะพร้าวเผาเอามากรองน้ำทำเป็นสี เป็นวิธีการทำแบบดั้งเดิมเลย แบบโบราณ กวนนาน เหนียวหนึบ นุ่ม ถ้าของแท้จะต้องเหนียว ซึ่งของเรายังยึดอยู่ในส่วนของแบบโบราณ เราอยากให้คนได้ทานของโบราณจริง ๆ อย่างเปียกปูนใบเตยเดิมทีเขาเรียก เปียกอ่อน แต่ของเราเปียกปูนโบราณก็คือเปียกสีดำ ก็ใช้กาบมะพร้าวเผาทำสี และก็ยังมีกุยช่าย กุยช่ายก็น้ำจิ้มจะเผ็ดนิด ๆ กุยช่ายก็อร่อยมากครับ”
ชิมไม่อั้น!!! จุดขายสำคัญของ “ขนมชั้น ขนมเธอ”
“ขนมอร่อยมากนะคะ ชิมเป็นเกียรติหน่อยค่ะ” ต้องถือว่าประโยคทองนี้ที่ทำให้เรารู้สึกสนใจใคร่อยากรู้จักร้านนี้เพิ่มขึ้นมาทันทีในระหว่างที่กำลังเดิน ๆ เที่ยวชมงาน “เกษตรแฟร์” ปี2566 อยู่แล้วมาสะดุดหยุดอยู่ที่หน้าร้านนี้พอดี และจากชื่อร้าน “ขนมชั้นขนมเธอ” ด้วย พี่อ๊อดเล่าถึงที่มาให้ฟังว่า เมื่อก่อนออกขายกันใหม่ ๆ ตอนนั้นยังไม่ได้มีการให้ “ลูกค้าชิมฟรี” แบบที่เห็นอย่างตอนนี้ โดยเวลาออกขายก็จะวางกล่องขนมตั้งซ้อนกันอยู่นิ่ง ๆ ไว้อย่างนั้นบนโต๊ะที่ออกบูธ แล้วสรุปคือ ลูกค้าเดินผ่านไปผ่านมาก็ไม่มีใครทักหรือหยิบขนมขึ้นมาเพื่อถามซื้อเลยสักคนเดียว จนกระทั่งต้องทำอะไรสักอย่างขึ้นมา“ผมออกบูธครั้งแรกนะขออนุญาตนะ ผมตั้งไว้เฉย ๆ ไม่มีให้ชิมนะ คนเดินผ่านไปเขาบอกนึกว่ากล่องสบู่โอทอป ลูกค้าบอกอ้าว! นึกว่ากล่องสบู่โอทอป ผมขออนุญาตเอาให้ดูอย่างเงี้ย มันเป็นกล่องแบบนี้ครับ เราเอามาตัดให้ลูกค้าชิม พอเราเริ่มเอามาแบบตัดฉีกให้ชิม เสียบไม้ แล้วยื่นให้ชิม ชิมหน่อยครับ ช่วยชิมเป็นเกียรติหน่อยนะครับ อย่างเงี้ย! ลูกค้าพอชิมปุ๊บฮึ! อร่อย! เอ้อขายยังไงอะไรเงี้ย จากที่เมื่อก่อนมองว่าเป็นสบู่โอทอป เริ่มรู้จักแล้วโอนี่คือ “ขนมชั้นขนมเธอ” อะไรเงี้ยครับ”
จากที่เคยวางไว้เฉย ๆ แล้วคนไม่สนใจ แต่พอได้ชิมแล้วต่างก็ติดอกติดใจถามซื้อต่อกันเลยทีเดียว ทำให้กลายเป็นจุดขายสำคัญของร้านในการใช้เรียกแขกช่วยเพิ่มยอดขายดีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ขณะที่ปริมาณของการขายต่อวันถามพี่อ๊อดว่าได้มากน้อยสักขนาดไหน ซึ่งคำตอบที่ได้คือ แล้วแต่งานนั้น ๆ เลย ไม่เท่ากัน ในแต่ละห้างฯ ที่เคยไปขายปริมาณของต่อวันที่เตรียมไปก็ไม่เท่ากัน อย่างบางห้างฯขายดีก็เยอะหน่อย บางห้างฯ ขายไม่ดีแต่ค่าบูธถูก ขนมก็ลดลงมา แต่ถ้าค่าบูธแพงเราก็ต้องทำขนมเพิ่มขึ้น เพื่อให้ cover กันกับรายจ่าย มันจะมี cost ของมัน“บางห้างฯ เนี่ยโอ้โห ค่าบูธวันหนึ่งพูดได้นะครับ ขออนุญาตนะบางวันเนี่ยค่าบูธ วันละ 5000! อย่างเงี้ย ค่าเช่านะวันละห้าพัน! แต่นี่ยังน้อยนะ(บางงาน) ค่าบูธวันละ 12,500!!! ต่อวันนะ อันนี้คือค่าเช่านะ! ซึ่งถ้าเราขายน้อยเนี่ยมันจะไม่ cover ดังนั้นขนมเราก็ต้องเยอะขึ้น แต่เขาก็โปรโมตดีคนก็มาซื้อเยอะ แต่ถามกำไรมันเยอะมั้ย มันก็ไม่ได้เยอะถึงขนาดว่าแบบโอ้โหร่ำรวยนะ”
ปริมาณการขายได้ต่อวันเอาแค่ว่า ของที่เตรียมไปขายหมดต่อวันก็พอ! หรืออย่างเช่นที่ งานเกษตรแฟร์ปีนี้ ที่รู้สึกว่ามีคนมาเดินเที่ยวงานกันเยอะซึ่งก็ทำให้บางวัน (ช่วงเสาร์-อาทิตย์) ก็อาจจะมีการเติมขนมเพิ่มด้วยในช่วงบ่าย แต่ว่าการขายขายได้มากก็จริงพี่อ๊อดบอกด้วย แต่จากการที่ร้านมีการให้ลูกค้าชิมไม่อั้น! ด้วยก็ทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้นตามมาเช่นกัน “คนมาเที่ยวงาน เดินเยอะชิมเยอะครับ ผมให้ชิมเนี่ยไม่อั้นนะ ชิมไม่อั้นนะ วันหนึ่งโอ้โหผมว่า 200-300 ชิ้นนะ ผมไม่อั้นในเรื่องการชิมนะ แต่ว่าชิมแล้วขายดีมั้ยขายดี แต่ cost มันก็เยอะ ไหนจะ cost เรื่องค่าเช่าพื้นที่ cost เรื่องของที่มาชิมอะไรเงี้ยฮะ มันก็พอสมควรอยู่”
“ขนมชั้น ขนมเธอ” แล้วตกลงเป็นขนมใคร?
พี่อ๊อดบอกว่า ที่มาของการตั้งชื่อ “ขนมชั้นขนมเธอ” เพราะว่าต้องการจะใช้สื่อความหมายที่ตรงตัวกับสินค้าหลักซึ่งก็คือ“ขนมชั้น” ด้วย และอีกอย่างก็ใช้เป็นGimmick เล็ก ๆ ของร้านที่ชวนให้ลูกค้าเกิดความสงสัยและอยากจะรู้ว่ามันคืออะไร“ขนมชั้นขนมเธอเนี่ย มันก็คือขนมชั้นขนมเธอหมายถึงว่า อย่างลูกค้าถามคืออะไร เราบอกว่าขนมชั้นตอนนี้เป็นขนมชั้นไง แต่ถ้าจ่ายเงินปุ๊บก็เป็นขนมเธอ นี่คือความหมายที่เราอยากจะสื่อกับเขา มันเป็นชื่อขนมแล้วมันล้อกันพอดี ผมว่าชื่อ “ขนมชั้นขนมเธอ” เนี่ยเราออกมาก่อน ขออนุญาตนะเราไม่อยากพาดพิง แต่มันจะมีคล้าย ๆ กันนะแต่ของเขาเนี่ยเป็น ขนมฉันขนมเธอ แต่เราออกมา “ขนมชั้นขนมเธอ” ก่อนเพราะของผมทำมา 8 ปีแล้วนะ”
จากมนุษย์เงินเดือน รู้อย่างนี้ลาออกมาตั้งนานแล้ว!
ความขี้อาย ความไม่กล้าที่จะขายของ การมาทำอาชีพเป็นพ่อค้าแม่ค้าหากคิดสำหรับคนทำงานประจำ หรือมนุษย์เงินเดือนแล้ว
เชื่อว่ายังมีอีกหลาย ๆ คนที่ติดกับอยู่ในภวังค์นี้ จนทำให้ไม่กล้า! ที่จะเปลี่ยนมาเลือกเส้นทางอาชีพที่อิสระเสรีนี้สักเท่าไรนัก พี่อ๊อดบอกว่า ตัวเขาเองแต่ก่อนก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นที่คิดแบบนี้ แต่ทว่าสำหรับตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว!“เมื่อก่อนเรามองว่า อาชีพค้าขายเนี่ยมันเป็นอาชีพที่แบบหึ้ย! คนมองแล้วแบบมันดูไม่ใช่! อะไรเงี้ย แล้วเราแบบมาจากสายทำงานอาชีพแบบทำงานเอกชน งานประจำ เป็นมนุษย์เงินเดือน แล้วเราจะไปรอดมั้ย? ตอนนั้นเราก็มองนะ เฮ้ยเราลองดู!พอไปทำแล้วอู้หู!มันจับเงินมากกว่าที่เราอยู่ในงานประจำอีก! เราได้สัมผัสเงินที่มันเฮ้ย! โอ้โห! รู้อย่างนี้ทำไมเราไม่ออกมาตั้งนานแล้ว! อะไรเงี้ย”
ขอบคุณทัศนคติใหม่ ๆ ที่ชวนเติมไฟในการลุกขึ้นมาทำกินให้กับเราและอีกหลาย ๆ คน ได้พบกับคำตอบที่ชัดเจน โดยมีตัวอย่างของความสำเร็จเป็นสิ่งที่ยืนยัน สำหรับใครสนใจอยากจะชิม “ขนมชั้นขนมเธอ” ก็คงต้องอดใจรอไปพบกับการออกบูธของร้านตามงานต่าง ๆ ได้เท่านั้น เพราะไม่มีหน้าร้าน และไม่เน้นการขายผ่านออนไลน์ด้วย หรืออีกทางหนึ่งก็คือลูกค้าสามารถ order โดยตรงกับทางร้านได้เลยกรณีต้องการใช้ขนมในปริมาณมาก ทั้งนี้ สามารถติดต่อไปได้ที่ โทร.096-858-2224
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *