หลังจากซุปเปอร์สตาร์สาว “ลิซ่า BLACKPINK” ลลิษา มโนบาล พูดผ่านในรายการ วู้ดดี้โชว์ ถึงอาหารโปรดของลิซ่า คือ ลูกชิ้นยืนกินที่มีน้ำจิ้มรสเด็ด เป็นน้ำจิ้มพริกเผา หลังสถานีรถไฟบุรีรัมย์ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ที่แม่เคยพาไปกินตอนเด็ก เพียงแค่ข้ามคืน ร้านลูกชิ้นยืนกิน ที่น้องลิซ่า พูดถึง ร้านลูกชิ้นยืนกิน เจ้พงษ์ ลูกชิ้นทอดหอนาฬิกาหน้าสถานีรถไฟ ของ “นางหทัยทิพย์ แซ่โล้” ขายดิบ ขายดี
สำหรับร้านลูกชิ้นยืนกิน กลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์ ใครมาบุรีรัมย์ ก็ต้องแวะมากินลูกชิ้นยืนกิน และจุดสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ในสมัยก่อนมีร้านลูกชิ้นเป็นรถมอไซด์พ่วงขายลูกชิ้น บางร้านก็เป็นรถเข็น มีแค่2-3เจ้า และน้ำจิ้มตั้งเป็นหม้อใหญ่ไว้ศูนย์กลางและทุกคนก็ยืนล้อมรถลูกชิ้น และพร้อมใจกันจิ้มน้ำจิ้มในหม้อเดียวกัน พร้อมผักจิ้ม กะหล่ำปลีและแตงกวา มันไม่ใช่ร้านมีโต๊ะ ไม่มีที่นั่งเลยต้องยืนล้อมวงกินกินเสร็จนับไม้และถึงจะจ่ายเงิน เป็นที่มาของ ลูกชิ้นยืนกิน
โดยลูกชิ้นแต่ละร้านก็จะไม่ต่างกันมา เพราะส่วนใหญ่จะซื้อมาจากโรงงานเหมือนกัน ไม่ได้ทำลูกชิ้นเอง แต่ที่แตกต่างกัน คือ น้ำจิ้ม ดังนั้นความอร่อยจึงอยู่ที่น้ำจิ้ม น้ำจิ้มทั่วไปในบุรีรัมย์ที่หากินได้ง่าย คือ สูตรมะขาม แต่ร้านที่ “ลิซ่า” ชื่นชอบ น่าจะเป็นร้านเจ้พงษ์ ตรงหอนาฬิกาใกล้กับสถานีรถไฟ ร้านนี้เด็ดที่เป็นสูตรน้ำพริกเผา ที่”ลิซ่า” พูดถึง และเขาบอกกันว่า ร้านนี้ ไม่เหมือนกับร้านอื่น ตรงน้ำจิ้มพริกเผา
นางหทัยทิพย์ เจ้าของร้าน เล่าว่า หลังจาก ลิซ่า ได้พูดถึง ร้านลูกชิ้นยืนกิน ที่บุรีรัมย์ ลูกค้าแห่สั่งจองออนไลน์เยอะมาก จนแทบไม่ได้นอน และมาอุดหนุนซื้อถึงหน้าร้านตั้งเช้า ทำให้ลูกค้าเยอะขึ้นมากกว่าปกติในช่วงสถานการณ์โควิด ระบาด ส่วนตัวรู้สึกดีใจมากที่ลิซ่าไม่ลืมบ้านเกิด ยังคิดถึงคนบุรีรัมย์ และยังคิดถึงลูกชิ้นยืนกินที่เป็นสัญลักษณ์ของบุรีรัมย์
ในส่วนของร้านที่สื่อ พูดถึงกันมาก คือ ร้านป้านก เป็นร้านเก่าแก่ ร้านแรกๆเลย ที่ขายลูกชิ้นยืนกิน ขายมานานกว่า 40 ปี ปัจจุบัน ตกทอดมาจนถึงรุ่นลูกแล้ว เพราะป้านกแก่เสียชีวิตไปนานแล้ว ซึ่งคนที่มารับช่วงต่อจากป้านก คือ "นางรุ่งอรุณ ชนะทะเล" เจ้าของร้านทายาทรุ่นที่ 2
นางรุ่งอรุณเล่าว่า หลังจากที่ กระแสของ ลิซ่า ที่พูดถึงลูกชิ้นยืนกิน ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ ทำให้ยอดขายของเธอเพิ่มขึ้นมา วันหนึ่งขายลูกชิ้นไม่ต่ำกว่า 200 กิโลกรัม จากเดิม ในช่วงก่อนสถานการณ์โควิด ว่าขายดีแล้ว อย่างมากลูกชิ้นแค่วันละ 100 กิโลกรัม แต่พอมีสถานการณ์โควิด ขายได้น้อยมาก วันละไม่เกิน 20-30 กิโลกรัม เท่านั้น ซึ่งร้านป้านก ความอร่อยอยู่ที่ น้ำจิ้มเช่นกัน รสชาติที่หวานนิดๆ เค็มหน่อย ๆ เผ็ดๆ แบบถึงเครื่อง เดิมรสเปรี้ยว ความกลมกล่อมของน้ำมะขาม ปัจจุบันไม่ค่อยได้รสเปรี้ยวของมะขาม เพราะคนรุ่นใหม่ชอบ หวานนำมากกว่า
ปัจจุบัน ป้านก และ เจ้พงษ์ ไม่ได้ขายแค่หน้าร้าน ให้ลูกค้ามายืนจิ้มน้ำจิ้มกินหน้าร้าน เพราะสถานการณ์โควิด น้ำจิ้มเขาจะตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผัก แยกกินไม่ได้ให้ลูกค้าจิ้มในหม้อน้ำจิ้มเหมือนในอดีต เพื่อป้องกันเชื้อโควิด และทั้งสองร้านก็ยัง ทำน้ำจิ้มใส่ขวดขาย ทางออนไลน์ สำหรับคนที่อยู่พื้นที่ไกลๆ ไม่สามารถเดินทางมากินได้ แต่อยากลิ้มลองรสชาติของลูกชิ้นยืนกินที่บุรีรัมย์ ก็สั่งน้ำจิ้มไปกิน ได้
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEsผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
SMEs manager