การเลี้ยง “ชันโรง” หรือ “ผึ้งจิ๋ว” เป็นอีกหนึ่งการหารายได้เสริมที่กำลังได้รับความนิยมของชาวสวนผลไม้ เนื่องจากสามารถเลี้ยงได้ภายในบริเวณสวน มีการลงทุนน้อย และช่วยให้มีรายได้เสริมจากการขายน้ำผึ้งชันโรง ที่มีที่มีราคาสูงและมีความพิเศษกว่าน้ำผึ้งทั่วๆ ไป พร้อมกับยังได้กำไรถึง 2 ต่อ สร้างรายได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอขายผลผลิตทางการเกษตรแค่เฉพาะในฤดูกาล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นุกุล ชิ้นฟัก หัวหน้าโครงการศูนย์วิจัยชุมชน ต.ชะแล้ สร้างอาหารปลอดภัย ต.ชะแล้ อ.สิงหนคร จ.สงขลา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เล่าว่า ปัจจุบันชาวสวนผลไม้ ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าทางการเกษตรที่ตกต่ำ และสภาพอากาศที่แปรปรวนยังส่งผลให้ผลผลิตนั้นไม่มีความแน่นอน ทำให้รายได้จากการขายผลไม้นั้นไม่ได้ตรงตามเป้าหมาย จึงเกิดแนวคิดในการสร้างอาชีพเสริมให้กับเกษตรกรสวนผลไม้ ในพื้นที่ ต.ชะแล้ อ.สิงหนคร จ.สงขลา ด้วยการเลี้ยง “ชันโรง” หรือ “ผึ่งจิ๋ว” ที่ทำให้เกิดการใช้พื้นที่ว่างภายในบริเวณสวนให้เกิดประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้น
ลงทุนน้อย ได้กำไร 2 ต่อ สร้างรายได้ตลอดปี
“ชันโรง” หรือ “ผึ่งจิ๋ว” มีชื่อเรียกที่หลากหลายตามแต่ละภาค ในพื้นที่ภาคใต้เรียกกันว่า “อุง” โดยเป็นผึ่งขนาดเล็กที่ไม่มีเหล็กใน การเลี้ยงชันโรงนั้นสามารถเลี้ยงได้ไม่ยากและใช้เงินในการลงทุนน้อย เพียงแค่เลือกชันโรงที่มีความพร้อมในการสร้างอาณาจักรมาเลี้ยงใส่ในรังเพาะเลี้ยง นำรังไปตั้งในจุดที่เหมาะสมและปลอดภัยในพื้นที่ภายในสวน ซึ่งรัศมีในการหากินของชันโรงนั้น มีระยะประมาณ 300 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่ไม่ไกลมากเมื่อเทียบกับผึ้งชนิดอื่นๆ ทำให้เกษตรกรสามารถควบคุมพื้นที่การเลี้ยงได้อย่างสะดวก แม้เกษตรบางรายจะมีพื้นที่ภายในสวนน้อยก็ตาม
“การเลี้ยงชันโรงภายในสวนสามารถทำให้ชาวสวนได้กำไรถึง 2 ต่อ กำไรแรกคือ ได้มีแมลงในการเป็นตัวช่วยผสมเกสรช่อดอกของผลไม้ภายในสวน ทำให้ประสิทธิภาพในการผสมเกสรนั้นเพิ่มขึ้น เพิ่มปริมาณผลผลิตทางการเกษตร กำไรที่สองคือ ได้มีรายได้เสริมจากการขายน้ำผึ้งชันโรง ซึ่งกำลังได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของตลาดในการเป็นน้ำตาลทางเลือกเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังได้ใช้พื้นที่ว่างระหว่างต้นไม้ภายในบริเวณสวน มาทำเป็นพื้นที่ปลูกพืชดอกชนิดอื่นๆ เพื่อให้เป็นอาหารของชันโรง ทำให้การใช้พื้นที่ภายในสวนมีประโยชน์มากเพิ่มขึ้น”
จากรายได้เสริม กลายเป็นรายได้หลัก จากผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งชันโรง
สำหรับเกษตรบางรายที่ได้มีการเลี้ยงชันโรงในพื้นที่สวนอย่างเต็มรูปแบบนั้น สามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องรอขายเพียงแค่ผลไม้ตามช่วงฤดูกาล เนื่องจากน้ำผึ้งชันโรงสามารถขายได้ทุกช่วงเวลา และกำลังได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของตลาดในการเป็นน้ำตาลทางเลือกเพื่อสุขภาพ เนื่องจากน้ำผึ้งชันโรงนั้นมีลักษณะเด่นคือ เป็นน้ำผึ้งที่มีน้ำตาลในปริมาณที่น้อย เพราะพฤติกรรมของชันโรงคือจะเก็บน้ำตาลจากเกสรดอกไม้ 20 % และเกสรดอกไม้ 80 % น้ำผึ้งชันโรงจึงมีเกสรจากดอกไม้ผสมอยู่ในปริมาณที่มาก และมีความหอมและรสชาติที่แตกต่างจากน้ำผึ้งทั่วๆ ไป ทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูงในท้องตลาด
การขายผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งชันโรงจึงทำให้ชาวสวนมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถนำไปต่อยอดด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ สบู่ ครีมบำรุง ยาบำรุง ที่เพิ่มมูลค่าได้อีกหลายเท่า ซึ่งในบางรายได้สามารถทำให้เป็นรายได้หลัก พอๆ กับการขายผลไม้ ด้วยการพัฒนาเป็นแบรนด์น้ำผึ่งชันโรงของตนเอง และเพิ่มช่องทางในการขายที่หลากหลายทำให้ขยายฐานของลูกค้าเพิ่มขึ้น ได้ทั้งมีลูกค้าผลไม้และลูกค้าน้ำผึ้งมีรายรับได้ตลอดทั้งปี
การเลี้ยงชันโรงในสวนจึงเป็นอีกหนึ่งงานวิจัยที่ตอบโจทย์ชาวสวน ที่กำลังพบปัญหาทั้งในเรื่องราคาผลไม้ที่ตกต่ำและสภาพอากาศที่แปรปรวนในยุคปัจจุบัน มีรายได้เสริมโดยใช้เงินลงทุนที่น้อย สร้างรายได้ได้ตลอดทั้งปี และโครงการศูนย์วิจัยชุมชน ต.ชะแล้ สร้างอาหารปลอดภัย ยังได้เข้าร่วมประกวดและจัดแสดงในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ
ประจำปี2564 อีกด้วย
สนใจติดต่อ
ศูนย์วิจัยชุมชนตำบลชะแล้ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
โทร.074 – 590 113